Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - ภาคแยก | บทที่ 12 นางเอกในชีวิตของข้า
“ไม่คิดว่ามันมากไปหน่อยหรือ”
เคาน์เตสเบรดิงตันถามจากใจจริง แต่รอธซีเองก็ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ข้าเรียนมาว่าตอนป่วยต้องพักผ่อนและผ่อนคลายให้มากที่สุดครับ ท่านแม่”
“ใช่แล้วล่ะ…”
เคาน์เตสเบรดิงตันมองบุตรชายด้วยสายตาประหลาด เมื่อไม่กี่วันก่อนเขายังย้ำหนักย้ำหนาว่า ‘ไม่คิดจะแต่งงาน’ นางจึงคิดว่าจะเคารพการตัดสินใจของลูกให้มากที่สุด และจะสนับสนุนให้ลูกได้ใช้ชีวิตดั่งใจปรารถนา ทว่า…
“นี่ใช่ลูกข้าจริงๆ หรือนี่”
กลับมีตัวแปรเช่นนี้โผล่มา
เคาน์เตสเบรดิงตันเพิ่งเคยเห็นบุตรชายเป็นแบบนี้ครั้งแรกในชีวิต นางจึงไม่อาจเก็บซ่อนความรู้สึกงงงันไว้ได้ แน่นอนว่าบุตรชายของนางจิตใจดีและอ่อนโยนยิ่งกว่าใคร เป็นไปตามมาตรฐานของสุภาพบุรุษ แต่ด้วยความที่เขาไม่นำด้านดีๆ เหล่านั้นไปใช้กับเพศตรงข้ามจึงทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจเป็นที่สุด
แต่จู่ๆ เขากลับกลายเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าเคาน์เตสเบรดิงตันมิได้เห็นเป็นเรื่องไม่ดี นางเพียงแต่ทำตัวไม่ถูกเพราะบุตรชายเปลี่ยนไปแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเท่านั้น
“หวังว่าเลดี้โกรเชสเตอร์จะไม่รู้สึกลำบากใจ”
“นั่นสิครับ” รอธซีเพิ่งตระหนักถึงเรื่องนั้นได้ก็โอดครวญ “ถ้านางลำบากใจจะทำอย่างไรดี”
“เจ้าก็คอยดูท่าทีของนางแล้วค่อยๆ ปรับไปแล้วกัน แต่ด้วยความจริงใจของเจ้า หากนางมิได้เกลียดเจ้า นางก็คงไม่ถึงขั้นลำบากใจหรอก”
“จริงหรือครับ”
ได้ฟังดังนั้นรอธซีก็คล้ายปล่อยวางความกังวลอันใหญ่หลวงได้แล้ว สีหน้าจึงดูผ่อนคลายขึ้น เขาจุมพิตที่แก้มข้างซ้ายของเคาน์เตสเบรดิงตันเบาๆ และกระซิบ
“ข้าจะรีบไปรีบมานะครับ ท่านแม่”
“โอ้โห…”
เปโตรนิยาอดอุทานออกมาไม่ได้เมื่อเห็นข้าวของมากมายที่รอธซีขนมา ทั้งช่อดอกไม้หลากสีสันที่มีกลิ่นหอมช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย ใบชาหายากจากประเทศทางตะวันออกที่เพิ่งส่งมาที่ตระกูลเบรดิงตัน ขนมเจลลี่จากต่างประเทศที่ดีต่อการฟื้นฟูอาการอ่อนเพลีย และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดเป็นของล้ำค่า มิได้พบเห็นได้ทั่วไป
“อาการของข้าไม่ได้น่าเป็นห่วงถึงขนาดนั้น…” เปโตรนิยากล่าวด้วยน้ำเสียงตะลึงงัน
“ไข้หวัดไม่ว่าจะหนักหรือเบาหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องก็ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้นะครับ เปโตรนิยา”
รอธซีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและป้อนเจลลี่ชิ้นหนึ่งให้ถึงปาก เปโตรนิยาอ้าปากงับเจลลี่ชิ้นนั้นโดยไม่รู้ตัว หอมหวานยิ่ง
“อร่อยจังค่ะ”
“โล่งอกไปทีนะครับ”
