Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี - ภาคแยก | บทที่ 27 ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
ไอชาเห็นดังนั้นก็กังวลขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
อะไรกัน? หรือฝ่าบาทไม่โปรด?
ไอชาถามแพทริเซียอย่างร้อนใจ “ฝ่าบาท ไม่โปรดของขวัญของหม่อมฉันหรือเพคะ…?”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น…”
แพทริเซียวางช็อกโกแลตลงด้วยสีหน้าสับสน และพูดต่ออย่างคลื่นไส้
“จู่ๆ เราก็ได้กลิ่นหวานๆ จากช็อกโกแลต…”
“…เพคะ?” ไอชาเผลอถามกลับอย่างสับสน
แพทริเซียตอบอย่างอายๆ ถ้าช็อกโกแลตไม่มีกลิ่นหวานๆ แล้วจะให้มีกลิ่นขมๆ หรือไร หญิงสาวปิดกล่องช็อกโกแลตด้วยสีหน้าที่ซีดลงเล็กน้อย
“ขอโทษจริงๆ น่าจะเป็นเพราะช่วงนี้ท้องไส้เราไม่ค่อยดี ไว้เราจะเก็บไว้กินทีหลังนะ”
“เพคะ ฝ่าบาท แต่หากไม่โปรด…”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนี้แค่เราไม่ค่อยสบายเท่านั้น”
แพทริเซียรีบพูดเสริมด้วยกลัวว่าไอชาจะเจ็บช้ำน้ำใจ ช่วงนี้อาการของนางไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่คิดว่ากระทั่งกลิ่นช็อกโกแลตก็ทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมได้ อย่างไรก็คงต้องตามมาหลวงมาตรวจเสียหน่อยแล้ว
“…เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ”
แพทริเซียถามด้วยน้ำเสียงตกใจ แต่หมอหลวงกลับตอบด้วยรอยยิ้ม
“ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท พระองค์ทรงพระครรภ์พ่ะย่ะค่ะ”
“พระเจ้า…”
แพทริเซียเอามือปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ตั้งครรภ์… ถ้าอย่างนั้น…
‘ข้าตั้งท้องลูกของเขาอย่างนั้นหรือ’
เมื่อคิดได้ดังนั้น ขอบตาของแพทริเซียก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
นางมีลูกแล้วจริงๆ!
ตอนที่หมอหลวงวินิจฉัยว่านางไม่ได้เป็นหมันนางก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และไม่คิดว่าจะได้ตั้งครรภ์เช่นนี้
“นะ นานแค่ไหนแล้ว” แพทริเซียถามเสียงสั่น
“ทรงหมายถึง…?”
“ลูกของเรา อายุเท่าไรแล้ว”
“อ้อ ยังไม่มากพ่ะย่ะค่ะ ตามความเห็นของกระหม่อมคิดว่าน่าจะประมาณหนึ่งเดือน”
“อา…”
หนึ่งเดือนก็พอดีกับช่วงที่นางรู้ว่าตนไม่ได้เป็นหมันพอดี เช่นนั้นหรือว่าจะเป็นคืนนั้น…
‘จะว่าไปตอนนั้นก็ฝืนตัวเองอยู่เหมือนกัน’
“อย่างไรกระหม่อมก็ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ได้ยินว่าที่ผ่านมาทรงเป็นทุกข์กับเรื่องพระทายาทไม่น้อย”
“ฮ่าๆ…ขอบใจมาก ลอร์ด”
“จะให้กระหม่อมกราบทูลพระจักรพรรดิ หรือว่าพระองค์จะ…”
“เย็นนี้เรามีนัดทานมื้อค่ำกับฝ่าบาทพอดี เดี๋ยวเราเป็นคนกราบทูลเอง”
ครู่ต่อมาแพทริเซียก็ส่งหมอหลวงกลับไปแล้วหันไปมองมีร์ยาที่อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายกำลังร้องไห้ แพทริเซียเห็นดังนั้นก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลตามไปด้วยจึงเผลอกะพริบตาโดยไม่รู้ตัว
“มีร์ยา ข้า…”
“ฝ่าบาท ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ เพคะ” มีร์ยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื้นตัน “ที่ผ่านมาทรงเป็นทุกข์เพราะเรื่องพระทายาทมามากเหลือเกิน…จากนี้ไปจะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาแล้วนะเพคะ”
“ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิง”
“หากเป็นเจ้าชายก็จะทรงเป็นมกุฎราชกุมาร[1] หากเป็นเจ้าหญิงก็จะทรงเป็นมกุฎราชกุมารี[2]เพคะ ต่อให้ทรงมีพระประสูติการพระธิดาเพียงพระองค์เดียว เจ้าหญิงพระองค์นั้นก็จะได้เป็นจักรพรรดินี[3]”
เด็กยังไม่ทันเกิดก็พูดเรื่องตำแหน่งเสียแล้ว ยังเร็วเกินไปจริงๆ
แพทริเซียยิ้มน้อยๆ พลางส่ายศีรษะ เหนือสิ่งอื่นใด ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งแค่นางได้อุ้มท้องลูกของผู้ชายที่นางรัก เท่านั้นนางก็พอใจมากแล้ว
“ตอนนี้ข้าเพียงแต่ดีใจที่จะได้เป็นแม่คนเท่านั้น”
“แน่นอนอยู่แล้วเพคะ ฝ่าบาท” มีร์ยายิ้มน้อยๆ แล้วปาดน้ำตา “เรื่องอื่นล้วนเป็นเรื่องรอง เรื่องนี้ต่างหากที่น่ายินดีที่สุด”
“เหลือเวลาอีกเท่าไรกว่าจะถึงเวลานัดทานมื้อค่ำที่ตำหนักกลาง”
“ราวๆ หนึ่งชั่วโมงเพคะ ฝ่าบาท”
แย่จริง ข้าจะรอจนถึงเวลานั้นได้อย่างไร
ที่จริงการไปก่อนเวลาก็ไม่ใช่ปัญหา ลูซิโออาจจะยิ่งดีใจเสียด้วยซ้ำ แต่แพทริเซียเป็นกังวลว่านางจะไปรบกวนเวลาทำงานของเขาหรือไม่ มีร์ยามองออกว่าแพทริเซียรู้สึกอย่างไรจึงกล่าวสนับสนุน
“ฝ่าบาท เป็นเรื่องอื่นก็ช่างเถิด แต่ไม่มีวันใดน่ายินดีไปกว่าวันนี้แล้วนะเพคะ รีบไปกราบทูลพระจักรพรรดิไม่ดีกว่าหรือ”
“เจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ”
“แน่นอนสิเพคะ ฝ่าบาท”
“ได้ ถ้าอย่างนั้น…”
แพทริเซียออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่ฉายแววตื่นเต้น
“ช่วยข้าเตรียมตัวทีสิ มีร์ยา”
***
การมาเยือนที่คาดไม่ถึงทำให้ลูซิโอตกใจมากจริงๆ เขาปรารถนาให้นางมาถึงก่อนเวลานัดมาตลอด แต่ด้วยเรื่องงานแพทริเซียจึงไม่เคยมาก่อนเวลานัดเลย
เขาลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งแล้วเข้าไปต้อนรับแพทริเซีย
“พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางทิศตะวันตก เป็นครั้งแรกเลยที่เจ้ามาก่อนเวลาเช่นนี้”
“ตรัสเช่นนี้หม่อมฉันก็กลายเป็นจักรพรรดินีที่ไร้หัวจิตหัวใจสิเพคะ”
“เจ้าใจร้ายกับเราเสมอนั่นแหละ เจ้าไม่มีทางรู้หรอกว่าเราต้องการความรักความสนใจจากเจ้ามากแค่ไหน”
“หม่อมฉันคิดว่าตัวเองดูแลฝ่าบาทอย่างดีที่สุดแล้วเสียอีก ดูเหมือนจะไม่ใช่สินะเพคะ?”
“จักรพรรดินีอาจจะคิดเช่นนั้น แต่พอดีเราเป็นคนโลภมากน่ะ”
ลูซิโอจุมพิตที่หน้าผากของแพทริเซียอย่างอ่อนโยนแล้วถาม “ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ จู่ๆ ก็ทำอะไรผิดปกติเช่นนี้เราตกใจนะ”
“หากถามว่า…เกิดอะไรขึ้น” แพทริเซียหัวเราะเบาๆ “ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งเพคะ แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้”
“เป็นความลับอย่างนั้นหรือ”
“ก็…ทำนองนั้นเพคะ”
ครั้นเห็นแพทริเซียทำสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องอีกครั้ง ลูซิโอก็คล้ายโมโหที่ถูกกระเซ้าเย้าแหย่จึงพรมจูบหญิงสาวทั่วร่างราวกับจะแกล้ง ทำเอาแพทริเซียหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้
ครู่ต่อมาลูซิโอก็เอ่ยถาม
“ไหนๆ ก็มาก่อนเวลาแล้ว เราทานมื้อค่ำกันเร็วหน่อยดีหรือไม่”
“ก็ไม่เลวนะเพคะ”
“ไม่มีงานอื่นแล้วหรือ? ว่างจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลยหรือไม่?”
