อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1642
เจียงฟังโหย่วสติแตก
เท่านี้ก็น่าทึ่งพออยู่แล้วที่คนตรงหน้าเขาสำเร็จความเข้าใจทั้งแก่นสารแห่งมิติและแก่นสารของเวลา แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะสามารถทำความเข้าใจแก่นสารของจิตวิญญาณได้ด้วย!
ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา แทบไม่มีใครเลยใน 3 ตระกูลชั้นนำที่สำเร็จแก่นสารทั้งสามประการ แม้แต่เหล่านักปราชญ์โบราณก็ถือว่าการสำเร็จความเข้าใจในแก่นสารรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของพวกเขา สามารถโอ้อวดกับเหล่านักปราชญ์โบราณรุ่นเดียวกันได้
แต่ด้วยวิธีการอะไรสักอย่าง คนคนเดียวสามารถทำความเข้าใจแก่นสารได้หมดทั้ง 3 รูปแบบ มันเป็นไปได้อย่างไร?
เขาเป็นปีศาจชนิดไหน?
ขณะที่เจียงฟังโหย่วกำลังตกตะลึง หัวขโมยก็พังหน้าต่างขุมสมบัติออกไป พร้อมจะหลบหนี
“คุณคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปหรือ หลังจากที่คุณกอบโกยทรัพย์สมบัติของตระกูลเจียงจนหมดเกลี้ยง? คุณดูผมผิดไปเสียแล้วล่ะ!”
เจียงฟังโหย่วหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ เขากระทืบเท้าอย่างแรงและกระโจนออกทางหน้าต่างไป จากนั้นก็เงื้อมือขวาขึ้นและกวาดไปอย่างกราดเกรี้ยว
ฟึ่บ!
กระแสพลังงานอันทรงพลังระเบิดออกมาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง ก่อเกิดเป็นกำแพงพลังงานที่สกัดกั้นหนทางหลบหนีเอาไว้ทั้งหมด ในเวลาเดียวกัน เจียงฟังโหย่วก็เพิ่มความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณในมือของเขาเพื่อสร้างดาบอันคมกริบขึ้นมา และตวัดเข้าใส่ร่างของหัวโขมยอย่างแรง
ควั่บ!
ด้วยความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณของเจียงฟังโหย่ว ดาบนั้นทะลุผ่านขีดจำกัดของมิติและเวลา พุ่งตรงเข้าใส่ลำคอของหัวโขมย
วิ้ง!
แต่ขณะที่พลังจิตวิญญาณในรูปดาบกำลังจะแตะลำคอของหัวโขมย ลำแสงจางๆก็สะท้อนออกจากร่างของหัวโขมยนั่น ทำลายดาบได้อย่างง่ายดาย ทำให้เขาหลบหนีไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ปราการคลื่นจิตวิญญาณ? คุณเป็น…ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณหรือ?” เจียงฟังโหย่วหัวใจกระตุกอีกครั้งขณะที่เกือบร่วงจากกลางอากาศ
ความตกตะลึงที่เขาได้รับในวันนี้มากเกินกว่าที่เขาเคยเผชิญมาทั้งชีวิตเสียอีก!
ปราการคลื่นจิตวิญญาณเป็นเทคนิคการต่อสู้เฉพาะของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ ด้วยการใช้กระแสพลังจิตวิญญาณห่อหุ้มร่างไว้ ผู้นั้นจะสามารถปัดป้องกันการโจมตีจิตวิญญาณได้เกือบทั้งหมด
มันเป็นเทคนิคที่ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณตัวจริงส่วนใหญ่ใช้กัน แม้แต่เจียงฟังโหย่วเองก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะสำแดงเทคนิคนั้น…
นอกจากสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของเวลา มิติ และจิตวิญญาณแล้ว เจ้าหัวขโมยนั่นยังเป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณด้วยหรือ?
ผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจไร้เทียมทานขนาดนี้ปรากฏตัวบนทวีปแห่งปรมาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แต่เจียงฟังโหย่วก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมัวจังงัง เขารีบสะบัดข้อมือ แล้วธงรูปสามเหลี่ยมก็มาอยู่ในมือของเขาและพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ
ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ธงจิตวิญญาณมืดดำ!