รอธซีได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มอย่างมีความสุขเป็นที่สุด อา คุ้มแล้วที่ตั้งอกตั้งใจเตรียมมา ปฏิกิริยาของฝ่ายชายทำให้เปโตรนิยาหน้าแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัวพลางคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่กระตือรือร้นกับการแสดงออกจริงๆ
“อาการแย่มากไหมครับ”
รอธซีคิดว่าอาการป่วยของเปโตรนิยาเป็นความผิดของเขา ถ้าตอนนั้นเขาพานางไปหลบฝนเร็วกว่านี้ นางก็คงไม่ต้องมานอนซมอยู่บนเตียงแบบนี้ เปโตรนิยาเห็นรอธซีทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็เอ่ยตอบ
“ไม่เลยค่ะ สบายมาก”
พูดจบเปโตรนิยาก็ไอออกมา นางถึงกับหน้าแดงอย่างขวยเขิน รีบเอ่ยแก้ตัว
“จู่ๆ ฝุ่นก็เข้าคอน่ะค่ะ”
“เอาเป็นว่าสิ่งสำคัญคือต้องพักผ่อนเยอะๆ นะครับ เปโตรนิยา”
“จะอยู่ต่อไหมคะ รอธซี”
“เอ่อ…” รอธซีลังเลเล็กน้อยแล้วถามกลับ “อยู่ต่อได้หรือครับ”
คำถามของรอธซีทำให้เปโตรนิยาหน้าแดงเถือก รอธซีเห็นดังนั้นก็นึกสงสัยว่าอีกฝ่ายหน้าแดงเพราะเขินอายหรือเพราะพิษไข้กันแน่
“…อยู่ต่อเถอะค่ะ”
จะอะไรก็ช่างเถอะ เพราะสิ่งที่สำคัญคือตอนนี้ข้าอยู่ตรงนี้…ข้างๆ นาง
“…รอธซี”
รอธซีได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเขาเบาๆ เป็นเสียงที่คุ้นหูและเป็นเสียงที่เขาชอบมาก เขายิ้มกว้างในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นและเอ่ยเรียกชื่อของหญิงสาว
“…นิล”
รอธซีพึมพำและค่อยๆ ลืมตาขึ้น หลังจากกะพริบตาสองสามครั้ง ภาพของสาวงามก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
เป็นเปโตรนิยา เขายิ้มออกมา
“ตื่นแล้วหรือคะ”
รอธซีค่อยๆ ลุกขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะลืมเสียสนิทว่าตนมาเฝ้าไข้ (แน่นอนว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาจึงไปขออนุญาตมาร์เชอเนสโกรเชสเตอร์ก่อนแล้ว) และเผลอหลับไป
“อาการ…เป็นอย่างไรบ้างครับ” รอธซีถามด้วยเสียงแหบเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ” เปโตรนิยาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขอโทษนะคะที่ข้าทำให้ท่านนอนไม่สบาย”
“โอ้ ไม่เลยครับ ไม่เลย ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอนครับ เปโตรนิยา” รอธซีโบกไม้โบกมือพัลวันพลางปฏิเสธ “ไม่ได้ไม่สบายตัวเลยครับ นอนสบายมาก…ไม่สิ ที่จริงก็มีปัญหาอยู่นิดหน่อย…”
“ฮ่ะฮ่าฮ่า”
เห็นท่าทีสับสนอย่างหาได้ยากของอีกฝ่าย เปโตรนิยาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว รอธซีมองนางหัวเราะอย่างเหม่อลอยพลันหน้าแดง
“เหมือนคนทึ่มใช่ไหมครับ”
“ฮ่าๆ ไม่ค่ะๆ” เปโตรนิยารีบกลืนเสียงหัวเราะลงไปและพยายามทำทีเป็นสงบเยือกเย็นพลางกล่าว “ข้าไม่ได้หัวเราะเพราะท่านเหมือนคนทึ่มค่ะ เพียงแต่…”
คราวนี้กลับเป็นเปโตรนิยาที่หน้าแดง
