Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 67 เจอเนื้อคู่บ้างหรือไม่
“…”
เปโตรนิยาสังหรณ์ใจว่าข้อเรียกร้องของผู้ชายคนนี้ชักจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรอธซีเห็นสีหน้าของเปโตรนิยาเขาก็พึมพำด้วยความผิดหวังว่า ‘สงสัยจะไม่ได้จริงๆ…’ ท่าทางที่ดูราวกับลูกแมวถูกทิ้งของเขาทำให้เปโตรนิยารู้สึกไม่สบายใจ สุดท้ายนางก็ถอนหายใจและเอ่ยปาก
“ก็ได้ค่ะ”
เพียงคำเดียวสีหน้าไร้ชีวิตก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
“จริงหรือครับ” เขาถาม
“ข้าไม่กลับคำหรอกค่ะ”
เปโตรนิยาตั้งเงื่อนไข “แต่ต้องมาส่งข้าที่คฤหาสน์ก่อนค่ำนะคะ”
“แน่นอนครับ เลดี้ ข้ามิใช่คนไม่รู้กาลเทศะหรอกครับ”
เปโตรนิยาอยากจะตอบว่า ‘แต่ท่านดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นนะคะ’ แต่นางก็ยั้งปากไว้ เมื่อเปโตรนิยาอนุญาต รอธซีก็ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เมื่อไรดีครับ เลดี้ หากเลดี้สะดวกจะไปตอนนี้เลยก็…”
“เอ่อ ขออภัยด้วยค่ะ ไปตอนนี้คงไม่ได้…” เปโตรนิยาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าจะส่งคนไปแจ้งที่คฤหาสน์เคานต์อีกทีค่ะ ได้ไหมคะ”
“ได้ครับ”
เขาตอบพลางหัวเราะดังลั่นราวกับจะบอกว่าเขาพร้อมเสมอ ท่าทีของอีกฝ่ายทำให้เปโตรนิยาพลอยหัวเราะตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว รอธซีเห็นดังนั้นก็กดยิ้มมุมปาก
“เอ๊ะ? เมื่อครู่เลดี้หัวเราะ”
“…”
“ใช่ไหมครับ” เขาถาม
“…แล้วมันสำคัญด้วยหรือคะ”
“สำคัญสิครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มสบายหู “นี่เป็นครั้งแรกที่เลดี้คุยกับข้าแล้วหัวเราะ”
“…”
ไม่น่าจะใช่ครั้งแรกนะ… ในระหว่างที่เปโตรนิยากำลังนึกย้อนถึงความทรงจำอันสับสน รอธซีก็ลุกขึ้น
“จะไปแล้วหรือคะ” เปโตรนิยาถาม
“เลดี้กำลังยุ่งมิใช่หรือครับ ข้าไม่คิดจะรบกวนเวลาของเลดี้หรอกครับ”
“…”
“เช่นนั้น วันนี้ข้าขอตัว”
พูดจบเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเปโตรนิยา ขณะที่เปโตรนิยาเหม่อมองท่าทีของอีกฝ่าย เขาก็จุมพิตที่หลังมือขวา การจุมพิตอันเป็นสัญลักษณ์ของอัศวินทำให้สีหน้าของเปโตรนิยาเต็มไปด้วยความเก้อเขินทำตัวไม่ถูก รอธซีไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขายิ้มกว้างกล่าวเสียงหวาน
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะมารับนะครับ เลดี้”
“…”
สุภาพบุรุษมารยาทงามคนนั้นกลับไปแล้ว ในขณะที่เปโตรนิยายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ เมื่อได้สตินางก็รีบส่ายหน้าพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง
“เป็นอย่างไรบ้างลูก” มาร์เชอเนสโกรเชสเตอร์ถามบุตรสาวที่เดินออกมาจากห้องรับแขก
“อะ อะไรหรือคะ”
“บุตรชายของเคานต์คนนั้นน่ะสิ แม่ถูกใจเขาเหลือเกิน”
“ยะ…อย่าพูดอะไรไร้สาระสิคะ ท่านแม่”
