Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 70 ข้าเสียใจที่ย้อนเวลากลับมา
“พระจักรพรรดิ”
“ไม่ต้องทักทายหรอก อยู่ตั้งไกล”
แม้แพทริเซียจะพูดเช่นนั้นแต่เปโตรนิยาก็ยังคงโค้งคำนับด้วยเกรงว่าจะเกิดผลเสียต่อน้องสาว แพทริเซียไม่ชอบใจการกระทำนั้นสักเท่าไรแต่นางก็ไม่ได้กีดกัน เพียงแต่มองลูซิโอด้วยความไม่พอใจเท่านั้น
คนที่ปวดใจกับสายตานั้นมากที่สุดกลับกลายเป็นเปโตรนิยา นางลังเลใจพลางสังเกตท่าทีของน้องสาว แต่แพทริเซียกลับเดินต่อไปโดยไม่พูดอะไร ยิ่งเห็นจักรพรรดิมองน้องสาวของนางด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายยิ่งทำให้นางไม่สบายใจ
“ทำไมถึงมองด้วยสายตาแบบนั้นนะ”
“หืม?”
“พระจักรพรรดิน่ะ” เปโตรนิยาพึมพำอย่างไม่ชอบใจ “ตัวเองทำความผิดไว้แท้ๆ”
“…นั่นสิ หน้าด้านไร้ยางอายนัก”
แพทริเซียไม่ได้แย้งคำพูดนั้นพลางเดินต่อไป ตอนนี้นางไม่รู้สึกอะไรกับลูซิโออีกแล้ว ท่าทีของนางดูสงบนิ่งยิ่งกว่าตอนที่เพิ่งเข้าวังมาเสียอีก
ใช่แล้ว แพทริเซียได้รับความเจ็บปวดมามากเกินพอจนดูเหมือนว่านางไม่จำเป็นต้องแสดงความรู้สึกใดๆ ต่ออีกฝ่ายอีกต่อไป ความจริงแล้วเปโตรนิยารู้สึกเสียดายอย่างมากที่ผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ แต่นี่ก็มิใช่เรื่องที่นางจะเข้าไปแทรกแซงได้ เปโตรนิยาได้แต่เดินตามน้องสาวไปเงียบๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความสบายใจมักจะคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะตำแหน่งจักรพรรดินีเป็นตำแหน่งที่งานล้นมือเสมอ แพทริเซียขมวดคิ้วซื่อๆ ในรอบหลายวัน
“งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพหรือ”
“…ขอประทานอภัยเพคะ”
“ไม่หรอก มิใช่เรื่องที่เจ้าต้องขอโทษเสียหน่อย”
แพทริเซียถอนหายใจ ใกล้ถึงวันเกิดของจักรพรรดิแล้ว แน่นอนว่าภรรยาหลวงซึ่งเป็นจักรพรรดินีอย่างแพทริเซียต้องรับหน้าที่จัดเตรียมงานเฉลิมฉลอง ทว่า ใจจริงของแพทริเซียไม่ได้อยากทำเลยสักนิด นางอยากจะยกหน้าที่นี้ให้กับโรสมอนด์ไปเสียเลยด้วยซ้ำ แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ นางจึงได้แต่พยักหน้าเงียบๆ
“เจ้าช่วยจัดการเรื่องนี้เท่าที่จะทำได้ทีนะ ข้าจะทำแค่เซ็นเอกสารจ่ายเงินเท่านั้น เจ้าก็ส่งแผนขั้นสุดท้ายมาแล้วกัน”
“แต่ฝ่าบาท นั่นมันเกินหน้าที่…”
“ข้าเองก็ต้องพักผ่อนสักหน่อย มีร์ยา ยิ่งไปกว่านั้น…” แพทริเซียยิ้มพลางกล่าว “หากแม้แต่เจ้า ข้ายังไว้ใจไม่ได้ แล้วข้ายังจะไว้ใจใครในพระราชวังอันกว้างใหญ่นี้ได้อีกล่ะ”
“…”
“แพทริเซีย เจ้ายังมีข้านะ”
ราฟาเอลาพูดทะลุกลางปล้อง แพทริเซียได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะออกมา
“ฮ่ะฮ่าฮ่า ใช่แล้ว ถูกต้อง ขอโทษนะเอล่า เจ้าโกรธหรือ”
“ล้อเล่นอยู่แล้วน่า จริงสิ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องทำด้วยตัวเองนะ”
“อะไรหรือ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก เรื่องดอกไม้น่ะ”
“ดอกไม้?”
