อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1591
ตอนที่ 1591 รองหัวหน้าตระกูลหลัวผู้ตื่นเต้น
“อะ-เอ่อ…” หวู่เฉินแทบปล่อยโฮออกมา
เมื่อครู่นี้เองที่เขายังคิดว่าตัวเขาคงต้องแห้งเหี่ยวตายเหมือนดอกไม้ร่วงเสียก่อนกว่าที่ชายหนุ่มจะทำความเข้าใจแก่นสารแห่งมิติได้ แต่ยังไม่ทันรู้ตัว อีกฝ่ายก็ทำให้ผืนทรายแห่งมิติเกิดการแข็งทื่อได้แล้ว
ชายหนุ่มจะต้องรวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ?
ในตอนนั้น หวู่เฉินรู้สึกเจ็บแปลบที่ใบหน้า หากมีหลุมมีรูอยู่ที่พื้น เขาคงจะมุดเข้าไปด้วยความอับอายแสนสาหัสแล้ว
เขาคือผู้เชี่ยวชาญนะ! ผู้เชี่ยวชาญ! ผู้เชี่ยวชาญ!
แต่เพียงไม่ถึงครึ่งวันหลังจากที่ได้รู้จักปรมาจารย์จาง เขาก็ถูกตบหน้าไปแล้วถึง 3 ครั้ง และแต่ละครั้งก็ทำให้ต้องงงงันด้วยความไม่อยากเชื่อ
เขาคิดว่าในเมื่อชายหนุ่มมีความเชี่ยวชาญในด้านหนึ่งแล้ว ด้านอื่นๆก็คงจะไม่เก่งกาจเท่าไรนัก แต่ความจริงก็ได้แสดงให้เขาเห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าชายคนนี้มีความแข็งแกร่งในทุกด้าน!
ราวกับความอ่อนแอไม่อาจกล้ำกรายตัวเขาได้เลย
ทุกครั้งที่หวู่เฉินเกิดความไม่มั่นใจในตัวชายหนุ่ม สถานการณ์ก็จะพลิกผันกลับมาเล่นงานเขา และทำให้เขาอับอายขายหน้าจนไม่อยากจะมองหน้าใคร
ว่าแต่…ชายหนุ่มทำได้อย่างไร?
เขาเข้าถึงแก่นสารแห่งมิติได้เพียงแค่อ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎเกณฑ์แห่งมิติขั้นพื้นฐานหรือ?
หรือว่ากุญแจที่นำไปสู่ศาสตร์แห่งมิตินั้น แท้ที่จริงแล้วอยู่ในพื้นฐานของมัน ดังนั้น ความลับทุกอย่างจึงอยู่ในหนังสือขั้นพื้นฐาน?
ดูเหมือนต่อไปเขาจะต้องศึกษามันให้ถี่ถ้วนกว่านี้ บางทีอาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างและพัฒนาตัวเองได้!
จางเซวียนไม่รับรู้ถึงความคิดในใจของเด็กชาย เขาโยนหนังสือในมือกลับเข้ากองของมันก่อนจะประกาศด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ผมจัดการกับผืนทรายแห่งมิติแล้ว ตอนนี้เราออกเดินทางได้”
“อือ” หลัวลั่วชิงพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง
หวู่เฉินเก็บหนังสือที่จางเซวียนทิ้งไว้และจ้องมองมันอย่างใช้ความคิด ที่ผ่านมา เขาไม่เคยแม้แต่จะเหลือบแลหนังสือในระดับขั้นนี้ แต่ในตอนนั้น เขากอดมันไว้แน่นอย่างหวงแหน เกรงว่าจะพลาดความลับสุดยอดบางอย่างที่อาจช่วยยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาได้
…..
ที่ตระกูลหลัว
ศิษย์สายตรง 2 คนกำลังเดินไปยังหอบรรพบุรุษ สถานที่ที่ป้ายชื่อของผู้ก่อตั้งหลัวหยุนเทียนและเหล่าบรรพบุรุษอีกมากมายนับไม่ถ้วนถูกเก็บรักษาไว้
ทั้งสองคนมีหน้าที่ทำความสะอาดหอบรรพบุรุษ เตรียมก้านธูป และจัดแจงเรื่องพิธีการทั่วไปในการบูชาบรรพบุรุษ
“วันนี้พวกเราทำให้ตัวเองอับอายขายหน้ามาก! คงยากแล้วล่ะที่ตระกูลหลัวจะกลับมารุ่งเรืองอย่างแต่ก่อน…” ศิษย์สายตรงในเสื้อคลุมสีเขียวซึ่งเดินอยู่ทางซ้ายบ่นพึมพำพร้อมกับส่ายหน้า
“นับตั้งแต่ก่อตั้งตระกูลมา ตระกูลหลัวของเราไม่เคยต้องเผชิญกับการถูกเหยียดหยามแบบนี้เลย” ศิษย์สายตรงในเสื้อคลุมสีเทาซึ่งเดินอยู่ทางขวาตอบรับ
“ที่น่าหงุดหงิดกว่านั้นก็คือหัวหน้าตระกูลของเราไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เลย ทั้งที่ถูกปฏิเสธต่อหน้าผู้คนมากมาย!” ศิษย์สายตรงเสื้อคลุมสีเขียวถอนหายใจอย่างหงุดหงิด “ในเมื่อเธอไม่เต็มใจจะต่อสู้แล้วพวกเราที่เหลือจะทำอะไรได้?”
