Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 78 เพราะข้าเคยเป็นภรรยาของสามีเจ้า
แพทริเซียคิดว่าแทนที่จะฟังจากปากของโรสมอนด์สู้ถามเจ้าตัวเสียเลยดีกว่า
“ถามมาเถอะ”
“ฝ่าบาทมีดอกไม้ที่ไม่ชอบไหมเพคะ”
“…”
ครั้นได้ฟังคำถาม สีหน้าของลูซิโอก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวคล้ายว่าคาดเดาได้
“มาร์เชอเนสสินะ ใช่หรือไม่”
“..เพคะ”
“ดอกไม้ที่ไม่ชอบหรือ มีสิ แทบจะเกลียดเลยล่ะ”
แพทริเซียพอจะเดาได้ว่าสาเหตุมาจากอะไรแต่นางก็เลือกที่จะเงียบไว้ก่อน
“ดอกซัลเวียน่ะ เป็นดอกไม้ที่อดีตจักรพรรดินีอลิซาชอบ” ลูซิโอตอบด้วยน้ำเสียงระทมทุกข์
“…”
“นางมักจะแอบทำร้ายเราในสวนที่ดอกซัลเวียบานสะพรั่ง กระทั่งตอนนี้เราก็ยังมีอาการเกร็งชักเมื่อเห็นดอกไม้นั้น”
เขาหันมามองแพทริเซียด้วยสีหน้าราวกับพูดเรื่องทั่วไป แต่วินาทีนั้นแพทริเซียกลับทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะย้ายสายตาไปวางตรงที่ใด ลูซิโอเห็นดังนั้นก็เอ่ยถามด้วยสายตาเจ็บปวด
“ทำไมหรือ เราดูเหมือนปิศาจอย่างนั้นหรือ”
“หม่อมฉันไม่เคยคิดเช่นนั้นเพคะ” แพทริเซียอธิบายอย่างใจเย็น “อดีตจักรพรรดินีที่ทำร้ายพระองค์ต่างหากที่เป็นปิศาจ ผู้ถูกกระทำจะเป็นปิศาจไปได้อย่างไร”
“เห็นเจ้าไม่กล้าสบตาเรา”
“หม่อมฉันเพียงแต่…ไม่รู้ว่าต้องมีปฏิกิริยาเช่นไรกับสิ่งที่พระองค์ตรัสเท่านั้นเพคะ หาได้มีเหตุผลอื่น ฝ่าบาทโปรดอย่าเข้าพระทัยผิดไป”
“เรารู้ อย่างน้อยเจ้าก็มิได้เป็นคนเช่นนั้น”
ลูซิโอยิ้มอย่างอ่อนแรง แพทริเซียไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าแต่ทำไมนางถึงพูดเรื่องนั้นขึ้นมา…” นางพึมพำด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีเรี่ยวแรงกว่าเมื่อครู่
ทันใดนั้นร่างกายของแพทริเซียก็สั่นราวกับถูกอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรง หรือว่า…หรือว่า? ไม่หรอกน่า ไม่มีทาง แพทริเซียสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ลูซิโอเห็นดังนั้นก็ถามอย่างร้อนใจ
“แพทริเซีย? เป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหน…”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องไปเดี๋ยวนี้…!”
ตอนที่นางลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งทำท่าจะวิ่งออกไป มีร์ยาก็โผล่มาขวางทาง แพทริเซียเอ่ยถามมีร์ยาหน้าตาตื่น
“มีเรื่องอะไรหรือ มีร์ยา”
“เฮ้อ โล่งอกไปที ประทับอยู่ที่นี่นี่เอง ฝ่าบาท” มีร์ยายิ้มอย่างโล่งใจ “ได้เวลามอบดอกไม้แล้วเพคะ”
“…ถึงเวลาแล้วหรือ”
แพทริเซียถามอย่างตื่นตระหนก มีร์ยาได้ยินดังนั้นก็ถามกลับด้วยความสงสัย
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพคะ”
“…”
แพทริเซียหันกลับไปมองลูซิโอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บ้าจริง นางหลุดคำสบถออกมา
***
รอธซีกำลังวุ่นอยู่กับการตามหาเปโตรนิยา อีกฝ่ายบอกว่าหายป่วยแล้วและสามารถมาร่วมงานเลี้ยงได้แต่เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของนางเลย หรือจะยังไม่หายดีนะ เขาบ่นพึมพำอย่างเป็นกังวล
รอธซีรู้สึกเป็นห่วงเพราะเปโตรนิยาดูไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อกลับถึงบ้านเขาคงต้องหายาบำรุงให้เปโตรนิยาสักหน่อย เขาเองก็เปียกฝนเหมือนกัน ไม่สิ เขาช่วยกันฝนให้ด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นคนที่เปียกฝนมากกว่าก็น่าจะเป็นเขา แต่เขากลับสบายดี ส่วนเปโตรนิยากลับล้มป่วยเสียนี
