Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - บทที่ 96 เจ้าชอบผู้ชายคนนั้นหรือ
เสียงของสาวใช้ดังขึ้น
“ดัชเชส พระราชวังส่งคนมาค่ะ”
“ใครมาหรือ”
“มาร์เชอเนสมีร์ยา พรินสกีค่ะ”
“มาร์เชอเนสพรินสกี? นางมาด้วยเรื่องอันใด”
“ฟังว่ามาด้วยเรื่องมาร์เชอเนสเอธิลเลอร์ค่ะ”
ได้ยินดังนั้นดัชเชสเอเฟรนีก็นิ่วหน้า นางกล่าวขอตัวกับเปโตรนิยา
“ดูเหมือนพระจักรพรรดินีจะส่งคนมาค่ะ”
“ฝ่าบาทคงส่งมาร์เชอเนสพรินสกีมาด้วยเรื่องการบอกเลิกรับมาร์เชอเนสเอธิลเลอร์เป็นบุตรบุญธรรมกระมังคะ” เปโตรนิยากล่าวอย่างไม่ประหลาดใจ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ ฝ่าบาทคงจะถามหาแล้ว”
“ค่ะ เลดี้ คราวหน้าแวะมาอีกนะคะ ข้าอยู่ว่างๆ เบื่อเหลือเกิน”
“ข้าจะพยายามแวะมาบ่อยๆ ค่ะ ดัชเชสเอเฟรนี”
เปโตรนิยากล่าวลาอย่างนอบน้อมก่อนจะเปิดประตูออกไป ระหว่างทางนางสบตากับมีร์ยาและพยักหน้า เมื่อเห็นสัญญาณจากอีกฝ่ายว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เปโตรนิยาก็ยิ้มน้อยๆ
มีร์ยาเป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาของแพทริเซียจึงมีน้อยครั้งที่นางจะออกจากวัง เห็นได้ชัดว่าเรื่องคราวนี้เป็นเรื่องใหญ่ นางจึงต้องลงมือด้วยตัวเอง เมื่อดัชเชสเอเฟรนีพบหน้ามีร์ยา นางก็เอ่ยถาม
“เชิญค่ะ มาร์เชอเนสพรินสกี ไม่ได้พบกันนานทีเดียว”
“นั่นสิคะ ดัชเชสเอเฟรนี ไม่ได้ติดต่อกันเสียนาน”
มีร์ยานั่งลงอย่างสง่างาม จากนั้นสาวใช้ก็เข้ามาเก็บถ้วยชาของเปโตรนิยาและนำชานมรสส้มในส่วนของมีร์ยามาให้ ดัชเชสเอเฟรนีถามถึงสาเหตุการมาเยือนของอีกฝ่ายทันที ต่างจากคราวของเปโตรนิยาที่เป็นการพูดคุยสัพเพเหระเสียมากกว่า
“มีธุระอะไรหรือคะ”
“เมื่อครู่การตัดสินโทษของมาร์เชอเนสเอธิลเลอร์สิ้นสุดลงแล้วค่ะ นางจะถูกยึดบรรดาศักดิ์คืน และจะถูกประหารในอีกสองวัน”
“ดำเนินการได้รวดเร็วดีนะคะ”
“ไม่มีเหตุผลที่จะยืดเวลาลงทัณฑ์นักโทษอุกฉกรรจ์ จริงไหมคะ ได้ยินว่าวันนี้ดัชเชสเองก็มีเรื่อง…”
“ขอไม่พูดถึงเรื่องนั้นดีกว่าค่ะ”
“ค่ะ ดัชเชส ข้าเองก็มิได้มาด้วยเรื่องนั้น หากทำให้ขุ่นเคืองใจต้องขออภัยด้วยค่ะ” มีร์ยาขอโทษอย่างนอบน้อมก่อนจะบอกจุดประสงค์ที่นางมาวันนี้ “เรื่องราวคราวนี้ทำให้พระจักรพรรดินีไม่พอพระทัยมากทีเดียว จึงฝากคำเตือนมาว่า หากดัชเชสไม่บอกเลิกรับเลดี้โรสมอนด์เป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลเอเฟรนี ตระกูลเอเฟรนีก็จะต้องรับโทษไปตามกันค่ะ”
“ท่านเองก็คงจะทราบดีว่าอีกไม่นานสามีของข้าจะไม่ได้เป็นดยุกอีกต่อไป การรับเลดี้โรสมอนด์เข้าตระกูลเป็นความตั้งใจของสามีแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่เกี่ยวกับข้า”
“ดัชเชส เช่นนั้นท่านจะบอกว่า…”
“ข้าและตระกูลไม่คิดจะรับมือกับโทสะของพระจักรพรรดินีเพื่อปกป้องเลดี้โรสมอนด์หรอกค่ะ มาร์เชอเนส ข้าขอบอกเลิกรับเป็นบุตรบุญธรรมค่ะ ขั้นตอนยุ่งยากไหมคะ”
