Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 71 เราเป็นสามีของเจ้า
ลูซิโอมองจักรพรรดินีของตนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย นางดูซูบผอม เท้าเรียวถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขาเรียกชื่อของนางอย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
“แพทริเซีย…”
เขาได้แต่เรียกนางเบาๆ ด้วยกลัวว่าหากอีกฝ่ายได้ยินเสียงของตนแล้วจะโกรธขึ้นมาอีกครั้ง เขาหลับตาพลางก้มหน้าลงอย่างสลด
“ข้า…ทำกับเจ้า…”
ข้าทำอะไรลงไป ข้าเป็นคนดึงนางเข้ามาในเกมนี้ ข้าทำอะไรลงไปกับผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนี้ ลูซิโอหลั่งน้ำตาแห่งความทุกข์ระทม แม้เขามีใจจะไถ่บาป แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว นางมีแต่จะรังเกียจ เกลียดชัง และโกรธแค้นเขา
ลูซิโอพึมพำอยู่ข้างกายของหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“มีวิธีใด…”
“…”
“ที่ข้าจะไถ่บาปได้บ้างหรือไม่”
มันจะมีความหมายกับเจ้าและข้าหรือไม่ มีอะไรที่ข้าพอจะทำได้เพื่อความจริงใจ ความรู้สึก และความรักที่ข้าเพิ่งตระหนักได้เมื่อสายไปบ้างหรือไม่ ลูซิโอกัดริมฝีปากพลางหลับตาลง
เจ้าต้องเจ็บปวดเพราะข้าเสียแล้ว เจ้าคงจะไม่ยกโทษให้ข้าแล้วใช่ไหม
“ใช่แล้ว อย่ายกโทษให้ข้าเลย”
ถึงเจ้าจะโกรธจะเกลียดข้าก็ไม่เป็นไร เจ้าอยากจะฆ่าข้าก็ทำได้เลย หากนั่นจะทำให้เจ้าหายขุ่นเคืองได้บ้าง ข้าก็ยินดี
“ขอเพียงเจ้าอยู่เคียงข้างข้าเช่นนี้”
เจ้าจะโหดร้ายกับข้าอย่างไรก็ได้ แม้แต่ความเกลียดชังของเจ้าก็ยังดีเกินไปสำหรับข้า เพราะฉะนั้นช่วยเกลียดข้า…และอยู่เคียงข้างข้าตราบชั่วนิรันดร์ อย่าได้จากไปไหนเลย
“เจ้าจะบอกว่าข้าเห็นแก่ตัวก็ได้”
เดิมทีข้าก็ชั่วช้าเกินเยียวยาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะสาปแช่งข้าอย่างไร ข้าก็ไม่สนใจ ขอเพียงเจ้าอยู่เคียงข้างข้าในฐานะจักรพรรดินีก็พอ แม้ว่าใจเจ้าจะไม่ได้อยู่ที่ข้าก็ไม่เป็นไร ขอเพียงกายเจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอ
“ใช่แล้ว เพียงเท่านั้นข้าก็พอใจ”
เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคนโหดร้ายอย่างข้า
***
“…”
ครั้นลืมตาตื่น สิ่งแรกที่แพทริเซียเห็นก็คือเพดานสีขาวปลอดสะท้อนแสงอาทิตย์ เห็นดังนั้นนางก็ตกใจ สีหน้าของหญิงสาวยับยู่
“ข้า…”
นางลุกพรวด แต่แล้วความเจ็บปวดที่เท้าก็แล่นขึ้นมาจนนางต้องขมวดคิ้วและหลุดปากร้องครางโดยอัตโนมัติ
“อืออ…”
นางกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องไว้ในลำคอ สีหน้าของนางยังคงบูดบึ้งขณะมองไปรอบๆ บ้าจริง สถานที่นี้ช่างคุ้นตานัก ที่นี่มัน…
“ตื่นแล้วหรือ”
