อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1594
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1594 ท้าทายตัวอักษรสองตัว
“ให้ผมจัดการเองดีกว่า!” จางเซวียนตอบ
เขามัวแต่จับสังเกตหวู่เฉินจนลืมเรื่องนี้ แล้วจะปล่อยให้คนรักออกไปต่อสู้ขณะที่ตัวเองนั่งดูเฉยๆได้อย่างไร?
“ใครออกไปก่อนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก” รูปปั้นเด็กชายวัยรุ่นตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะโบกมือ
ตัวอักษร ‘จื่อ’ แปรสภาพเป็นนักรบทองคำและก้าวออกมา
“สำคัญสิ คุณมีตัวอักษรสามตัวที่พวกเราสามคนจะต้องรับมือด้วย…แต่ถ้าผมเอาชนะตัวอักษรอีกสองตัวที่เหลือได้ นั่นก็หมายความว่าเธอก็ไม่ต้องต่อสู้ ไม่ใช่หรือ?” จางเซวียนตั้งคำถามอย่างสุขุม
“คุณคิดจะรับมือกับตัวอักษรทั้งสองตัวด้วยตัวเอง?” รูปปั้นเด็กชายถึงกับชะงัก “คุณแน่ใจนะ?”
“แน่นอน!” จางเซวียนตอบพร้อมกับพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เขาจับตาดูการต่อสู้ระหว่างหวู่เฉินกับนักรบทองคำตัวแรกแล้ว ซึ่งประสิทธิภาพการต่อสู้ของฝ่ายหลังก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ ห่างไกลเกินกว่าจะอยู่ในระดับขั้นที่เขาต้องกังวล การที่เขาจะได้ชัยชนะคงไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
และในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนหลัวลั่วชิง
ได้ยินคำพูดของจางเซวียน หลัวลั่วชิงขมวดคิ้ว “จางเซวียน นักรบทองคำแห่งลายมือบ่มเพาะจิตวิญญาณน่ะ แต่ละตัวจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆนะ…”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ตัวอักษรสองตัว ผมจัดการได้” จางเซวียนตอบ
“…ถ้าอย่างนั้นก็ดี ระวังตัวด้วยล่ะ” เห็นจางเซวียนมั่นอกมั่นใจ หลัวลั่วชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่และพยักหน้า
“เริ่มกันเถอะ!”
จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะเดินเข้าหานักรบทองคำทั้งสองตัว เขาเงื้อมือขึ้น แล้วรังสีอันไร้เทียมทานก็พุ่งขึ้นสู่เมฆ เกิดเป็นภาพอันงดงาม
นึกแล้วเชียวว่าเขาต้องมีอะไรดีๆอยู่กับตัว…หวู่เฉินคิด
ที่ผ่านมา เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมคนที่เก่งกาจอย่างหลัวลั่วชิงถึงมีใจให้ชายหนุ่มธรรมดาสามัญคนนี้ แต่หลังจากได้เห็นชายหนุ่มแสดงความกล้าหาญและเข้าท้าทายตัวอักษรทั้งสองตัวพร้อมๆกันเพื่อหญิงที่เขารัก หวู่เฉินก็รู้สึกว่าเขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของหลัวลั่วชิงได้ดีขึ้น
ถึงหมอนี่ออกจะขี้อวดและชอบโชว์เหนือ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไว้วางใจได้ในช่วงเวลาคับขัน
ฟึ่บ!
ในเวลาเดียวกัน นักรบทองคำทั้ง 2 ตัวก็ยกระดับขึ้นเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่จางเซวียนพร้อมๆกันโดยไม่ลังเล กระบวนท่าที่นักรบทั้งสองสำแดงออกมานั้นแตกต่างกัน แต่ช่วงเวลาและการร่วมมือกันของทั้งคู่ถือว่าไร้ที่ติ ราวกับทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งเดียว การโจมตีของพวกมันพุ่งตรงเข้าใส่ทั้งข้อบกพร่องและจุดอ่อนของจางเซวียน ทำให้ยากที่เขาจะหลบเลี่ยง
“ไม่เลวนี่!”
ด้วยการร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบของนักรบทองคำทั้งคู่ ประสิทธิภาพการต่อสู้ที่มันสำแดงออกมาจึงน่าสะพรึงกว่านักรบทองคำที่มาจากตัวอักษร ‘หรัน’ แต่ถึงอย่างนั้น จางเซวียนก็ไม่แสดงอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขายิ้มและเคาะนิ้วไปข้างหน้า
“สกัดกั้น!”
ฟึ่บ!