“ไม่เลยค่ะ ดัชเชส ในเมื่อดัชเชสยืนยันแล้ว ขั้นตอนวุ่นวายเหล่านั้นย่อมมิใช่ปัญหา ข้าจะนำคำพูดของท่านไปกราบทูลฝ่าบาทให้เองค่ะ”
“ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ มาร์เชอเนส ได้ยินว่าที่ผ่านมา เจมส์ เฮ็ดวิกสร้างความขุ่นเคืองพระทัยไว้มาก ข้าเกรงว่าฝ่าบาทจะไม่พอพระทัยตระกูลของข้าเพราะคนที่มิใช่สมาชิกตระกูลอีกต่อไปแล้วน่ะค่ะ”
“หากนำเรื่องนี้ไปกราบทูล ฝ่าบาทย่อมต้องเข้าพระทัยค่ะ ดัชเชส ไม่ต้องกังวลนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ มาร์เชอเนสพรินสกี”
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อเสร็จธุระมีร์ยาก็ลุกขึ้นเงียบๆ
“จะไปแล้วหรือคะ ยังดื่มชาไม่หมดเลย” ดัชเชสเอเฟรนีเอ่ยรั้งพอเป็นพิธี
“พระจักรพรรดินีทรงให้ความสนพระทัยในเรื่องนี้มากค่ะ ข้าต้องรีบนำความกลับไปกราบทูล”
“ก็จริงค่ะ” ดัชเชสเอเฟรนีพยักหน้าอย่างเข้าใจ “พระวรกายของฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“บาดแผลที่ได้รับจากการถูกโจมตีดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“โล่งอกไปที เดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้นำสมุนไพรรักษาแผลไปถวายนะคะ ฝ่าบาทต้องมาบาดเจ็บเพราะบุตรสาวที่รับเข้าตระกูลโดยไม่คิดแท้ๆ”
“ขอบคุณนะคะ ดัชเชส เช่นนั้นข้าขอตัว…”
มีร์ยาเดินไปที่ประตูอย่างสง่าผ่าเผยและเปิดประตูเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ในห้องรับแขกเหลือเพียงดัชเชสเอเฟรนีนั่งดื่มชานมรสส้มที่เย็นชืดจนหมด
ต่อให้นางก้าวออกไปจากห้องนี้ นางก็อยู่คนเดียวอยู่ดี
เมื่อกลับมาถึงพระราชวัง มีร์ยาก็รีบนำคำของดัชเชสเอเฟรนีไปบอกกับแพทริเซียทันที ได้ฟังคำตอบอย่างที่ต้องการแล้วแพทริเซียก็วางใจ คราวนี้ดูเหมือนว่ามันจะจบลงจริงๆ แล้ว
“ต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งเลดี้เอเฟร…ไม่สิ เลดี้โรสมอนด์หรือไม่เพคะ” มีร์ยาถาม
“ต้องบอกสิ ตอนนี้นางเป็นอย่างไร”
“ย่ำแย่เพคะ” มีร์ยาถอนหายใจพลางส่ายหน้า “อาละวาดไปทั่ว ทั้งยังร้องตะโกนขอความเป็นธรรมด้วยเพคะ สุดท้ายผู้คุมทนไม่ไหวจึงผสมยานอนหลับในข้าวให้นางกิน”
“นางคงจะเป็นเช่นนั้นไปจนกว่าจะตาย”
แพทริเซียพึมพำอย่างว้าวุ่นใจก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น
“ริซซี่? เจ้าจะไปไหน?” ราฟาเอลาถาม
“เรื่องนี้ข้าไปบอกนางเองน่าจะดีกว่า ข้ามีเรื่องจะพูดกับนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วย”
ก่อนการประหารหนึ่งวันห้ามติดต่อกับนักโทษ แพทริเซียจึงมีโอกาสพูดคุยกับโรสมอนด์แค่วันนี้เท่านั้น นางคิดว่าอย่างน้อยก็ควรจะได้คุยกันเป็นครั้งสุดท้าย แน่นอนว่าเมื่อมีร์ยาและราฟาเอลาได้ยินคำพูดของแพทริเซีย พวกนางก็มีสีหน้าไม่เข้าใจ และถามว่าถูกกระทำขนาดนั้นแล้วยังจะต้องพูดคุยอันใดเป็นครั้งสุดท้ายอีก แพทริเซียจึงตอบว่านางเองก็ไม่รู้เหมือนกันพลางหัวเราะอย่างไร้เรี่ยวแรง
***
“เรียกดยุกเอเฟรนีมา! เรียกดยุกเอเฟรนีมาเดี๋ยวนี้!”