ห้องของจักรพรรดิ แพทริเซียก่นด่าในใจ ตอนนี้นางนอนอยู่บนเตียงในห้องของสามีที่นางเกลียดแสนเกลียด แพทริเซียสำรวจร่างกายของตนด้วยความหวาดระแวง โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากเกิดเรื่องน่าสยดสยองที่สุดอย่างที่คิดไว้ นางคงอยากจะกัดลิ้นตายไปเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
“…เหตุใดหม่อมฉันถึงมาอยู่ที่นี่เพคะ”
“เราไม่ได้ลักพาตัวเจ้ามาหรอก วางใจได้”
หากเขากำลังเล่นตลกก็ต้องขอโทษด้วยที่นางไม่ขำสักนิด
“เหตุใดหม่อมฉันถึงมาอยู่ที่นี่เพคะ” แพทริเซียถามอีกครั้ง
“คนที่ออกมาวิ่งเท้าเปล่ากลางดึกมิใช่เราแต่เป็นเจ้า จักรพรรดินี เจ้าถามตัวเองน่าจะได้คำตอบเร็วกว่า”
“เรื่องนั้นหม่อมฉันรู้เพคะ ฝ่าบาท ดูเหมือนพระองค์จะไม่เข้าใจคำถามของหม่อมฉันนะเพคะ”
แพทริเซียถามเสียงเย็น “ที่หม่อมฉันสงสัยคือต่อให้หม่อมฉันทำเช่นนั้นแล้วเหตุใดหม่อมฉันถึงมาอยู่บนพระแท่นบรรทมของพระองค์ได้ล่ะเพคะ”
“…”
“หม่อมฉันต้องการคำตอบเพคะ”
“…เราเป็นคนอุ้มเจ้ามา มันก็แน่อยู่แล้วมิใช่หรือ”
“แล้วพาหม่อมฉันมาที่นี่ทำไมหรือเพคะ”
“ก็เจ้าบาดเจ็บ”
“เอ๊ะ เอาแต่ตอบไม่ตรงคำถามมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วนะเพคะ”
แพทริเซียถามอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไร้รอยยิ้ม “หม่อมฉันไม่คิดว่าฝ่าบาทจะทรงเข้าใจอะไรยากนะเพคะ หม่อมฉันขอทูลถามอีกครั้ง เหตุใดพระองค์ถึงพาหม่อมฉันมาที่นี่ มาที่พระแท่นบรรทมของพระองค์ แทนที่จะเป็นเตียงของหม่อมฉัน”
“…หากเจ้ารู้สึกไม่ดี เราก็ขอโทษ”
“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกไม่ดี ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาหม่อมฉันอยากจะฆ่าตัวตายไปเสียเลยด้วยซ้ำ”
แพทริเซียพูดถ้อยคำรุนแรงเพื่อทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
“เหตุใดถึงพาหม่อมฉันมาที่นี่หรือเพคะ”
“เป็นความต้องการของเรา”
“ทรงเห็นแก่ตัวเหลือเกินเพคะ พระองค์ไม่คิดเลยสักนิดว่าตอนที่หม่อมฉันตื่นขึ้นมาจะรู้สึกแย่เพียงใด”
“…เราขอโทษ”
“พอเถอะเพคะ เรื่องที่ฝ่าบาทต้องขอโทษหม่อมฉันคงไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น”
แพทริเซียยิ้มเยาะราวกับมันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับนางอีกแล้ว ปฏิกิริยาเช่นนั้นทำให้สีหน้าของลูซิโอยิ่งดูเคร่งขรึม
“โอ๊ย!”
ทันใดนั้นแพทริเซียก็ร้องออกมาพลางเดินโซเซ นางตั้งใจจะยืนด้วยตัวเองแต่ความเจ็บปวดก็แล่นไปทั่วทั้งร่าง บ้าจริง แค่เจ็บเท้าแค่นี้… นางระบายความหงุดหงิดภายในใจ ในตอนนั้นเองคนผู้หนึ่งก็เข้ามาประคองนางไว้
“ระวังหน่อย”
เป็นเขา แพทริเซียกล่าวอย่างดื้อรั้นด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“หม่อมฉันเดินเองได้เพคะ”
“อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้สิ”
“อย่างน้อยก็ดีกว่ารับความช่วยเหลือจากพระองค์” แพทริเซียพึมพำอย่างทุกข์ใจพลางยิ้ม “ปล่อยหม่อมฉันด้วยเพคะ”
“ไม่”
“ฝ่าบาท!”
แพทริเซียระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ลูซิโอก็ยังคงไม่ขยับตัว
“เจ้าจะพูดอะไร จะทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ในสภาพนี้”
“นี่เป็นร่างกายของหม่อมฉัน พระองค์ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย”
“เราเป็นสามีของเจ้า เรื่องแค่นี้น่าจะทำได้นะ”
“เฮอะ ทรงทำอะไรเพื่อหม่อมฉันตั้งแต่เมื่อไรหรือเพคะ” แพทริเซียยิ้มเยาะพลางกล่าว “ได้ยินว่าทรงหมางใจกับมาร์เชอเนสเอธิลเลอร์แล้วใช่ไหมเพคะ ทำไมหรือเพคะ ทรงเอือมระอานางแล้วหรือ ต้องการผู้หญิงคนอื่นมาถวายการรับใช้บนพระแท่นบรรทมไหมเพคะ”
“…ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ไม่ใช่แล้วอย่างไร” แพทริเซียกดเสียงพูด “เหตุใดจึงปฏิบัติกับหม่อมฉันเช่นนี้หรือเพคะ คนที่เหยียบย่ำหัวใจของหม่อมฉัน คนที่ทำลายศักดิ์ศรีของหม่อมฉันหาใช่ใครอื่นแต่เป็นพระองค์เองนะเพคะ หม่อมฉันเหมือนจะเข้าใจ แต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดจู่ๆ จึงทรงทำเช่นนี้”
“…”
เขาไม่ได้ตอบคำถาม แต่แพทริเซียก็อ่านคำตอบจากความเงียบนั้นได้ นางเย้ยหยันและบ่นพึมพำในใจ ใช่สิ หากยังมีความละอายอยู่บ้างท่านคงไม่กล้าพูดคำนั้นกับข้าหรอก หากท่านมิใช่ขยะใช้แล้วทิ้งล่ะก็นะ
“ปล่อยเพคะ”
“จักรพรรดินี ได้โปรดเถอะ” เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “จะทำอะไรเราไม่ว่า แต่อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวด้วยเท้าที่มีสภาพเช่นนั้นเลย”
“…เก็บไว้สอนคนอื่นเถอะเพคะ”
“เราจะเรียกนางกำนัลตำหนักจักรพรรดินีมาให้ เราให้เจ้าไปคนเดียวไม่ได้”
แพทริเซียหลับตาลงด้วยสีหน้าคล้ายปล่อยวางก่อนจะลืมตาขึ้นและกล่าว
“…ทำตามพระทัยเถอะเพคะ”
ในที่สุดแพทริเซียก็ได้กลับตำหนักของตัวเองด้วยความช่วยเหลือจากนางกำนัลตำหนักจักรพรรดินี เมื่อกลับถึงตำหนักนางก็ไม่ได้ถือสาหาความเหล่านางกำนัล ทางด้านนางกำนัลเองก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรเช่นกัน สุดท้ายเรื่องเมื่อคืนก็ถูกฝังกลบไปเช่นนั้น
***
เปโตรนิยายืนวุ่นวายอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าผิดกับวันอื่นๆ
“ชุดนี้มันวาบหวิวเกินไปไหมนะ”
เปโตรนิยาหยิบชุดเดรสสีขาวแหวกช่วงอกเล็กน้อยออกมาทาบตัวพลางครุ่นคิด ในตอนนั้นเองสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาราวกับว่านางพูดอะไรเพ้อเจ้อ
“ไม่วาบหวิวหรอกค่ะ คุณหนู”
“ชุดนี้น่ะหรือ”
ปฏิกิริยาของเปโตรนิยาทำให้สาวใช้อึดอัดใจคล้ายอกจะแตก นี่ท่านมาจากบ้านไหนเมืองไหนหรือคะ!
“คุณหนูขา หากคุณหนูลองออกไปยืนดูตามถนนจะพบว่าชุดเดรสแบบเดียวกันนี้แต่ผ่าไปถึงกลางหลังยังมีให้เห็นกันเกลื่อนเลยค่ะ นี่คุณหนูมาจากโลกอื่นหรือคะ”
“ยะ…อย่างนั้นหรือ”
เปโตรนิยาถามอย่างเก้อเขิน สาวใช้จึงพยักหน้ารัวๆ หญิงสาวถอนหายใจและปล่อยชุดเดรสที่ถืออยู่ร่วงลงบนพื้น นี่ข้าตื่นเต้นเรื่องอะไรกัน ทึ่มเซ่อนัก เปโตรนิยาพูดเสียงอ่อยๆ
“เลือกให้ข้าทีสิ อะไรก็ได้”
“คะ? แต่คุณหนูบอกว่าจะไปออกเดตมิใช่หรือคะ”
“มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่ตื่นเต้นกับเรื่องแบบนั้น” นางพูดด้วยสีหน้าหดหู่ “ข้าไม่อยากคาดหวังอะไรอีกแล้ว”
ได้ยินดังนั้น สาวใช้ก็งงงัน คุณหนูคนนี้กำลังพูดอะไรน่ะ