ศิษย์สายตรงเสื้อคลุมสีเทาคำราม “เธอยังไม่ได้เป็นหัวหน้าตระกูลของพวกเราเสียด้วยซ้ำ! พิธีสถาปนายังไม่ได้ถูกจัดขึ้นนะ ลืมไปแล้วหรือไง?”
“มันถูกเลื่อนไปก็เพราะงานหมั้นเท่านั้นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะงานหมั้น ด้วยสายเลือดของเธอและความสามารถในการควบคุมเครื่องเก็บงำมิติ เธอคงขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลไปนานแล้ว” ศิษย์สายตรงในเสื้อคลุมสีเขียวพูด
“แต่หลังจากได้เห็นว่าเธอรับมือกับการถูกเหยียดหยามอย่างไร ผมก็ไม่อยากคิดเลยว่าภายใต้การนำของเธอ ตระกูลหลัวของเราจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน…” ศิษย์สายตรงเสื้อคลุมสีเทาถอนหายใจ
“ต่อให้ตระกูลหลัวของเราจะเสื่อมถอยลงภายใต้การนำของเธอ เราก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” ศิษย์สายตรงเสื้อคลุมสีเขียวถอนหายใจ “ทำอย่างกับคุณไม่รู้กฎเกณฑ์ของตระกูลของเราอย่างนั้นแหละ มีแต่ผู้ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ถึงขั้นเท่านั้นที่จะเป็นหัวหน้าตระกูลได้ แล้วก็ไม่มีใครอื่นนอกจากเธอที่บรรลุเงื่อนไขนี้”
“เว้นเสียแต่ว่าจะมีใครสักคนที่สามารถทำความเข้าใจแก่นสารแห่งมิติของบรรพบุรุษของเราปรากฏตัวขึ้น…แต่ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีใครสักคนที่ทำได้ ดังนั้น อีกไม่นานเธอก็คงขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลแน่ เราจะฝ่าฝืนคำสอนของเหล่าบรรพบุรุษเพียงเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ครั้งเดียวไม่ได้หรอก!”
“ผมก็รู้อยู่ แต่มันอดไม่ได้…เกิดอะไรขึ้นน่ะ!”
หลังจากพูดไปได้เพียงครึ่งประโยค ศิษย์สายตรงเสื้อคลุมสีเทาก็พลันรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงใต้ฝ่าเท้าของเขา
“มาจากหอบรรพบุรุษ เร็วเข้า รีบไปดูกัน!”
เมื่อรู้สึกได้ว่าแรงสั่นสะเทือนนั้นมีต้นกำเนิดจากหอบรรพบุรุษที่อยู่ตรงหน้า ศิษย์สายตรงในเสื้อคลุมสีเขียวถึงกับหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึงขณะรีบพุ่งไป มีอีกคนตามไปติดๆ
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้อง ก็ถึงกับจังงังกับสิ่งที่ได้เห็น
รูปปั้นของผู้ก่อตั้งตระกูลหลัว, หลัวหยุนเทียน หันหน้ามาทางประตูบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ และกำลังมองไปไกลแสนไกลพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เขาประสานมือและแสดงกิริยาทักทายเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างเป็นทางการ
ในเวลาเดียวกัน ป้ายชื่อของบรรพบุรุษอีกมากมายที่อยู่ด้านหลังก็ดูจะโค้งคำนับด้วยความยำเกรง ราวกับยืนอยู่ตรงหน้าผู้ที่เหนือกว่า ไม่กล้าเงยหน้ามอง
ส่วนตัวอักษร 2 ตัวที่ผู้ก่อตั้งหลัวหยุนเทียนทิ้งไว้ คือคำว่า ‘ความเงียบ’ และ ‘มิติ’ ก็สั่นสะท้านไม่หยุด ราวกับพร้อมจะหลุดออกจากผนังได้ทุกขณะ
แรงสั่นสะเทือนที่ทั้งคู่รู้สึกได้จากด้านนอกก็มีต้นกำเนิดมาจากตัวอักษร 2 ตัวนี้
“หรือว่า…ผู้ก่อตั้งของเราจะฟื้นคืนชีพ?” ศิษย์สายตรงในเสื้อคลุมสีเขียวพึมพำอย่างตกตะลึง
“ผู้ก่อตั้งหลัวหยุนเทียนเสียชีวิตไปนานนับปีไม่ถ้วนแล้วนะ เขาจะฟื้นคืนชีพได้อย่างไร?” ศิษย์สายตรงในเสื้อคลุมสีเทารับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ได้สุขุมเยือกเย็นกว่า แต่ก็ไม่อาจทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ “ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่ที่แน่ๆก็คือเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว เราต้องไปรายงานรองหัวหน้าตระกูล ผู้อาวุโสที่ 1 และคนอื่นๆ พวกเขาคงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ได้สิ!”