อีกด้านหนึ่ง โรสมอนด์เริ่มโวยวายทันทีที่ลืมตาตื่น แพทริเซียได้ยินเสียงนั้นตั้งแต่ทางเข้าคุกใต้ดิน นางเดินไปยังห้องขังของโรสมอนด์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเห็นแพทริเซีย เสียงโวยวายของโรสมอนด์ก็ยิ่งดังขึ้นจนทุกคนต้องนิ่วหน้าและเอามือปิดหูอย่างปวดแสบ
“เจ้า! เจ้าคิดว่าทำกับเข้าเช่นนี้แล้วจะอยู่รอดปลอดภัยอย่างนั้นรึ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น เพราะข้าคือจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดินี้ ส่วนเจ้าคือนักโทษประหารที่จะตายในวันมะรืน”
น้ำเสียงของแพทริเซียไม่มีนัยยะอื่นใด และไม่มีแววของความขบขัน นางเพียงแต่พูดกับอีกฝ่ายอย่างจริงจังเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น
“เจ้าเรียกหาดยุกเอเฟรนีไปก็ไร้ประโยชน์”
“ทำไม! เจ้าเป็นใครจึงกล้าพูดเช่นนั้นกับข้า…!”
“ดัชเชสเอเฟรนีรู้ความจริงแล้วว่าเขาขืนใจนางเพื่อแต่งงาน ดัชเชสเอเฟรนียื่นคำร้องขอหย่า ส่วนดยุกเอเฟรนี ไม่สิ เจมส์ เฮ็ดวิกได้กลับไปอยู่กับน้องชายแล้ว ข้าจะทำให้การหย่าของทั้งคู่เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ดังนั้น เขามิใช่อัครมหาเสนาบดีอีกต่อไป เขาจะใช้ชีวิตอย่างสามัญในฐานะสมาชิกตระกูลบารอนเฮ็ดวิกเท่านั้น”
“เจ้า…!” เมื่อความลับที่ตนเคยคิดว่าไม่มีใครรู้ถูกเปิดโปง โรสมอนด์ก็ตกใจถามอย่างตะลึงงัน “เจ้ารู้เรื่องนั้นได้อย่าง…!”
“ข้ารู้ได้อย่างไรน่ะหรือ” แพทริเซียพูดต่ออย่างสงบนิ่ง “มิใช่เพียงเท่านั้น ข้ายังรู้อีกว่าเจ้าขู่เจมส์ เฮ็ดวิกด้วยเรื่องใด และเจมส์ เฮ็ดวิกได้ครองตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีอย่างไร”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร เรื่องนั้นมีเพียงข้ากับแจนี่…!”
“ใช่” แพทริเซียยอมรับ “มีเพียงเจ้ากับแจนยูเอรีที่รู้ ไม่รู้ว่าเจ้ารู้หรือไม่ แต่แจนยูเอรีถูกไล่ออกจากบ้านไปพร้อมกับเจมส์ เฮ็ดวิกเพราะเรื่องนั้น นางออกไปตัวเปล่าพร้อมกับลูกชายที่อายุยังไม่เต็มห้าขวบ”
“…”
“ดัชเชสเอเฟรนีบอกเลิกรับเจ้าเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว ต่อจากนี้เจ้ามิใช่เลดี้เอเฟรนีอีกต่อไป”
“…”
“เจ้าคงจะคิดว่าหากดยุกเอเฟรนีไม่ร่วมมือกับเจ้า เจ้าก็จะเปิดโปงเขา ใช่หรือไม่? แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว เพราะเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว”
“แต่อย่างน้อยมันก็คงทำให้ผู้ชายคนนั้นเจ็บปวดได้บ้าง”
“…”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของแพทริเซียก็มืดไปครึ่งแถบ ‘ผู้ชายคนนั้น’ หมายถึงลูซิโอ
“อย่า” นางเอ่ยเตือนสั้นๆ
“ทำไม?” โรสมอนด์ถามอย่างขบขัน “บอกมาสิ แพทริเซีย หรือเจ้าชอบผู้ชายคนนั้น? ตั้งสติได้แล้ว! ผู้ชายคนนั้นเป็นฆาตกร เป็นลูกชั่วที่ฆ่าแม่บังเกิดเกล้าด้วยมือตัวเอง”
“หากเจ้าไม่เคยประสบกับเรื่องนั้นด้วยตัวเอง เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปดูหมิ่นเขา โรสมอนด์ เจ้าเองก็แก้แค้นพี่ชายต่างแม่ที่ขืนใจเจ้ามิใช่หรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้ว่าเจ้ามิอาจพูดจาพล่อยๆ กับเขาได้”
“สรุปคือเจ้าชอบผู้ชายคนนั้นอย่างนั้นรึ? โง่งมนัก!”