“ถ้าหม่อมฉันว่างแล้วจะทำไมหรือเพคะ”
“ก็จะรั้งไว้จนถึงมื้อเช้าของพรุ่งนี้เลยน่ะสิ”
“บนเตียงหรือเพคะ”
ครั้นได้ยินคำถามของแพทริเซีย ลูซิโอก็พลันทำสีหน้าทึ่มทื่อก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“เรายังไม่ได้พูดถึงขนาดนั้นเสียหน่อย เจ้าคงคาดหวังอยู่กระมัง”
“ก็…”
ถึงจะคาดหวังแต่ก็ทำไม่ได้ไประยะหนึ่ง
แพทริเซียยิ้มอย่างเสียดาย “บนเตียงหม่อมฉันจะนอนอย่างเดียวเพคะ”
“เจ้านี่ชอบพูดให้เราช้ำใจอยู่เรื่อย”
จริงหรือ อีกเดี๋ยวท่านคงไม่คิดแบบนั้น
ในเมื่อแพทริเซียมาก่อนเวลา ทั้งสองจึงเริ่มกินมื้อค่ำเร็วกว่ากำหนด
ขณะกินพุดดิ้งที่อัดแน่นไปด้วยองุ่นเขียว แพทริเซียก็ครุ่นคิดไปด้วยว่าตนควรจะบอกเรื่องนั้นตอนไหนจึงจะทำให้ผู้ชายคนนี้ตกตะลึงได้มากที่สุด
บอกตอนนี้เลยดีไหม? หรือควรรอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะเจาะกว่านี้?
ขณะที่แพทริเซียกำลังครุ่นคิดอย่างเอาจริงเอาจัง ลูซิโอก็เอ่ยถามขึ้น
“วันนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาทำให้ริมฝีปากของแพทริเซียปรากฏรอยยิ้มบางๆ วันนี้หรือ…ตอนแรกก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าใด แต่สุดท้ายแล้วดีมาก ข้าได้นั่งมองท่านที่อยู่ตรงหน้า และท่านเองก็มองมาที่ข้าเช่นกัน แล้วก็…
“ดีเพคะ”
วันนี้ข้าได้ยินว่าข้ากับท่านกำลังจะมีลูกด้วยกัน แพทริเซียเผยยิ้มและพูดต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หม่อมฉันได้ยินข่าวดีมาเพคะ”
“หืม? ข่าวดีอะไรหรือ”
“สงสัยหรือเพคะ”
“แน่นอนสิ หากเป็นข่าวดีสำหรับจักรพรรดินีของเรา นั่นย่อมต้องเป็นข่าวดีสำหรับเราด้วย”
ได้ฟังดังนั้นแพทริเซียก็ยิ้มอย่างปีติยินดี ท่านคงไม่รู้ว่าหากท่านได้ฟังเรื่องนี้ ท่านจะดีใจมากแค่ไหน เพราะเขาก็ปรารถนาที่จะมีลูกไม่น้อยไปกว่านาง
“ฝ่าบาท” หญิงสาวเรียกอีกฝ่ายเสียงสั่น
“หืม?”
“ขอแสดงความยินดีด้วยเพคะ”
“เราหรือ?”
เขาเอียงคออย่างสงสัย แพทริเซียรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลขณะที่พูดต่อ
“ได้ยินว่าปีหน้าพระองค์จะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเพคะ”
“…”
ทันใดนั้นลูซิโอก็นั่งตัวแข็งทื่อไม่พูดไม่จา แพทริเซียมองอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้วเพคะ”
พูดจบ แพทริเซียก็จ้องมองลูซิโออีกครั้ง เขายังคงนั่งตัวแข็งทื่อซึ่งนั่นทำให้มุมหนึ่งในใจของแพทริเซียเกิดความรู้สึกวุ่นวายใจเล็กๆ ขึ้น หรือว่า…เขาไม่รู้สึกดีใจเหมือนกับข้า?
“เรื่อง…นั้น”
ผ่านไปครู่ใหญ่ลูซิโอจึงยอมเปิดปาก แพทริเซียรู้สึกประหม่าโดยไม่รู้ตัว
“เป็นความจริงหรือ”
“จริงเพคะ”
ในที่สุดแพทริเซียก็ต้องถามออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “หรือว่า…พระองค์ไม่ดีใจ?”
“หา?”