เปโตรนิยาค้อนทั้งหน้าแดงระเรื่อก่อนจะรีบเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป ทำไมจู่ๆ ท่านแม่ถึงพูดอะไรแบบนั้น! ขณะจัดชุดเดรสที่สวมอยู่ให้เรียบร้อยเปโตรนิยาก็คิดว่าต้องรีบเข้าวังเสียแล้ว
กว่าเปโตรนิยาจะมาถึงตำหนักจักรพรรดินีก็สองโมงเข้าไปแล้ว แพทริเซียต้อนรับพี่สาวอย่างยินดี
“วันนี้ทำไมช้าจังล่ะ นีย่า”
“เอ่อ…”
ได้ยินคำถามของแพทริเซีย เปโตรนิยาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็ตอบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แค่…ตื่นสายน่ะ”
“แปลกจัง เจ้าเนี่ยนะตื่นสาย”
แพทริเซียพึมพำด้วยความประหลาดใจ เปโตรนิยายิ้มเจื่อนและพยักหน้า ไม่นานมีร์ยาก็เข้ามาพร้อมของว่างมากมายสำหรับทั้งสองคน แพทริเซียหยิบขนมดั๊กกวซรสช็อกโกแลตเข้าปากชิ้นหนึ่งและเริ่มเกริ่น
“ข้ามีอะไรจะบอก”
“อะไรหรือ”
“ก็…เรื่องอนุภรรยาของดยุกเอเฟรนีน่ะ”
“อ้อ”
ตอนนั้นเองเปโตรนิยาก็รู้ว่าแพทริเซียจะพูดเรื่องอะไรจึงชิงพูดก่อน
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นข้าขอพูดก่อน”
“หืม? เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“อนุภรรยาคนนั้นชื่อแจนยูเอรี” เปโตรนิยาพูดรวบรัดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “และมาดามแจนยูเอรีกับโรสมอนด์น่าจะแอบติดต่อกันอย่างลับๆ อยู่”
“ให้ตายเถอะ ว่าแล้วเชียว!”
แพทริเซียส่ายหน้าไปมาราวกับสิ่งที่นางคาดการณ์เอาไว้ถูกต้องทั้งหมด
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” เปโตรนิยาถาม
“เมื่อวานข้าบังเอิญได้ยินสองคนนั้นคุยกันที่ระเบียง แต่ไม่รู้รายละเอียดมากนัก ได้ยินว่าลงเรือลำเดียวกัน…หรืออะไรทำนองนี้”
“เท่าที่ข้าดู ผู้หญิงที่ชื่อแจนยูเอรีน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับเรื่องทั้งหมดมากกว่าที่เราคิด”
พูดจบ เปโตรนิยาก็ยื่นอะไรบางอย่างให้แพทริเซีย มันคือจดหมายที่นางได้มาจากห้องของแจนยูเอรี
“นี่คืออะไรหรือ นิล” แพทริเซียถาม
“จดหมายที่ข้าค้นเจอในห้องของแจนยูเอรี ส่วนผู้ส่ง แค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นโรสมอนด์”
แพทริเซียรีบคลี่จดหมายอ่าน และเนื้อความมีอยู่ว่า
ถึงแจนยูเอรีที่รัก นี่โรสมอนด์เอง
ข้าได้ยินข่าวเรื่องที่ดัชเชสเอเฟรนีจะเดินทางออกนอกจักรวรรดิแล้ว ฟังว่านางฝากฝังให้เปโตรนิยาช่วยจัดการเรื่องในบ้าน เฮอะ ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนั้นเสียสติไปแล้วเป็นแน่ เอาเรื่องในบ้านไปฝากผู้หญิงจากตระกูลที่เป็นปฏิปักษ์กับสามีได้อย่างไร นางรู้บ้างหรือไม่ว่านั่นมันอันตรายเพียงใด
เอาเป็นว่าเจ้าก็ระวังด้วยนะ แจน เปโตรนิยาเป็นพี่สาวฝาแฝดของจักรพรรดินี และนางก็มิใช่คนโง่ หากเจ้าทำตัวผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย เรื่องอาจแดงขึ้นมาได้ในทันที