“น่ารักดีค่ะ”
“…”
“เอ่อ ไม่ชอบให้พูดแบบนี้หรือเปล่าคะ”
“โอ้ เปล่าครับๆ” รอธซีรีบส่ายหน้า “ชอบครับ ชอบมากๆ”
“ถึง…ขนาดนั้นเลยหรือคะ”
“หากเป็นคำพูดของเลดี้ ข้าจะไม่ชอบได้หรือครับ”
“…ข้าคิดมาตั้งนานแล้ว ท่านนี่พูดจาเอาอกเอาใจแบบนี้คล่องปากจังเลยนะคะ”
เปโตรนิยาถามด้วยน้ำเสียงสับสน “ไปเรียนมาจากที่ไหนหรือเปล่าคะ”
“เปล่านะครับ ไม่เคยคิดจะเรียนเลยด้วย”
รอธซีครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป “อาจจะเป็นพันธุกรรม หรือไม่ก็เรียนรู้มาอย่างที่เลดี้ว่าก็ได้ครับ เพราะท่านพ่อท่านแม่ของข้าอาการหนักกว่านี้มาก”
อีกอย่างข้าไม่ได้ใช้คำพูดแบบนั้นเสียหน่อย… รอธซีบ่นอุบและถามเปโตรนิยา
“ว่าแต่รู้สึกดีขึ้นไหมครับ”
“ได้นอนไปงีบหนึ่งก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ” เปโตรนิยาบิดขี้เกียจแล้วถาม “ลอร์ดน่าจะไม่ค่อยสบายตัวนะคะ…นอนขดตัวเช่นนั้น”
“บอกแล้วมิใช่หรือครับว่าข้าไม่เป็นไร”
“เอ่อ ลอร์ดคะ…” เปโตรนิยาเอ่ยเรียกเสียงค่อย
“ครับ เปโตรนิยา” รอธซีตอบทันที
“ใกล้จะถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดิแล้ว ในวังคงมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ในวันนั้น…”
“…”
“ช่วยไปเป็นเพื่อนข้าได้ไหมคะ”
“แน่นอนสิครับ”
รอธซีตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง แน่นอน แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเขาหลงรักนางไปแล้ว
“ข้าอยู่ข้างๆ ท่านได้ตั้งแต่เริ่มงานจนกระทั่งจบงานเลยครับ” เขาพูดเสริม
“…”
“จะอนุญาตไหมครับ”
“ถ้าลอร์ดไม่เบื่อเสียก่อน…ข้าก็ไม่ว่าอะไรค่ะ”
“ขอบคุณสำหรับคำอนุญาตครับ เลดี้ แล้วก็…ขอบคุณที่ชวนข้า”
“ดีใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ด้วยหรือคะ”
“เรื่องเล็กน้อยอะไรกันครับ” รอธซีส่ายศีรษะและเอ่ยแย้ง “ทุกคำพูดของเลดี้เป็น ‘เรื่องใหญ่’ สำหรับข้าครับ”
“…คำพูดแบบนี้ก็เรียนมาหรือคะ”
“นี่เป็นคำพูดจากใจจริงครับ” รอธซีตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง “คำสารภาพที่จริงใจโดยทั่วไปก็ดูคล้ายกับบทละครอยู่แล้วครับ เลดี้ฟังแล้วรู้สึกแบบนั้นไหมครับ”
“ถ้าอย่างนั้นข้าคือนางเอกในละครเรื่องนั้นหรือคะ”
“ท่านเป็นนางเอกในชีวิตของข้าครับ”
“…เขินๆ เหมือนกันนะคะ”
“แต่ก็ชอบนี่ครับ” รอธซียิ้มอย่างสดใส “ใช่ไหมครับ”
บ้าจริงที่มันเป็นเช่นนั้น เปโตรนิยาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
***
รอธซีกลับมาถึงบ้านแล้ว เขาตั้งใจว่าจะให้ของขวัญเปโตรนิยาหนึ่งชิ้นเป็นที่ระลึกในการคบหากันของพวกเขา
‘นางจะชอบอะไรนะ’
เรื่องนั้นสำคัญที่สุดแต่เขากลับไม่ได้ถามเปโตรนิยา ขณะที่รอธซีกำลังนอนคิดหนักอยู่บนเตียง ใครคนหนึ่งก็มาเคาะประตูห้อง
“ใครครับ” เขาถามออกไป
“พ่อเอง โร”
“ท่านพ่อ?”
รอธซีลุกพรวดขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู หลังบานประตูคือใบหน้าที่เขาคุ้นเคย รอธซีหัวเราะออกมาดังลั่นโดยไม่รู้ตัวด้วยความยินดี
“ท่านพ่อ!”
“สบายดีไหม โร”
เคานต์เบรดิงตันยิ้มอบอุ่นและสวมกอดบุตรชายด้วยอ้อมกอดอันกว้างใหญ่ เคานต์เบรดิงตันออกเดินทางไปเยี่ยมเยือนหัวเมืองเมื่อหลายวันก่อน ดูเหมือนว่าเพิ่งกลับมาถึง
“ได้กลับแล้วหรือครับ กลับมาเร็วเหมือนกันนะครับ” รอธซีถาม
“ใช่แล้ว ได้กลับเร็วน่ะ” เคานต์เบรดิงตันหัวเราะอ้าปากกว้างพลางกล่าว “หันไปทางใดก็เห็นแต่หน้าแม่เจ้า! พ่อเร่งคนขับรถม้าสุดพลังเลยล่ะ”
สมกับเป็นคำพูดของสามีภรรยาที่รักใคร่ปรองดองกัน รอธซีหัวเราะพลางกล่าว
“แต่ท่านแม่ไม่ค่อยพูดถึงท่านพ่อเลยนะครับ”
“แม่ของเจ้าเดิมทีก็ขี้อายอยู่แล้ว ตอนคบกันก็แบบนี้” เคานต์เบรดิงตันยิ้มน้อยๆ แล้วถามลูกชาย “พ่อเข้าไปได้หรือไม่ ดูเหมือนจะต้องคุยกันยาว”
“ได้สิครับ ข้าชงชาให้ไหมครับ”
“ลำบากเปล่าๆ ไม่เป็นไร ไปนั่งตรงนั้นกันดีกว่า”
พ่อลูกนั่งด้วยกันที่โต๊ะรับแขก ทั้งสองมีรูปลักษณ์ที่คล้ายกันมากราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ไม่มีความผิดพลาดทางพันธุกรรมให้เห็น เคานต์เบรดิงตันผู้ครอบครองเสน่ห์ที่ดูภูมิฐานเอ่ยปากถามรอธซี
“ได้ยินว่าช่วงนี้เจ้าคบหากับเลดี้คนหนึ่งอยู่”
“ท่านแม่คงบอกแล้วสินะครับ”
“ใช่ เป็นบุตรีของมาร์ควิสโกรเชสเตอร์หรือ”
“ครับ”
“ฟังว่าเป็นหญิงสาวที่ร่าเริงและอ่อนหวาน พี่สาวฝาแฝดของจักรพรรดินีใช่หรือไม่”
“ครับ ใช่แล้วครับ”
“เห็นแม่เจ้าบอกว่าเจ้าดื้อจะไม่แต่งงาน… เจ้าคงเหมือนพ่อสินะ”
“ทำไมหรือครับ”
“พ่อก็เคยเป็นเช่นนั้น แม่เจ้าไม่ได้เล่าให้ฟังหรือ”
“อ้อ เล่าแล้วครับ ตอนที่ข้าบอกท่านแม่ว่าจะไม่แต่งงาน” รอธซีหัวเราะเจื่อนๆ “สงสัยข้าจะเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”
“ก็คงจะใช่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกระทั่งเรื่องนี้นะ” เคานต์เบรดิงตันหัวเราะแห้งๆ และถามรอธซี “ว่าแต่สีหน้าเจ้าดูหม่นหมองยิ่ง ไปกันได้ไม่ดีหรือ”
“เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น…”
รอธซีเล่าความกังวลใจให้บิดาฟังด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เราเริ่มคบหากันเมื่อหลายวันก่อน และข้าก็อยากให้ของขวัญนางเป็นที่ระลึก”
ข้าน่าจะถามนางเสียหน่อย… รอธซีนึกเสียใจก่อนจะเอ่ยถามความเห็น
“ท่านพ่อคิดว่าอย่างไรครับ ข้าทำตัวมากเรื่องเกินไปหรือไม่”
“ไม่หรอก เดิมทีการให้ของขวัญแม้จะให้เยอะแค่ไหนก็ไม่ถือว่ามากไปหรอก ยิ่งไปกว่านั้นครั้งแรกย่อมสำคัญสำหรับทุกคน”
เคานต์เบรดิงตันยิ้มอ่อนโยนและพูดต่อ “ถ้าคิดไม่ตก เจ้าก็ให้ของที่ ‘ไม่ว่าใครได้รับก็ดีใจ’ สิ แต่ว่าของที่ดี ‘ที่สุด’ ย่อมเป็น ‘ของขวัญที่คนผู้นั้นต้องการเป็นพิเศษ’ หรือไม่ก็ ‘ของขวัญที่คนผู้นั้นชอบเป็นพิเศษ’ ”
“พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องยากเลยนะครับ”
“พ่อก็ไม่คิดว่ายาก เจ้าซื่อบื้อเองต่างหาก โร”
เคานต์เบรดิงตันกล่าวด้วยรอยยิ้มละมุนแล้วให้คำแนะนำอย่างสุขุม
“ไม่ใช่เรื่องยากหรอก ก่อนจะคบกันพวกเจ้าก็ได้ใช้เวลาร่วมกันอยู่บ้างมิใช่หรือ ลองคิดทบทวนถึงช่วงเวลาเหล่านั้นให้ดี ว่าตอนนั้นเจ้าอยากทำสิ่งใดให้นาง ตอนนั้นเจ้าอยากมอบสิ่งใดให้นางเป็นของขวัญ”
“…”
“ถ้าพูดขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกเจ้าก็ขาดคุณสมบัติแล้ว”
“เกินไปแล้วนะครับ ท่านพ่อ!”
“สตรีนั้นละเอียดอ่อนกว่าที่เจ้าคิด หากเป็นของขวัญที่เจ้ามอบให้จากใจจริง นางจะดีใจแค่ไหน เจ้าลองคิดดูให้ดี”
พูดจบเคานต์เบรดิงตันก็ลุกขึ้น
“จะไปแล้วหรือครับ” รอธซีถาม
“ต้องไปหาแม่เจ้าน่ะสิ”
“เอาเป็นว่า…ข้าทราบแล้วว่าทั้งสองท่านรักกันดี น่าอิจฉานะครับ”
“อย่ากังวลไปเลย โร หากเจ้าเหมือนข้า อีกหน่อยเจ้าย่อมต้องมีชีวิตแบบนี้แน่นอน”
เคานต์เบรดิงตันหัวเราะอย่างขบขันทิ้งท้ายแล้วออกจากห้องไป รอธซีทิ้งตัวนอนลงบนเตียง เขาคิดทบทวนถึงคำแนะนำของบิดาอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นราวกับนึกอะไรออก
เขาคิดออกแล้ว คิดออกเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น