อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนท
เปลวไฟสีเทาเผาตัวเป็นกลุ่มกลางอากาศ เจี้ยนอู๋เฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เวลาผ่านมาแค่ปีเดียวแต่เขากลับรู้สึกมองอี้อวิ๋นไม่ออก เหมือนว่าอี้อวิ๋นจะได้วัตถุเทพจากทะเลทรายกลบอาทิตย์จึงทำให้พลังพุ่งทะยาน แต่เจี้ยนอู๋เฟิงกับเจี้ยนปู๋อี้ต่างก็รู้ว่าการที่อี้อวิ๋นได้วัตถุเทพและสกัดสำเร็จก็แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของอี้อวิ๋น
ไม่ใช่แค่ชัยชนะที่มีต่อรองประมุขวังวิถีเจ็ดดารา ลำพังแค่หลอมวิญญาณหยางเข้าร่างด้วยระดับรวมวิถีก็ทำให้รู้สึกคาดไม่ถึงแล้ว
“เจ้า มานี่” อี้อวิ๋นคว้าคนจากวังวิถีเจ็ดดาราที่บาดเจ็บหนักคนหนึ่งมาไว้ด้านหน้า
คนผู้นี้เจ็บจนวิญญาณแทบออกจากร่าง แม้เขาจะกลัวจนตัวสั่นเมื่อเห็นอี้อวิ๋นแต่ก็มีแววตาเหี้ยมโหด เขาพูดด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า “อี้อวิ๋น เจ้ากล้าลงมือกับพวกข้า เจ้ากับสำนักกระบี่สระใสไม่มีทางรอดพ้นจากการแก้แค้นของวังวิถีเจ็ดดาราแน่นอน!”
“แก้แค้น?” อี้อวิ๋นยิ้มบางๆ “เช่นนั้นก็ไม่ต้องรอแล้ว ข้าจะเป็นฝ่ายบุกไปหาเองตั้งแต่ตอนนี้ นำทาง ไปวังวิถีเจ็ดดารา”
แม้อี้อวิ๋นจะสังหารทูตอวี้เหิงตั้งแต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะบีบยันต์ส่งเสียงสำเร็จ แต่ต่อให้ทูตอวี้เหิงส่งข่าวสำเร็จจริงๆ อี้อวิ๋นก็ไม่ใส่ใจนัก ในเมื่อเขาลงมือแล้วก็จะจัดการเรื่องนี้ให้หมดจด
“อี้อวิ๋นเขา…จะบุกไปสังหารวังวิถีเจ็ดดารา?”
คำพูดของอี้อวิ๋นทำให้พวกเจี้ยนอู๋เฟิงต้องตะลึงงันอีกครั้ง
วิธีที่เขาสังหารคนจากวังวิถีเจ็ดดาราเหล่านี้น่าตื่นตกใจก็จริง แต่คนเหล่านี้ไม่ใช่พลังทั้งหมดของวังวิถีเจ็ดดารา
วังวิถีเจ็ดดาราเป็นสำนักชั้นหนึ่งของแดนสวรรค์กลาง มีค่ายกลป้องกันสำนัก ยอดฝีมือและมรดกย่อมไม่น้อยแน่นอน
แต่พวกเขาห้ามอี้อวิ๋นไม่ทันแล้ว อี้อวิ๋นพาคนจากวังวิถีเจ็ดดาราผู้นั้นพุ่งเป็นลำแสงออกไปไกล
“พวกเราตามเขาไป” เจี้ยนอู๋เฟิงพูด เจี้ยนเสี่ยวซวงที่อยู่ด้านหลังรู้สึกเหมือนกำลังฝัน
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนสำนักกระบี่สระใสของพวกเขาถูกปิดล้อมอย่างไร้ทางออก ทว่าเพียงชั่วพริบตา อี้อวิ๋นก็กลับพลิกสถานการณ์ขึ้นมาบุกไปสังหารวังวิถีเจ็ดดารา
วังวิถีเจ็ดดาราตั้งอยู่บนภูเขาเซียนลูกหนึ่งของแดนสวรรค์กลาง เมฆหมอกปกคลุมภูเขา เมื่อมองจากบนท้องฟ้าก็จะเห็นว่าตำหนักวังวิถีเจ็ดดาราเรียงตัวเหมือนกลุ่มดาวทั้งเจ็ด ดูกว้างใหญ่ทรงพลัง
คนธรรมดากับจอมยุทธ์ธรรมดาจะเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าวังเซียนเจ็ดดารา มีชื่อเสียงโด่งดังและไม่มีใครกล้าบุกรุก
ทว่าวันนี้กลับมีเงาร่างคนสายหนึ่งพุ่งลงจากฟ้าด้วยจิตสังหารมายังลานกว้างหน้าวังวิถีเจ็ดดารา
“ผู้ใดกัน?!”