“ข้าไม่เคยพูดว่าข้าชอบฝ่าบาท ข้าเพียงแต่สงสารพระองค์เท่านั้น”
“สงสาร!” โรสมอนด์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เจ้าเองก็เสียสติไปแล้วสินะถึงได้สงสารผู้ชายคนนั้น ทั้งที่ถูกกระทำไปขนาดนั้น ทั้งที่เจ้ารู้ดีกว่าใครว่าเขาทำอะไรลงไป…!”
“พอเถอะ โรสมอนด์ เจ้าไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายไปมากกว่านี้ หากเจ้าพูดจาพล่อยๆ ต่อหน้าเขา ข้าจะตัดหัวเจ้าก่อนที่เจ้าจะได้อ้าปาก”
“เจ้า…” โรสมอนด์ถามแพทริเซียด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้าแบบนี้”
“ทำไมน่ะหรือ” แพทริเซียโต้กลับราวกับนางไม่แปลกใจอะไรอีกแล้ว “ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม เจ้าเองมิใช่หรือที่เอาแต่ทิ่มแทงข้า ทั้งที่ข้าก็อยู่ของข้าดีๆ ไม่เคยคิดอยากจะทำอะไรแบบนี้กับเจ้าเลยสักนิด ข้าตั้งใจว่าจะอยู่เงียบๆ เป็นแค่จักรพรรดินีในนามเท่านั้น”
“…”
“เจ้าทำให้ข้าเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น โรสมอนด์ ข้าจึงมีสิทธิ์ทำกับเจ้าเช่นนี้อย่างไรเล่า”
“จักรพรรดินีในนาม…เฮอะ! พูดจาสูงส่งนัก” โรสมอนด์ยิ้มเยาะพลางเย้ยหยันแพทริเซีย “ตำแหน่งนั้นเป็นตำแหน่งที่สตรีทั้งจักรวรรดิปรารถนาและแหงนหน้ามอง แต่เจ้ากลับคิดจะนั่งบนตำแหน่งนั้นในฐานะจักรพรรดินีในนามอย่างนั้นรึ? อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย เรื่องพรรค์นั้นมีที่ไหนกัน!”
“ใช่ว่าทุกคนจะคิดเหมือนกับเจ้า เอาเถอะ ต่อให้ส่วนใหญ่เป็นดังที่เจ้าว่า แต่อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่” แพทริเซียพูดตัดบทอย่างปล่อยวาง “ทุกอย่างมันจบแล้ว”
“ยังไม่จบ” โรสมอนด์กล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้ายราวกับจะปฏิเสธความจริง “เจ้าฆ่าหญิงที่ตั้งครรภ์สายเลือดของจักรพรรดิไม่ได้”
“มาถึงตอนนี้เจ้าจะบอกว่าเจ้าตั้งครรภ์สายเลือดของจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ หากจะวินิจฉัยการตั้งครรภ์ต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็หนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่เจ้าจะถูกประหารในวันมะรืน ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครเชื่อเจ้าหรอก อย่าคิดอะไรโง่ๆ เลย”
“ข้าต้องอยู่ต่อไป ข้าจะมาตายแบบนี้ไม่ได้!” โรสมอนด์ถลึงตาพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ข้าจะต้องให้กำเนิดรัชทายาทและขึ้นเป็นพระพันปี ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ดูเบาข้ามิได้ ทุกคนจะต้องกริ่งเกรงข้า มิอาจลบหลู่ข้า!”
“…โรสมอนด์” แพทริเซียเรียกอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา “ต่อให้เจ้ารอดไปได้ เจ้าก็เป็นพระพันปีไม่ได้”
“อย่ามาล้อเล่นกับข้า เจ้าเป็นใคร…!”
“เพราะเจ้าเป็นหมัน”
“…”
สิ้นคำ สีหน้าของโรสมอนด์ก็พลันแข็งค้าง