อย่าลืมเสียล่ะ แจน เราร่วมมือกัน และมีชะตาให้ลงเรือลำเดียวกัน
ข้าเชื่อใจเจ้า
เผาจดหมายนี้เสีย
จากโรสของเจ้า
“ร่วมมือกัน…”
คำคำนั้นเตะตาเป็นพิเศษ แพทริเซียเห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว หรือว่านางคอยให้ความช่วยเหลือในแผนการร้ายต่างๆ ของโรสมอนด์
“เป็นไปได้นะ ริซซี่ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่” เปโตรนิยากล่าวกับแพทริเซียราวกับอ่านใจได้
“…”
“แต่ถึงจะบอกว่าร่วมมือกัน แต่ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้เชื่อใจกันเต็มร้อยเป็นแน่”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
โรสมอนด์กำชับหนักหนาว่าให้ ‘เผา’ จดหมายนี้เสีย แต่แจนยูเอรีกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น นี่ย่อมหมายความว่าแจนยูเอรีคิดจะเก็บสิ่งนี้ไว้เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยของตนในกรณีที่แผนล้มเหลว…อย่างนั้นหรือ? แพทริเซียหัวเราะออกมา ไม่มีสัจจะในหมู่โจรสินะ เพราะคนพวกนั้นมักหักหลังกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“ก่อนอื่น…จับตาดูไปก่อนคงไม่เสียหาย เจ้าต้องเข้าออกบ้านนั้นจนถึงเมื่อไรหรือ นิล?”
“เมื่อวานซืนข้าเพิ่งได้รับจดหมายจากดัชเชสเอเฟรนีพอดี” เปโตรนิยาว่าพลางถอนหายใจ “ท่าทางอาการของลอร์ดจะสาหัส ดัชเชสเป็นกังวลมากทีเดียว”
“…”
มาถึงตอนนี้แพทริเซียรู้สึกราวกับเป็นตลกร้าย นางกับตระกูลดยุกเอเฟรนีเป็นคู่แข่งในทางการเมืองไม่ผิดแน่ แต่พี่สาวฝาแฝดของนางกลับได้ทำหน้าที่ดูแลเรื่องภายในของบ้านนั้น นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
แต่เดิมทีโลกใบนี้ก็ไม่อาจแบ่งเป็นสองด้านได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วนี่นะ
“ทำตัวลื่นไหลไปตามสถานการณ์ก็ไม่เลวนะ”
“เชื่อมือข้าได้เลย ริซซี่”
“เชื่ออยู่แล้ว”
แพทริเซียหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเก็บจดหมายลงในกล่องเก็บอัญมณีอย่างดี นางคิดว่าวันใดวันหนึ่งนางอาจได้นำมาใช้ประโยชน์ นางสั่งให้มีร์ยานำกล่องไปเก็บในที่ที่มิดชิดที่สุด จากนั้นก็หันไปคุยกับเปโตรนิยาต่อด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
“เช่นนั้น… ท่านพี่ เมื่อวานเจ้าได้เจอเนื้อคู่บ้างหรือไม่”
“…”
ได้ยินดังนั้นเปโตรนิยาก็หน้าแดงทันที ปฏิกิริยาเช่นนั้น นอกจากแพทริเซียแล้วคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้นต่างก็คาดเดาคำตอบได้ อ้อ มีเรื่องอะไรสินะ แพทริเซียยิ้มพลางเอ่ยถาม
“ใครหรือ”
“ไม่มี”
“โกหก”
แพทริเซียหัวเราะคิกคักอย่างนึกสนุก ในขณะที่เปโตรนิยาเลือกที่จะเงียบ แต่แทนที่จะแกล้งเปโตรนิยาต่อ แพทริเซียกลับทำเพียงหัวเราะเสียงต่ำและเปลี่ยนเรื่อง
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว นิลนี่ช่าง…”
“ฝ่าบาทเพคะ!”