บรรดาศิษย์ที่เฝ้าทางเข้าสำนักรีบพุ่งตัวมาดู พวกเขาแต่ละคนมีพลังโหมซัดสาด อยากเห็นว่าใครกันที่ตาบอดกล้าปรากฏตรงหน้าสำนักพวกเขาอย่างไร้กฎระเบียบ
ตุบ!
เงาร่างที่หายใจรวยรินร่างหนึ่งล้มลงตรงหน้าพวกเขา ศิษย์เหล่านี้มองแล้วก็ตกตะลึง
คนผู้นี้มีสภาพอนาถจนทนดูไม่ได้ ทั้งร่างไหม้ดำไปหมด แต่จากเครื่องแต่งกายบนร่างแล้วก็พอมองออกว่าเป็นคนจากวังวิถีเจ็ดดารา
“ผะ…ผู้อาวุโสฉู่?!” ศิษย์คนหนึ่งพอจำคนผู้นี้ได้รางๆ
เขาคือผู้อาวุโสท่านหนึ่งของพวกเขา!
“ท่านผู้อาวุโสฉู่ เกิดอะไรขึ้นขอรับ ท่านไปจัดการสำนักกระบี่สระใสไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้…” ศิษย์คนนั้นถามอย่างยากที่จะเชื่อ
ดวงตาผู้อาวุโสฉู่มองไปยังลานเบื้องหน้าแล้วก็เห็นเงาร่างของอี้อวิ๋น “เร็ว…พวกข้า…ถูกเขาฆ่าตายหมดแล้ว…”
ศิษย์เหล่านี้ตื่นตกใจ ตอนนี้พวกเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผู้อาวุโสฉู่ถูกคนผู้นั้นโยนมาตรงหน้าพวกเขา
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองอี้อวิ๋นอย่างตกใจ คนผู้นี้ฆ่าพวกผู้อาวุโสฉู่ทั้งหมด?
ตอนนี้อี้อวิ๋นพูดขึ้นว่า “วันนี้ข้ามาเพื่อทำลายวังวิถีเจ็ดดารา ผู้ใดที่ขวางทางจะถูกฆ่าไม่เว้น”
“หากพวกเจ้าอยากมีชีวิตก็จงหลีกไป ลงไปจากภูเขาก็ได้”
อี้อวิ๋นมองไปยังตำหนักเบื้องหน้า วันนี้ตำหนักบนภูเขาเซียนลูกนี้คงต้องนองเลือดแล้ว
วังวิถีเจ็ดดารามีศิษย์หลายหมื่นคน อี้อวิ๋นไม่ได้จะฆ่าทั้งหมด แต่เขาจะทำให้ชื่อของวังวิถีเจ็ดดาราหายไปจากแดนสวรรค์กลางนับแต่บัดนี้
“ทำลายวังวิถีเจ็ดดาราของข้า? ปากดีไม่เบา!” ศิษย์สองคนที่เฝ้าประตูจะข่มขู่อี้อวิ๋น อย่างไรด้านหลังพวกเขาก็มีวังวิถีเจ็ดดาราอยู่
ทว่าในตอนนี้เองที่พวกเขารู้สึกถึงลมที่แล่นผ่านข้างกาย คนผู้นั้นพุ่งผ่านพวกเขาไปแล้ว
ฉัวะๆๆ!
บนร่างศิษย์ทั้งสองพากันมีรอยกระบี่ปรากฏ พวกเขากระอักเลือดแล้วสิ้นใจลง!
ศิษย์คนอื่นๆ สองสามคนตกใจจนขาอ่อน มือเท้าเย็นไปหมด พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายลงมืออย่างไร รู้ตัวอีกทีก็เห็นสองคนนั้นถูกฆ่าแล้ว!
คราวนี้พวกเขาไม่กล้าขัดขวางอี้อวิ๋นอีก แต่ละคนพากันหนีลงภูเขาอย่างหวาดผวา
อี้อวิ๋นมาถึงตรงหน้าทางเข้า คลื่นพลังจากค่ายกลขวางเขาไว้อยู่ กระบี่หักในมือตวัดลง
ฉัวะ!
ครืนครืนครืน!
ทั้งทางเข้าสั่นสะเทือน ทุกคนในวังวิถีเจ็ดดาราตื่นตกใจ
“บังอาจ! ผู้ใดกล้าทำลายทางเข้า!”