“สีพระพักตร์ของพระองค์ดูไม่ยินดีเลย”
ได้ยินดังนั้น ลูซิโอก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปหาแพทริเซีย แพทริเซียเงยหน้ามองลูซิโอพลางปิดปากแน่น
ทันใดนั้นลูซิโอก็เรียกหญิงสาวด้วยชื่อเล่น
“ริซซี่”
“เพคะ”
พร้อมกันนั้น เขากอดแพทริเซียไว้แน่น การกระทำปุบปับของเขาทำให้แพทริเซียตกใจกะพริบตาปริบๆ ลูซิโอฝังหน้าลงที่กับของนางพลางกล่าวราวกับกระซิบ
“เจ้าเดาไม่ออกหรอกว่า”
“…”
“ตอนนี้ข้าดีใจมากแค่ไหน”
“แต่หม่อมฉันไม่สบายใจเลยเพคะ เพราะสีพระพักตร์ของพระองค์ดูไม่เป็นเช่นนั้น”
“ข้าขอโทษ” เขารีบขอโทษและพูดต่อทันที “ข้าดีใจจนตกใจน่ะ ต้องใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะรู้ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่”
“…”
“ตัวเจ้าอุ่นเช่นนี้ คงไม่ได้ฝันไปสินะ”
“นี่เรื่องจริงเพคะ ฝ่าบาท”
แพทริเซียดึงมือของลูซิโอมาวางเอาไว้บนท้องน้อยของตน
“ในนี้มีลูกของเราอยู่เพคะ”
“จริงๆ นะ…”
ลูซิโอลูบหน้าท้องของแพทริเซียเบาๆ พลางพึมพำ “ข้ามีความสุขจนไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะ ริซซี่”
คราวนี้ลูซิโอขยับเข้าไปใกล้แพทริเซียยิ่งขึ้นและมองดูหน้าท้องของนางราวกับมองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาก้มลงจูบที่หน้าท้องนั้นอย่างนุ่มนวลก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้างดงาม ครั้นเห็นรอบดวงตาของเขาเปียกชื้น แพทริเซียจึงรู้สึกวางใจ
นางยิ้มทั้งน้ำตา
“ขอบคุณนะ ริซซี่” เสียงของลูซิโอเริ่มเจือด้วยความสะอื้น “ตอนนี้ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ข้ามีเจ้าที่ข้ารัก และมีลูกกับเจ้า… ข้ายังจะต้องการความสุขที่มากกว่านี้ได้อย่างไร”
“หม่อมฉันก็ดีใจมากเพคะ”
แพทริเซียกล่าวเบาๆ พลางเฝ้ามองลูซิโออยู่อย่างนั้น นางสงสัยเหลือเกินว่าลูกที่จะได้รับสืบทอดดวงตาสีดำกระจ่างใสนั้นมาจะมีหน้าตาอย่างไร ดวงตาสีนิลที่มีเสน่ห์คู่นี้มองแต่นางเพียงผู้เดียว นางอยากพบลูกที่จะมีดวงตาเหมือนกันนี้เร็วๆ ตอนนั้นเองลูซิโอก็หันมาหา แพทริเซียหลับตาลงโดยอัตโนมัติแล้วจูบแสนหวานก็มาเยี่ยมเยียน
‘นี่ไม่ใช่ความฝันจริงๆ ใช่ไหม’
นางสัมผัสได้อย่างชัดเจน ทั้งริมฝีปากของเขาที่จูบนาง ทั้งสัมผัสอบอุ่นของเขาที่โอบรอบตัวนาง นี่ต้องเป็นความจริงไม่ผิดแน่ แต่แพทริเซียก็ยังคงไม่สบายใจ
กลัวว่าทั้งหมดนี้จะเป็นแค่ฝันไป
กลัวว่าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะพบว่ามันเป็นเพียงภาพมายาที่ทำให้นางโศกเศร้า
ทว่า หากเป็นเช่นนั้น…
‘ข้าหวังว่าข้าจะไม่ตื่นขึ้น’
ตอนนี้นางมีความสุขเสียจนไม่สนใจอีกแล้วว่ามันจะเป็นภาพมายาหรือความเป็นจริง
[ภาคแยก 5] Finally. (จบบริบูรณ์)
[1] มกุฎราชกุมาร คือ ตำแหน่งรัชทายาทสืบบัลลังก์ที่เป็นบุรุษ
[2] มกุฎราชกุมารี คือ ตำแหน่งรัชทายาทสืบบัลลังก์ที่เป็นสตรี
[3] จักรพรรดินีในที่นี้หมายถึงจักรพรรดิที่เป็นสตรี ไม่ใช่อัครมเหสีของจักรพรรดิ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Empress เหมือนกัน แต่ในภาษาเกาหลีจะเรียกจักรพรรดิที่เป็นสตรีว่า 여제 (ยอ-เจ) ในขณะที่เรียกจักรพรรดินีที่เป็นอัครมเหสีของจักรพรรดิว่า 황후 (ฮวัง-ฮู)