“คุณหนู ท่านถูกใครทิ้งมาหรือ ไฉนจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า”
พูดเหมือนคนเคยหย่าอย่างไรอย่างนั้น สาวใช้พึมพำ เปโตรนิยาหัวเราะคิกคัก ช่างเป็นคำที่สงบสุขนัก คำว่าหย่าเป็นคำที่นิ่มนวลจะตายไป เปโตรนิยาเอ่ยปาก
“เลือกมาเถอะ อะ-ไร-ก็-ได้”
สุดท้ายเปโตรนิยาก็เลือกสวมชุดเดรสสีเทาตุ่นๆ แม้สาวใช้จะค้านหัวชนฝาว่าไม่มีใครที่ไหนใส่ชุดแบบนี้ไปออกเดตแต่เปโตรนิยาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ชุดเดรสนี่กว่าจะใส่กว่าจะถอดแต่ละครั้งน่ารำคาญจะตาย
ตอนนั้นเอง เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาจากชั้นล่าง สายตาของเปโตรนิยาซึ่งอยู่ที่ระเบียงชั้นสองจึงพุ่งไปจับจ้องที่ชั้นล่างโดยอัตโนมัติ พ่อบ้านเป็นผู้เปิดประตู หลังบานประตูปรากฏร่างสูงของรอธซีที่แต่งองค์ทรงเครื่องมาอย่างดี ครั้นเห็นความหล่อเหลาของอีกฝ่าย เปโตรนิยาก็ใจกระตุกวูบหนึ่ง นางก้าวเดินลงไปชั้นล่างอย่างไม่รีบร้อน เมื่อรอธซีเห็นเปโตรนิยา เขาก็หน้าแดง
‘สวย’
“ลอร์ด?”
เปโตรนิยาเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแดงระเรื่อ
“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ”
“ไม่เลยครับ สบายมาก” รอธซีพูดเสียงเบาราวกับกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เพียงแต่วันนี้เลดี้สวยมาก ข้าเลยตกหลุมรักอีกครั้งเท่านั้นครับ”
“…”
ความรักบังตาแน่ๆ เปโตรนิยาคิดเช่นนั้น
***
“…มาร์เชอเนส วันนี้เหมาะมากขอรับ”
ได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้น โรสมอนด์ก็ยิ้มออกมา วันนี้เป็นวันหนึ่งในไม่กี่วันที่เหมาะแก่การตั้งครรภ์ นางถามหมอหลวงด้วยสีหน้าชื่นบาน
“อย่างนั้นหรือ แล้วยาที่สั่งล่ะ”
“…เตรียมมาแล้วขอรับ”
หมอหลวงว่าพลางยื่นห่อสีขาวที่บรรจุผงยาไว้ภายในให้โรสมอนด์ โรสมอนด์รับยามามองอย่างพึงพอใจ ทันใดนั้นนางก็สั่งให้หมอหลวงปิดปากด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“จงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ…หากเรื่องนี้หลุดออกไป ข้าตาย เจ้าก็ตายด้วย รู้ใช่ไหม”
“…ขอรับ มาร์เชอเนส”
“ไปได้”
เมื่อหมอหลวงจากไปแล้วโรสมอนด์ก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง สิ่งที่นางข่มขู่หมอหลวงให้หามาให้คือยาเร้ากำหนัด โรสมอนด์พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย
“ข้าต้องเอาสิ่งนี้ให้ฝ่าบาทเสวยอย่างไรจึงจะออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด หืม?”
“เรียนมาร์เชอเนส ข้าหาไวน์ที่ฝ่าบาทโปรดปรานที่สุดมาให้แล้วค่ะ”
ตอนนั้นเองคลาราก็ถือไวน์ขวดหนึ่งเข้ามาในห้อง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นไวน์ราคาแพง โรสมอนด์พยักหน้าเป็นเชิงชื่นชมก่อนจะออกคำสั่ง
“ดีมาก เก็บไว้ให้ดีล่ะ ประเดี๋ยวข้าคงได้ใช้ เจ้าเตรียมชุดเดรสไว้หรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ มาร์เชอเนส”
“ดีมาก พร้อมสรรพจริงๆ”
ชุดเดรสชุดนั้นนางสั่งมาเป็นพิเศษจากย่านเริงรมย์เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ ได้ยินว่าแม้แต่บุรุษที่เป็นพวกรักร่วมเพศ เมื่อเห็นสตรีสวมชุดเดรสนี้ก็ต้องพุ่งเข้าหาด้วยความใคร่ โรสมอนด์ฮัมเพลงพลางยื่นยาเร้ากำหนัดให้คลารา บอกให้อีกฝ่ายเก็บไว้ให้ดี ขณะเดียวกันในหัวก็เริ่มวางแผนการยั่วยวนจักรพรรดิในคืนนี้