ยอดฝีมือสองสามคนของวังวิถีเจ็ดดาราพุ่งตัวออกมาพร้อมร้องคำราม ทว่าพวกเขากลับทำได้แค่เห็นหน้าอี้อวิ๋น
ลำแสงกระบี่แล่นผ่าน โลหิตกระเซ็นทั่วฟ้า!
อี้อวิ๋นถือกระบี่เดินเข้าสู่สำนักทีละก้าว ชายเสื้อเขาไม่เปื้อนโลหิตแม้แต่นิดเดียว
“รีบหยุดเขาเอาไว้!”
“คนผู้นี้เป็นใครกัน?”
บรรดาศิษย์วังวิถีเจ็ดดาราที่กล้าเข้ามาสกัดอี้อวิ๋นถูกลำแสงกระบี่ของเขาฆ่าตายหมด ไม่อาจแม้แต่จะเข้าใกล้ตัวอี้อวิ๋น
ไม่นานก็ไม่มีศิษย์คนใดกล้าเข้าใจอี้อวิ๋นอีก เด็กหนุ่มที่ก้าวเดินช้าๆ และมีคุณสมบัติลึกลับผู้นี้เป็นดังราชามารที่เข่นฆ่าคนในสายตาพวกเขา
เทพขวางสังหารเทพ พระขวางสังหารพระ
อี้อวิ๋นเดินผ่านตำหนักหลังหนึ่ง เขายกมือขึ้น เปลวไฟสีเทาของเชื้อเพลิงเทพมารปกคลุมตำหนักหลังนี้และเผาไหม้อยู่เงียบๆ
ตำหนักเซียนเมื่อครั้งอดีตกลายเป็นขี้เถ้าอย่างรวดเร็วภายใต้การเผาของเพลิงเทพมาร ควันสีเทาสายยาวลอยขึ้นฟ้า
ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธ์และคนธรรมดาที่อยู่ล่างภูเขาหรือแม้กระทั่งไกลออกไปพันลี้มากเท่าไรที่เห็นภาพนี้
พวกเขาต่างตื่นตกใจ ไม่รู้ว่าวันนี้วังวิถีเจ็ดดาราที่ตั้งตระหง่านมานานไปเจอศัตรูที่น่ากลัวอะไรเข้า?
“สหายผู้นี้ อย่ารีบร้อนที่จะสังหารทั้งหมด”
ในตอนที่อี้อวิ๋นเดินไปถึงหน้าตำหนักหลังสุดท้าย ชายชราผู้หนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าอย่างฉับพลันพร้อมพูดเรียบๆ
ฝีเท้าอี้อวิ๋นหยุดลง นับตั้งแต่ที่เข้าวังวิถีเจ็ดดารามาก็มีชายชราผู้นี้เป็นคนแรกที่ทำให้เขาหยุดฝีเท้า
ชายชราผู้นี้เหมือนยืนอยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว แต่อี้อวิ๋นเพิ่งเห็นหลังจากที่อีกฝ่ายพูดขึ้น กลิ่นอายบนร่างก็ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา เรื่องนี้ทำให้อี้อวิ๋นรู้สึกถึงภัยคุกคาม
คนๆ นี้…
“เจ้าคือประมุขวังวิถีเจ็ดดารา?” อี้อวิ๋นถาม
เมื่อครู่นี้เขาบุกสังหารมาตลอดทาง ทว่าประมุขวังกลับไม่ปรากฏตัว เป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ
“ประมุขวัง? หากเจ้าบอกว่าใช่ก็คงใช่กระมัง แต่สำหรับข้าแล้วข้าเป็นเพียงชายชราที่ดูทะเลเมฆให้เวลาผ่านไปวันๆ ก็เท่านั้น” ชายชราพูด
“สหาย วังวิถีถูกเจ้าเผาหมดแล้ว รองประมุขที่ไปทะเลทรายกลบอาทิตย์ก่อนหน้านี้ก็ไม่กลับมาหรือส่งข่าวคราว พวกเขาคงถูกเจ้าฆ่าตายแล้วสินะ ตอนนี้ศิษย์ของวังวิถีเจ็ดดาราพากันหนีลงเขา วังวิถีเจ็ดดาราก็ถือว่าถูกทำลาย เจ้าเองก็ควรถอยได้แล้ว”
อี้อวิ๋นมองชายชราผู้นี้ด้วยแววตานิ่งเรียบ เขาถามอีกฝ่ายอย่างสงสัยว่า “เจ้าคือประมุขวังจริงๆ? เหมือนว่าเจ้าจะไม่สนใจการอยู่รอดของวังวิถีเจ็ดดาราเท่าไรนะ?”
…………………………………………………………………………………….