ในตอนนั้นเองใครคนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาในห้อง แพทริเซียตาเบิกโพลงมองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ไฉนเจ้าจึงทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าฝ่าบาทและเลดี้” มีร์ยาตำหนินางกำนัลที่ทะเล่อทะล่าเข้ามา
“ไม่เป็นไร มีร์ยา” แพทริเซียปรามมีร์ยาและขมวดคิ้วถาม “มีอะไรอย่างนั้นหรือ”
“คือว่า…ตอนนี้เลดี้เอเฟรนีอยู่ในที่ประชุมขุนนาง…”
โรสมอนด์น่ะหรือ? แพทริเซียขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง และคำพูดต่อมาของนางกำนัลก็ทำให้นางไม่สบอารมณ์อย่างช่วยไม่ได้
“เลดี้เอเฟรนียืนกรานว่าฝ่าบาททรงเป็นหมัน และต้องมีการแต่งตั้งพระสนมเพคะ”
“…”
สีหน้าของทุกคนในที่นั้นเคร่งเครียดไปตามๆ กัน ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่แพทริเซียจะทำลายความเงียบนั้น นางถามนางกำนัลอย่างใจเย็น
“เล่ามาให้ละเอียดที”
“ตามที่หม่อมฉันกราบทูลไป เรื่องนี้ถูกยกขึ้นมาพูดในที่ประชุมเมื่อสักครู่นี้เองเพคะ นางบอกว่าฝ่าบาทเป็นหมันจึงต้องแต่งตั้งพระสนม… นอกจากตระกูลดยุกเอเฟรนีแล้วยังมีขุนนางท่านอื่นๆ ที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เพคะ”
“เฮอะ”
แพทริเซียแค่นหัวเราะอย่างพูดไม่ออก เปโตรนิยามีสีหน้าเคร่งเครียด สีหน้าของราฟาเอลาและมีร์ยาก็ไม่ได้สดใสเช่นกัน ทันใดนั้นแพทริเซียก็เริ่มคิดอย่างจริงจัง
‘ทำไมนางถึงยึดติดกับเรื่องเป็นหมันขนาดนั้น’
แพทริเซียครุ่นคิด โรสมอนด์ไม่ใช่คนที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงโดยไม่มีสาเหตุ นางมิได้โง่เขลาถึงเพียงนั้น เช่นนั้นหรือว่า…?
“ข้า…” แพทริเซียพึมพำ หรือว่าที่จริงแล้วข้า… “เป็นหมันอย่างนั้นหรือ…”
เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้… แพทริเซียบ่นพึมพำราวกับไม่อยากจะเชื่อ ในตอนนั้นเองใครอีกคนก็วิ่งเข้ามาเข้ามา คราวนี้อะไรอีกล่ะ ลางร้ายประเดประดังเข้ามาไม่เว้นช่วงให้พักหายใจ
“พระจักรพรรดินีเพคะ”
นางกำนัลที่นำข่าวมาบอกมีสีหน้าราวกับจะร้องไห้ แพทริเซียกลืนน้ำลายแห้งๆ
“มีอะไร”
“ที่ประชุมมีมติให้ตรวจความสามารถในการตั้งครรภ์ของฝ่าบาทเพคะ”
นางกำนัลกล่าวประโยคที่เหลือด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฝ่าบาท ถ้าหาก… ถ้าหากว่า…!”
“พอที”
แพทริเซียพูดตัดบท หญิงสาวมีสีหน้าเคร่งเครียดและลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง ทุกคนในที่นั้นหันมามองนางเป็นจุดเดียว แพทริเซียพึมพำด้วยสีหน้าเย็นชา
“หากเป็นเช่นนั้นจริง เราคงต้องหาแผนรับมือ”