รอธซียังคงสอดส่องมองหาเปโตรนิยาด้วยสายตาเป็นกังวล ก่อนจะพบสตรีนางหนึ่งที่ดูคล้ายเปโตรนิยาโดยบังเอิญ รอธซียิ้มออกมา
“เปโตรนิ…”
แต่เสียงของรอธซีก็หยุดอยู่เพียงเท่านั้น หญิงสาวกำลังวิ่งไปยังสถานที่หนึ่งอย่างเร่งรีบ เขาลดมือที่ยกสูงเพื่อโบกให้อีกฝ่ายลงมาอย่างเงียบๆ และเกาท้ายทอยแก้เก้อ บางทีเขาอาจจะต้องถามเปโตรนิยาทีหลัง
***
แพทริเซียกลับเข้างานพร้อมกับลูซิโอและเป็นฝ่ายจับมือลูซิโอ ลูซิโอมองแพทริเซียอย่างตกใจที่จู่ๆ นางก็เป็นฝ่ายถึงเนื้อถึงตัวเขาก่อน แต่แพทริเซียกลับมองมาด้วยสีหน้าราวกับจะร้องไห้ ลูซิโอรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติจึงเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือเปล่า จักรพรรดินี ดูเหมือนเจ้ามีอะไรในใจ”
ไม่เหมือนปกติ แพทริเซียได้ยินดังนั้นก็ออกแรงบีบมืออีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
“…ฝ่าบาท” แพทริเซียเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หม่อมฉันมีเรื่องอยากกราบทูลเพคะ”
“พูดมาเถอะ”
“หากอีกสักครู่เกิดอะไรขึ้น…ทรงอย่าตกพระทัยนะเพคะ”
“…อะไรนะ”
“สัญญากับหม่อมฉันได้หรือไม่ ช่วยทำเหมือนพระองค์ไม่เป็นอะไรได้หรือไม่”
“เจ้ากำลังพูดอะไร…”
ลูซิโอซักถามด้วยความสงสัย แต่แพทริเซียกลับดูร้อนใจอย่างมากและทำสีหน้าคล้ายว่าไม่ต้องการให้เขาถามอะไรอีกพร้อมทั้งพยักหน้า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นางถึงร้องขอให้สัญญาด้วยสีหน้าเช่นนั้น ลูซิโอมีสีหน้าตึงเครียด
“หม่อมฉันไม่ได้ทำ ไม่มีทาง…”
“เป็นอะไรไปหรือ จักรพรรดินี วันนี้เจ้าดูแปลกนัก”
“ทรงคิดเสียว่าเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของเราสองคน หรือเพื่อเกียรติของราชวงศ์นะเพคะ”
แพทริเซียตัดบทด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ได้โปรด…”
“เข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าอย่าได้กังวล”
ได้ยินดังนั้นแพทริเซียจึงวางใจได้บ้าง แต่สีหน้าของนางก็ยังดูไม่สบายใจนัก ท่าทีนั้นทำให้ทั้งลูซิโอและมีร์ยาต่างก็สงสัยมากขึ้น ลูซิโอกลับเข้าไปในงานอย่างกังวลใจ เมื่อเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่ตำแหน่งสูงสุด ทุกคนก็ทำความเคารพ
“ถวายบังคมพระจักรพรรดิ ถวายบังคมพระจักรพรรดินี ขอให้มาวินอสจงมีแต่ความรุ่งเรือง”
“ขอบคุณทุกท่านอย่างมากที่มาในวันนี้”
เขากล่าวสั้นๆ ในขณะที่แพทริเซียก็ยังคงมีท่าทีไม่สบายใจ เขาจับมือนางเพื่อให้นางรู้สึกผ่อนคลาย แต่นางกลับวางมือของตนไว้บนมือของเขาพลางคิดด้วยสีหน้าหวาดระแวง
‘ถ้าเขาทนไหวก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นและจะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น แพทริเซีย’
เพราะฉะนั้นสุขุมเข้าไว้ แพทริเซียทวนคำนั้นซ้ำไปซ้ำมาในหัวและฝืนยิ้ม
“ฝ่าบาท ต่อไปจะเป็นพิธีมอบดอกไม้จากพระจักรพรรดินี ให้นางกำนัลเข้ามา…”
“เดี๋ยวค่ะ!”
ในตอนนั้นเองใครบางคนก็เอ่ยขัดอย่างเร่งร้อนทำเอาสายตาทุกคู่ไปหยุดอยู่ที่คนผู้เดียว เมื่อแพทริเซียเห็นคนผู้นั้นก็พึมพำอย่างตกใจ
“เปโตรนิยา…!”