“เจ้าต้องเลือกดอกไม้อวยพรวันเกิดด้วยตัวเอง เพราะนั่นเป็นเรื่องที่มีความหมายมากทีเดียว สั่งให้ข้ารับใช้ทำแทนไม่ได้หรอก”
“ดอกไม้อวยพรวันเกิด อา นั่นสินะ”
แพทริเซียพึมพำราวกับลืมไปแล้ว จักรวรรดิมาวินอสมีธรรมเนียมในการให้ดอกไม้เป็นของขวัญในวันเกิด หากเจ้าของวันเกิดยังไม่แต่งงาน บิดามารดาจะเป็นผู้ให้ แต่หากแต่งงานแล้ว คู่แต่งงานจะเป็นผู้ให้ มีความเชื่อว่าดอกไม้นี้สื่อถึงหัวใจของผู้ให้ เพราะฉะนั้นโดยทั่วไปแล้วหากเจ้าของวันเกิดยังไม่แต่งงานก็มักจะได้รับดอกไม้ที่สื่อความหมายถึงความรักของบุพการี แต่หากแต่งงานแล้วก็จะได้รับดอกไม้ที่สื่อความหมายถึงรักนิรันดร์
ในใจแพทริเซียอยากมอบดอกไม้ที่มีสื่อถึงการสาปแช่งให้เขา แต่น่าเสียดายที่ดอกไม้นั้นอ่อนโยนและบริสุทธ์เกินไปไม่เหมือนกับนาง พวกมันจึงไม่ควรถูกนำมาสื่อถึงถ้อยคำไม่เป็นมงคลเช่นนั้น แพทริเซียนิ่งคิด
“ชัน…”
“หืม?”
“คาร์เนชัน เอาตามนี้แล้วกัน”
“หืม ผิดคาดนะ”
“ทำไมล่ะ”
“ปกติแล้วมันเป็นดอกไม้ที่บิดามารดาและบุตรมอบให้กันมิใช่หรือ”
“…ใช่”
แพทริเซียครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากอย่างเนิบช้า
“สีแดง สีชมพู สีม่วง…”
ความหมายของดอกคาร์เนชันสีต่างๆ ล้วนไพเราะและงดงาม ข้ารักท่าน ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง ข้ารักท่านมากเหลือเกิน
ทว่า ลูซิโอ จักรพรรดิของข้า ดอกคาร์เนชันที่แท้จริงที่ข้าอยากมอบให้ท่านเป็นของขวัญคือดอกคาร์เนชันสีสุดท้ายนี้
“แล้วก็ผสมสีเหลืองเข้าไปด้วยนะ”
ข้าดูแคลนท่าน ท่านทำให้ความคาดหวังและความสงสารอันน้อยนิดในใจข้ากลายเป็นความชิงชัง เช่นนี้ข้าจะไม่ดูแคลนท่านได้อย่างไร
“นั่นคือความรู้สึกของข้า”
ข้าจะใส่ความรู้สึกดูแคลนนี้ลงไปในดอกคาร์เนชันสีเหลืองและมอบให้แด่ท่าน ท่านมิใช่คนโง่ เพราะฉะนั้นท่านคงจะรู้กระมังว่าข้าคิดกับท่านเช่นไร ข้าดูแคลนท่านเพียงใด ในวันเกิดที่ควรจะได้รับคำอวยพรมากที่สุด ท่านอย่าได้ขุ่นเคืองที่หญิงชั่วคนนี้สาปแช่งท่านเลยนะ ลูซิโอ
“ฝ่าบาทเองก็คงจะทราบกระมัง”
เพราะผู้ที่ทำให้ข้ากลายเป็นเช่นนี้ก็คือท่าน ท่านเพียงคนเดียว
***
“หญิงสาวผู้มิอาจให้กำเนิดชีวิต”
คนผู้หนึ่งกำลังชี้นิ้วต่อว่าแพทริเซีย
“เป็นหมันแท้ๆ แต่กลับได้เป็นจักรพรรดินี!”
“สายเลือดของมาวินอสคงถึงกาลอวสานแล้วกระมัง!”
“เจ้ากลืนกินสายเลือดของจักรวรรดิ!”
คนที่มีใบหน้าดำทะมึนรุมเย้ยหยันนางอย่างไม่หยุดหย่อน แพทริเซียตกอยู่ในวงล้อมของคนพวกนั้น นางส่ายศีรษะไปมาด้วยสีหน้าเหยเก
“ไม่นะ…นั่นไม่ใช่ความผิดของข้า…”
แต่คนพวกนั้นก็โต้กลับมาทันที
“ทำไมจะไม่ใช่! หากคนที่ได้เป็นจักรพรรดินีมิใช่เจ้า แต่เป็นพี่สาวของเจ้า สายเลือดของมาวินอสคงไม่สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้!”
“เจ้าทำให้สายเลือดของมาวินอสจบสิ้นด้วยน้ำมือตัวเอง เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ”
“ไม่นะ…ไม่!”
“ปฏิเสธไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง บังอาจให้สนมตั้งครรภ์แทนอย่างนั้นรึ!”
สิ่งที่คนพวกนี้พูดช่างเหลวไหลสิ้นดี ถึงอย่างไรจักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็มิใช่ผู้สืบสายเลือดที่เกิดจากภรรยาหลวงอยู่แล้ว หากจะว่ากล่าวเรื่องนี้ พวกเขาต้องไปต่อว่าอดีตจักรพรรดินีอลิซาที่ตายไปแล้วต่างหาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้สติของแพทริเซียไม่มั่นคงพอที่จะคิดถึงเรื่องนั้นได้
“ไม่ใช่!”
“ฝ่าบาท!”
ในตอนนั้นเองคนผู้หนึ่งก็เขย่าปลุกนางให้ตื่น ใบหน้าของมีร์ยาเลือนลางในความมืด แพทริเซียหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ฮึก…”
“ฝ่าบาท ทรงฝันร้ายอีกแล้วหรือเพคะ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่…”
แพทริเซียส่ายหน้าอย่างลำบาก นางปาดน้ำตา ลุกพรวดขึ้นจากเตียง และวิ่งออกนอกตำหนักไปในทันใด มีร์ยาพยายามร้องห้ามด้วยความตกใจแต่ก็ไม่เป็นผล แพทริเซียเริ่มออกวิ่งและวิ่งต่อไป
บ้าเอ๊ย บ้าเอ๊ย บ้าเอ๊ย! แพทริเซียพึมพำไม่หยุดขณะวิ่งด้วยเท้าเปล่า นางรู้สึกแย่มาก
โธ่เว้ย โธ่เว้ย โธ่เว้ย! สายเลือดหลัก[1]มันจบสิ้นไปตั้งแต่รัชกาลก่อนแล้วมิใช่หรือไร ถ้าจะโทษก็ไปโทษจักรพรรดินีอลิซาสิ! ไม่ใช่ข้า นางก็เป็นหมันเหมือนกันนะ!
“อั่ก!”
หญิงสาวสะดุดล้มร้องเสียงหลง นางสะดุดก้อนหินจนหกล้ม ความรู้สึกอุ่นวาบที่เท้าและความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล่นไปทั่วร่างกายช่วงล่าง ร่างบางใช้มือยันพื้นขณะร้องครวญครางออกมา
“อา…”
อนาถนัก ลำเค็ญนัก ไฉนจึงน่าสมเพชถึงเพียงนี้
แพทริเซียรู้สึกว่าน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง น้ำตาของหญิงสาวไหลอาบแก้มลงไปถึงคาง นางร้องไห้ต่อไปโดยไม่คิดว่าควรจะลุกขึ้น
“…แพทริเซีย?”
ในตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็เรียกชื่อของนาง ชื่อแสนรักของนาง แต่ตอนนี้นางรู้สึกรังเกียจชื่อตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เป็นอะไรไหม เจ้าบาดเจ็บหรือ”
ลูซิโอนั่งคุกเข่าลงข้างๆ และตรวจดูอาการ เพียงเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากเท้าก็รู้แล้วว่าอาการไม่ดีเอาเสียเลย เขาดุด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ออกมาวิ่งเท้าเปล่ากลางดึกเช่นนี้เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ข้า…” แทนที่จะตอบคำถาม แพทริเซียกลับพูดเรื่องอื่น “…เกลียดท่านเพียงใดรู้บ้างหรือไม่”
“…”
“ข้าชิงชังท่าน ลูซิโอ ข้ามิอาจยกโทษให้ท่าน…ที่หลอกลวงเอาความสงสารและความจริงใจแม้เพียงน้อยนิดไปจากข้าได้”
“…”
ข้าเสียใจที่ย้อนเวลากลับมา ปล่อยให้เรื่องมันจบไปเสียตั้งแต่ตอนนั้นยังจะดีเสียกว่า ข้าน่าจะหยุดจองเวรจองกรรมท่านแล้วตายไปเสีย
แพทริเซียพึมพำอยู่ในใจและหมดสติไป
ลูซิโอกอดแพทริเซียที่หมดสติพลางร้องตะโกน
“จักรพรรดินี? จักรพรรดินี!”