ศิษย์สายตรงในเสื้อคลุมสีเขียวไม่ยอมเสียเวลา เขานำตราหยกสื่อสารออกมาและรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในหอบรรพบุรุษต่อเหล่าผู้อาวุโส ไม่ช้า ลมหอบใหญ่ก็พัดมาจากด้านบน ทั้งรองหัวหน้าตระกูล, ผู้อาวุโสที่ 1 หลัวชิงเฉิน, หลัวชวนฉิง และคนอื่นๆมุ่งหน้ามาทางพวกเขาด้วยสีหน้ากังวลและร้อนรน
หลังจากตระกูลจางทิ้งความวุ่นวายเอาไว้ เหล่าสมาชิกของตระกูลหลัวต่างก็ง่วนอยู่ในห้องโถงใหญ่ พยายามจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพิ่งเมื่อครู่นี้เองที่พวกเขาจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย แต่ยังไม่ทันจะได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านพัก ก็ได้ข่าวว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่หอบรรพบุรุษ
หอบรรพบุรุษมีความสำคัญมากต่อตระกูลหลัว พวกเขาจึงรีบมาที่นี่โดยไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ยังไม่ทันที่ทั้งกลุ่มจะร่อนลงถึงพื้น รองหัวหน้าตระกูลหลัว, หลัวกั้นเจินก็ตะโกนถามศิษย์สายตรงทั้ง 2 คนที่อยู่ด้านล่าง
“เอ่อ…” เพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ศิษย์สายตรงในเสื้อคลุมสีเทาประสานมือและตอบว่า “รองหัวหน้า ผมคิดว่าคุณมาดูเองจะดีกว่า!”
ทันทีที่ร่อนลงถึงพื้น หลัวกั้นเจินรีบเดินเข้าไปในหอบรรพบุรุษ เมื่อเห็นภาพด้านในก็ถึงกับจังงังไปครู่หนึ่งก่อนจะมือไม้สั่นด้วยความตื่นเต้น สองแก้มของเขาแดงก่ำขณะพูดตะกุกตะกักออกมา “นี่…นี่มัน…”
“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้น?” เห็นทีท่าของหลัวกั้นเจิน หลัวชวนฉิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ผู้อาวุโสคนอื่นๆก็ชะงักไปกับปฏิกิริยาของรองหัวหน้าตระกูล
รองหัวหน้าตระกูลของพวกเขาเป็นคนสุขุมเยือกเย็นเสมอมา แม้แต่ระหว่างการปะทะกับตระกูลจางเมื่อครู่นี้ เขาก็ยังระงับอารมณ์ไว้ได้ แล้วเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เขาแสดงกิริยาแบบนี้ออกมา?
“ฮ่าฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! สวรรค์เมตตาตระกูลหลัวของเราแล้ว! ตระกูลหลัวของเราจะก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง!” หลัวกั้นเจินหัวเราะลั่นก่อนจะหันมามองคนอื่นๆด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย “พวกคุณอยากรู้ใช่ไหมว่าปรากฏการณ์นี้หมายความว่าอย่างไร? นี่คือการยอมจำนนของเหล่าบรรพบุรุษ แสดงว่ามีใครคนหนึ่งสามารถทำความเข้าใจแก่นสารของมิติในการสกัดกั้นมิติได้แล้ว!”
“ใครคนหนึ่งทำความเข้าใจแก่นสารของมิติในการสกัดกั้นมิติได้แล้ว? หรือว่า…” หลัวชิงเฉินตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ
“ใช่แล้ว! แก่นสารของมิติในการสกัดกั้นมิติถือเป็นเทคนิควรยุทธหลักของตระกูลหลัวของเรา หากใครสักคนทำความเข้าใจมันได้สำเร็จ ก็จะสามารถสำแดงศาสตร์ลับทั้งหมดของตระกูลหลัวได้! ตลอดระยะเวลาหลายหมื่นปีนับตั้งแต่ก่อตั้งตระกูลหลัวมา มีเพียงผู้ก่อตั้งหลัวหยุนเทียนคนเดียวเท่านั้นที่สำเร็จวิชานี้ ข้อเท็จจริงที่ว่ามีใครอีกคนหนึ่งทำได้ ก็หมายความว่าตระกูลหลัวของเราจะก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง!” หลัวกั้นเจินอุทานด้วยความตื่นเต้น
เขารีบสั่งการกับฝูงชนที่ยืนอยู่โดยรอบ “เร็วเข้า รีบไปสำรวจและตามหาว่าผู้อาวุโสหรือทายาทคนไหนที่สำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารแห่งมิติ หลังจากพบตัวเขาแล้ว เราจะจัดพิธีสถาปนาและแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไป!”