“ถวายบังคมพระจักรพรรดิ ถวายบังคมพระจักรพรรดินี ขอให้มาวินอสจงมีแต่ความรุ่งเรือง”
คนผู้นั้นคือเปโตรนิยา ลูซิโอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เลดี้โกรเชสเตอร์? เจ้ามีธุระอันใดหรือ”
“ทูลฝ่าบาท พระจักรพรรดินีทรงมีรับสั่งไว้ว่า นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งจักรพรรดินี นี่เป็นงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพปีแรกของฝ่าบาทที่พระนางเป็นผู้จัดเตรียม จึงมีพระราชดำริว่าคงเป็นที่ประทับใจไม่น้อยหากหม่อมฉันเป็นผู้มอบดอกไม้เพคะ ฝ่าบาท ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยคนนี้ขอบังอาจทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้แด่พระองค์ได้หรือไม่”
“เราย่อมไม่ขัดข้อง ทุกท่านว่าอย่างไร”
“ฝ่าบาท นี่ขัดกับธรรมเนียม…!”
โรสมอนด์รีบร้อนทัดทานเสียงดังลั่น แต่แพทริเซียก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“มาร์เชอเนสเอธิลเลอร์” แพทริเซียปรามด้วยน้ำเสียงที่ยังติดจะสั่นอยู่เล็กน้อย
“…”
“เราซึ่งเป็นจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิเป็นผู้อนุญาตด้วยตัวเอง มีอันใดเป็นปัญหาอย่างนั้นหรือ”
“…”
ท่าทางกัดริมฝีปากของอีกฝ่ายนั้น… ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางคิดจะเป็นความจริง สีหน้าของแพทริเซียเย็นชาขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ
“ดำเนินการต่อเถิด เลดี้เปโตรนิยา” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ดอกไม้นี้ถูกจัดเตรียมขึ้น…” เปโตรนิยายิ้มอย่างเยือกเย็น “ด้วยความรักและเอาใจใส่ของพระจักรพรรดินีเพคะ ฝ่าบาท”
พร้อมกันนั้นเปโตรนิยาก็ดึงผ้าที่คลุมกล่องไว้ออก และภายในกล่องนั้น…
“นี่เป็นความตั้งใจของพระจักรพรรดินีเพคะ ฝ่าบาท หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระองค์จะโปรด”
มันคือว่านสี่ทิศสีแดงและสีขาว เปโตรนิยากำลังยิ้มผิดกับแพทริเซียที่ยิ้มไม่ออก หญิงสาวพึมพำแผ่วเบา สีหน้าดูสะเทือนใจเล็กน้อย
“ทำไม…”
“ดอกไม้งามยิ่ง จักรพรรดินี การจัดดอกไม้สีแดงสลับกับสีขาวเช่นนี้เราประทับใจมาก เจ้าชอบว่านที่ทิศหรือ” ลูซิโอยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นพลางกล่าว “ได้รับของขวัญที่วิเศษเช่นนี้ เราเองก็ควรจะให้ของขวัญเจ้าเช่นกัน จริงไหม”
“…หามิได้เพคะ”
“ห้ามปฏิเสธ”
เขายิ้มกว้าง ในขณะที่แพทริเซียพูดเสียค่อยอย่างเหม่อลอย
“ตอนนี้หม่อมฉัน…ยังไม่อยากได้อะไรเพคะ”
“น่าจะมีของที่อยากได้อยู่บ้างกระมัง”
“หากพระองค์อยากมอบของขวัญให้หม่อมฉันจริงๆ…” แพทริเซียพูดต่อไปโดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ “ในภายภาคหน้าพระองค์ช่วยฟังคำขอของหม่อมฉันสักข้อได้หรือไม่เพคะ”
“มิใช่เรื่องยาก เรารับปากเจ้า”
ลูซิโอว่าพลางยิ้มอย่างพอใจและชูแก้วค็อกเทลขึ้น
“แด่ความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิ”
หลังจบพิธีมอบดอกไม้แพทริเซียก็เดินโซเซลงจากเวที นางมองพี่สาวฝาแฝดด้วยสายตาตกตะลึง เปโตรนิยาเผชิญหน้ากับน้องสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เปโตรนิยา” แพทริเซียเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“…ว่าอย่างไร ริซซี่”
“นีย่า นี่เจ้า…”
แพทริเซียเอามือปิดปาก มีสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ นางพึมพำราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“นิล ข้า… นี่เจ้า… เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้หรือไม่”
“…”
“เป็นเช่นนั้นหรือ”
“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ ริซซี่”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” แพทริเซียเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงว่างเปล่า “ทำไม… ทำไมเจ้าถึง…”
“เพราะครั้งหนึ่งข้าเองก็…” เปโตรนิยายิ้มอย่างเยือกเย็น “เคยเป็นภรรยาของสามีเจ้า”
ตุบ
หัวใจของแพทริเซียหล่นวูบ นางทรุดฮวบลงกับพื้น เปโตรนิยาเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งก่อนจะกล่าวทักทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้
“ไม่เจอกันนานเลยนะ เลดี้แพทริเซีย”
“…อา”
“น้องสาวฝาแฝดที่รักของข้า”
ดวงตาของเปโตรนิยาเอ่อล้นด้วยน้ำตา