สายลมอ่อนๆที่โชยมาหายวับไปทันทีอย่างไร้ร่องรอย พื้นที่โดยรอบถูกสกัดกั้นเอาไว้หมด ราวกับปลาที่ถูกแช่แข็ง นักรบทองคำทั้งสองพบว่าตัวเองไม่อาจก้าวออกมาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว
หากมีอะไรร่วงลงมาในตอนนั้น ก็คงจะแข็งทื่อกลางอากาศเช่นกัน
หลังจากสำเร็จแก่นสารเรื่องมิติและการสกัดกั้นมิติแล้ว ถึงจางเซวียนจะยังต้องประสบกับความยากลำบากในการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่หากจะเอาชนะนักรบที่มีวรยุทธขั้นเดียวกับเขา ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
กล่าวได้ว่า ด้วยความสามารถข้อนี้ จะไม่มีนักรบที่มีวรยุทธขั้นเดียวกันกับเขาคนไหนสามารถเอาชนะเขาได้ เขาถือเป็นผู้ไร้เทียมทานในระดับขั้นของตัวเอง
แต่ก็แน่นอนว่า เว้นเสียแต่อีกฝ่ายจะสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิติหรืออะไรบางอย่างที่มีความล้ำลึกทัดเทียมกัน อย่างเช่นเคล็ดวิชาแก่นสารของกาลเวลาของตระกูลจาง
“สลายตัว!”
หลังจากสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของนักรบทองคำทั้งสองให้อยู่กับที่แล้ว จางเซวียนก็ยกนิ้วขึ้นอีกครั้งโดยตั้งใจจะจัดการสลายทั้งคู่ ก็พอดีกับที่รูปปั้นเด็กชายวัยรุ่นอุทานขึ้นมา “แก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติของนักปราชญ์โบราณชิวอู๋? คุณคือผู้สืบทอดของชิวอู๋จื่อใช่ไหม? ได้โปรดปรานีนักรบทองคำด้วย!”
นึกไม่ถึงว่ารูปปั้นเด็กชายจะมองทะลุต้นตอของเทคนิควรยุทธของเขา จางเซวียนหันไปมองด้วยความสงสัย
ฟึ่บ!
ขณะที่สภาพจิตของเขาวอกแวกไปเล็กน้อย มิติที่สกัดกั้นนักรบทองคำทั้งสองก็สลายตัวไป สายลมอ่อนพัดโชยมาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน การโจมตีของนักรบทั้งคู่ที่เคยแข็งทื่อก็กลับพุ่งเข้าใส่เขา
“ฮึ่มมม!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากทั้ง 2 ทาง จางเซวียนคำราม เขายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่แล้วการโจมตีของนักรบทั้งสองก็บิดเบี้ยวเป็นมุมประหลาด ทำให้พลาดเป้าหมายจากตัวเขาไป
“นี่มัน…การขัดขวางมิติ?” หวู่เฉินตาโตด้วยความตกตะลึง
มันคือกระบวนท่าเดียวกันกับที่เขาใช้รับมือกับโดมพิชิตปีศาจของเหล่าผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลัว – การขัดขวางมิติ!
พูดให้ง่ายขึ้นก็คือ จางเซวียนได้ทำให้มิติที่อยู่รอบตัวเขาบิดเบี้ยว การโจมตีที่ควรจะพุ่งตรงเข้าใส่เขาจึงถูกเบี่ยงเบนออกไป
ในฐานะนักรบขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ หวู่เฉินสำแดงกระบวนท่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับนักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด การจะสำแดงกระบวนท่านี้ออกมาเรียกได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย!
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขากลับทำได้อย่างง่ายดาย แถมอยู่ในระดับขั้นที่ล้ำลึกกว่าเขาด้วย…
ตลอดชีวิตอันยาวนานของหวู่เฉิน เขาได้เห็นผู้เชี่ยวชาญมากมายสำแดงกระบวนท่าการขัดขวางมิติ และได้อ่านหนังสือนับไม่ถ้วนที่อธิบายรายละเอียดว่ากระบวนท่านี้ควรจะถูกสำแดงอย่างไรและผลที่ออกมาน่าจะเป็นอย่างไร แต่หากเปรียบเทียบกับการขัดขวางมิติที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาสำแดงออกมา ทุกอย่างที่เขาเคยรับรู้ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กทารกที่เดินเตาะแตะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่กำลังออกวิ่ง!
ไม่มีความใกล้เคียงกันแม้แต่น้อย
สามารถสำแดงพละกำลังระดับนี้ออกมาได้ภายใน 10 นาทีหลังจากสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารแห่งมิติ เหนือชั้นกว่าแม้แต่เหล่านักรบที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อศึกษาศาสตร์นี้…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ดูเหมือนรูปปั้นเด็กชายวัยรุ่นจะมีความสงสัยแบบเดียวกันกับหวู่เฉิน เกิดรอยย่นบนหน้าผากของมัน จากนั้นมันก็ตั้งคำถามด้วยความสงสัย “แก่นสารเรื่องมิติของชิวอู๋จื่อนั้นไร้เทียมทานมาก แต่แม้ตัวเขาก็ยังไม่อาจสำแดงการขัดขวางมิติได้ลื่นไหลอย่างที่คุณทำ!”