“…”
“โธ่เว้ย”
แต่ก็สายไป ดูเหมือนนางจะหมดสติไปแล้ว เสียงเรียกของเขาดังก้องในอากาศ ทันใดนั้นเหล่าอัศวินราชองครักษ์ในชุดเกราะโลหะสีเงินสามสี่คนก็ปรากฏตัวต่อหน้า
“ตามหมอหลวงและพาจักรพรรดินีกลับไปที่ตำหนักของนาง” ลูซิโอพูดด้วยความร้อนใจ
แต่เขาก็เปลี่ยนคำสั่งในทันใด
“ไม่สิ ข้าจะพานางไปที่ตำหนักกลางเอง”
***
แพทริเซียไม่เคยเสียใจที่ได้รับชีวิตใหม่ สำหรับนางแล้วชีวิตใหม่นี้เป็นดั่งของขวัญ ชีวิตที่ได้รับมาอีกครั้งและโอกาสในการย้อนคืนโศกนาฏกรรม โอกาสเช่นนี้หาใช่ของขวัญที่หาได้ทั่วไป
ในชีวิตใหม่นี้นางได้อยู่กับครอบครัวที่รักอีกครั้ง พี่สาวของนางไม่ต้องถูกกิโยตีนตัดศีรษะอีกต่อไป และหากนางระวังตัวสักหน่อย ตระกูลของนางก็จะคงความรุ่งเรืองต่อไปได้อีกนานแสนนาน แม้จะต้องสละความสุขส่วนตัว แต่นางก็มองว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่ไม่แย่นัก
คนที่เคยเป็นพี่เขยในชาติก่อนได้กลายมาเป็นสามีของนางในชาตินี้โดยบังเอิญ นางได้รู้เรื่องราวความบอบช้ำที่ฝังอยู่ในจิตใจของเขา และได้รู้ว่าอนุภรรยาที่มีส่วนทำให้พี่สาวของนางต้องตายได้หัวใจเขาไปอย่างไร นางเห็นใจผู้ชายคนนั้น แม้แต่อนุภรรยาคนนั้นนางก็ยังสงสาร นางในตอนนั้นไม่ได้รู้เลยว่านั่นเป็นการกระทำที่โง่เขลาเพียงใด
ความสงสารและความจริงใจของนางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อได้รู้ว่าสองคนนั้นเล่นตลกกับนางตั้งแต่ก่อนจะเข้าวังมาเป็นจักรพรรดินี นางแสดงความจริงใจให้เขาเห็น แต่สิ่งที่นางได้รับกลับมาคือการหลอกลวงและการทรยศ นางได้รับความเจ็บปวดก้อนใหญ่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง คงไม่มีใครไม่สะเทือนใจ หากหัวใจที่ค่อยๆ เปิดกว้างถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
ใช่แล้ว พวกเขาเล่นตลกกับนางมาตั้งแต่ต้น หากพวกเขาไม่หลอกลวงนางเช่นนั้น ผู้ที่จะได้เป็นจักรพรรดินีก็คงจะเป็นคนอื่น หากเป็นเช่นนั้น ตัวนางก็คงจะได้แต่งงานกับผู้ชายคนอื่นและใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข และต่อให้นางไม่ได้แต่งงานเพราะเรื่องที่นางเป็นหมัน นางก็ยังสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขอยู่กับครอบครัวของนางได้
แต่เมื่อนางกลายเป็นจักรพรรดินี นางก็ไม่เหลืออะไรเลย นางจะต้องถูกเหยียดหยาม ถูกตราหน้าไปตลอดชีวิตว่าไม่สามารถมีลูกได้ ดีไม่ดีนางอาจเจริญรอยตามอดีตจักรพรรดินีอลิซา
เรื่องนั้นมิใช่ไร้เหตุผล เดิมทีอดีตจักรพรรดินีอลิซาก็เป็นคนดีมิใช่หรือ พระราชวังเป็นสถานที่ที่สามารถเปลี่ยนความดีงามของมนุษย์ให้กลายเป็นความชั่วร้ายได้ราวกับพลิกฝ่ามือ นางสาบานกับตัวเองไว้ว่าหากนางกลายเป็นเช่นนั้น นางจะจบชีวิตด้วยมือของนางเอง
และตอนนี้จิตใจของนางก็พังทลาย เช่นเดียวกับตอนที่เห็นความตายของพี่สาว เช่นเดียวกับความรู้สึกสุดท้ายก่อนความตายจะมาเยือน
ใช่แล้ว สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปทั้งนั้น นางทำได้เพียงร้องคร่ำครวญให้กับความเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าและความโศกเศร้าที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งเท่านั้น
ด้วยเหตุนั้นทุกคนจึงควรจะตายไปด้วยกันเสียตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ควรเริ่มต้นใหม่และควรจะจบไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น ข้าเกลียดชังพระเจ้าที่ส่งข้าย้อนเวลากลับมาเช่นนี้ สิ่งนี้หาใช่ของขวัญแต่เป็นโทษทัณฑ์ นางคิดอย่างโศกเศร้า
[1] สายเลือดหลัก คือ ทายาทที่เกิดจากภรรยาหลวง