นักปราชญ์โบราณชิวอู๋มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในบรมครูด้านศาสตร์แห่งมิติซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่คน แต่ถึงอย่างนั้น ความเชี่ยวชาญของเขาก็ยังไม่ถึงขั้นนี้
“อ๋อ ผมค้นพบข้อบกพร่องบางอย่างในมรดกตกทอดเรื่องมิติของนักปราชญ์โบราณชิวอู๋ จึงปรับเปลี่ยนมันนิดหน่อย” จางเซวียนตอบ
ศาสตร์แห่งการปลดปล่อยมิตินั้นเรียกได้ว่าเป็นศาสตร์แห่งมิติขั้นสุดยอดของทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่เมื่อตรวจสอบโดยหอสมุดเทียบฟ้า ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก สิ่งที่จางเซวียนฝึกฝนนั้นคือเคล็ดวิชาฉบับสมบูรณ์แบบ เป็นเทคนิคเทียบฟ้า จึงแน่นอนว่าประสิทธิภาพของมันจะต้องอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ศาสตร์แห่งมิติเวอร์ชั่นของนักปราชญ์โบราณชิวอู๋ต้องการให้นักรบรวบรวมพลังงาน ส่งผลให้เกิดความล่าช้า แต่เวอร์ชั่นที่จางเซวียนฝึกฝนโดยผ่านหอสมุดเทียบฟ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
“ปะ-ปรับเปลี่ยน?”
ยังไม่ทันที่รูปปั้นเด็กชายวัยรุ่นจะได้พูดอะไร หวู่เฉินก็แทบสำลักด้วยความไม่อยากเชื่อพร้อมกับเข่าอ่อน
เขาได้เห็นกับตาว่าชายหนุ่มทำความเข้าใจแก่นสารเรื่องมิติผ่านการอ่านหนังสือของเขา และคิดว่าเพียงแค่นั้นก็น่าทึ่งพอแล้วที่อีกฝ่ายสามารถทำความเข้าใจกฏเกณฑ์แห่งมิติได้อย่างรวดเร็ว แต่ใครจะไปคิดว่าภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังเข้าใจในหลักการของศาสตร์แห่งมิติและแก้ไขข้อบกพร่องของมันได้ด้วย…
ยิ่งไปกว่านั้น การปรับเปลี่ยนของเขาก็ถือว่าตรงจุด ทำให้ประสิทธิภาพของศาสตร์แห่งมิติพุ่งสูงขึ้นถึงอีกระดับหนึ่ง
สวรรค์สร้างปีศาจแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ช่างไม่ยุติธรรมและไม่เหมือนมนุษย์มนาเอาเสียเลย!
หรือว่า…หนังสือเกี่ยวกับศาสตร์แห่งมิติขั้นพื้นฐานจะมีความน่าทึ่งจริงๆ ทำให้ใครคนหนึ่งทำได้ถึงขนาดปรับเปลี่ยนเทคนิคชั้นยอดของนักปราชญ์โบราณชิวอู๋ได้ทันทีหลังจากที่อ่านมัน?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เมื่อกลับไป เขาจะต้องศึกษามันอย่างถี่ถ้วน เพื่อที่วันหนึ่งจะได้มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งมิติอย่างจางเซวียนบ้าง!
“คุณแก้ไขมันหรือ?”
รูปปั้นเด็กชายวัยรุ่นแทบไม่เชื่อคำพูดของจางเซวียน แต่ก็ตัดสินใจที่จะชื่นชมความสำเร็จของอีกฝ่ายเพื่อสนับสนุนศิษย์พี่ของมัน จึงไม่ซักถามอะไรอีก มันกลับเข้าสู่หัวข้อเดิมและพูดว่า “ในเมื่อคุณได้รับมรดกตกทอดของชิวอู๋จื่อและผ่านการทดสอบแล้ว คุณก็ยิ่งกว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เข้าสู่หอหรันจื่อ ได้โปรดกรุณาด้วย!”
ขณะที่รูปปั้นเด็กชายวัยรุ่นพูด มันก็โค้งคำนับอย่างงามก่อนจะเดินเข้าสู่หอหรันจื่อเพื่อนำทางไป
แอ๊ดดด!
ประตูที่ปิดตายของหอหรันจื่อค่อยๆเผยออก กลิ่นอายของประวัติศาสตร์โบร่ำโบราณพวยพุ่งออกมาจากด้านใน