มันเป็นของล้ำค่าที่หลอมโดยนักปราชญ์โบราณคนหนึ่งของตระกูลเจียง เจียงฟังโหย่วได้ธงผืนนี้มาราว 100 ปีแล้ว และเขาก็ใช้พลังจิตวิญญาณบ่มเพาะมันทุกวัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่เคยใช้มันอีกเลยนับตั้งแต่การต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อ 80 ปีก่อน
พูดอีกอย่างก็คือ ธงจิตวิญญาณมืดดำผืนนี้ได้รับการบ่มเพาะจากพลังจิตวิญญาณมา 80 ปีแล้ว
เมื่อเปิดใช้งานธงจิตวิญญาณมืดดำ พลังจิตวิญญาณมหาศาลก็แผ่ซ่านออกมาโดยรอบ ทำให้ใครก็ตามที่อยู่ในอาณาเขตของมันไม่อาจหลบหนีได้
รังสีอันโหดร้ายพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ ราวกับอุณหภูมิโดยรอบบริเวณตระกูลเจียงตกฮวบอย่างกะทันหัน แม้แต่นักรบระดับเซียนที่มีความทนทานต่อความร้อนและความเย็นระดับหนึ่งก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าความเย็นเยือกนั้นซึมซาบเข้าสู่จิตวิญญาณของพวกเขา ทำให้ตัวสั่นไม่หยุด
พลังจิตวิญญาณที่ธงจิตวิญญาณมืดดำแผ่ออกมานั้นมีเจตนาโหดเหี้ยม ผู้ที่มีวรยุทธอ่อนด้อยกว่าก็จะต้องลงเอยด้วยการหมดสภาพหรือพิการไปเพราะการโจมตีอันโหดร้ายของธงผืนนี้ หรือต่อให้ผู้ที่มีวรยุทธสูงกว่าก็ยังเกิดอาการเวียนหัว ทำให้ปฏิกิริยาตอบโต้ของพวกเขามีความเร็วลดลง เกิดเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นงานได้
เมื่อหลายปีก่อน ปรมาจารย์หยางได้ทำการดวลฉันมิตรกับเจียงฟังโหย่ว เขาถูกธงจิตวิญญาณมืดดำผืนนี้เล่นงานและเกือบจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
ด้วยประสิทธิภาพของธง ร่างของหัวโขมยนั่นหยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน ราวกับมดที่ถูกขังไว้ในก้อนน้ำแข็ง ไม่อาจหลบหนีได้แม้ว่าจะพยายามดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม
เมื่อเห็นว่าเขาสกัดกั้นการหลบหนีของหัวขโมยได้แล้ว เจียงฟังโหย่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “คุณอาจเป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณตัวจริง แต่วรยุทธของคุณยังอ่อนด้อยเกินไป เทียบชั้นกับประสิทธิภาพของธงจิตวิญญาณมืดดำไม่ได้หรอก!”
ขณะที่เขากำลังจะเข้าถึงตัวหัวขโมยเพื่อดูหน้าตาของหมอนั่นให้ชัดๆ ก็พลันรู้สึกว่าธงที่อยู่กลางอากาศสั่นสะท้านไม่หยุด เขาต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าดูเหมือนธงจิตวิญญาณมืดดำจะสูญเสียการควบคุม!
พลังจิตวิญญาณที่สั่งสมมาตลอด 80 ปี ดูเหมือนจะกดทับหัวขโมยไว้ แต่ไม่ช้า พลังงานหมุนวนขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้น
“ขะ-เขา…กำลังซึมซับพลังจิตวิญญาณของธงจิตวิญญาณมืดดำหรือ? แย่แล้ว…” เจียงฟังโหย่วหน้าซีดเผือด เขาแทบลมจับ
ธงจิตวิญญาณมืดดำเป็นหนึ่งในของล้ำค่าที่มีอานุภาพแข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเจียง! แต่ไม่เพียงคุณจะไม่จังงังกับการโจมตีของมัน ยังถึงกับซึมซับพลังจิตวิญญาณจากมันด้วย…
คุณมันปีศาจ! เปิดเผยตัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ!
เจียงฟังโหย่วหน้าดำคร่ำเครียด เขาจับผืนธงไว้แล้วชี้ไปที่ร่างของหัวโขมย “แก ไอ้สารเลว! ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้แกทำแบบนั้นหรอก ตายซะ!”
ธงจิตวิญญาณมืดดำไม่ได้มีความสามารถเพียงแค่โจมตีจิตวิญญาณ แต่ยังมีประสิทธิภาพการต่อสู้อันไร้เทียมทานด้วย ภายใต้พละกำลังของมัน แม้แต่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 2-ร่างอันทรงเกียรติ ก็ยังพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
ฟิ้วววว!
ธงจิตวิญญาณมืดดำพุ่งเข้าใส่ร่างของหัวโขมยด้วยความเร็วสูงสุด เจียงฟังโหย่วคิดว่าคราวนี้เขาคงเล่นงานอีกฝ่ายได้เสียที แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อหัวขโมยยกมือขึ้นแตะธงเบาๆ จากนั้น…
ธงจิตวิญญาณมืดดำก็เริ่มหมุนวนอย่างรื่นเริงบันเทิงใจรอบตัวหัวขโมยนั่น เกิดเสียงหวีดหวิวด้วยความดีใจดังออกมาจากร่างของมัน ราวกับแสดงความยินดีที่ได้กลับมาเจอกับท่านพ่อที่ห่างหายกันไปนาน!
พลั่ก!
เจียงฟังโหย่วหน้าซีดเผือด เขากระอักเลือดออกมากองใหญ่ ด้วยความพรั่นพรึง เขารู้สึกเหมือนสายสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับธงจิตวิญญาณมืดดำถูกตัดจนขาดสะบั้น!
“คะ-คุณ…คุณทำให้ธงจิตวิญญาณมืดดำของผมยอมจำนนได้…” เจียงฟังโหย่วแทบปล่อยโฮออกมา
การที่คุณจะขโมยพลังจิตวิญญาณที่อยู่ในธงไปก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถึงกับทำให้มันยอมจำนนได้ในชั่วพริบตา…
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เราอยู่ที่ไหน? เราเป็นใคร?
เจียงฟังโหย่วบอบช้ำเสียจนเริ่มจะสงสัยว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ทำไม
นั่นเป็นของล้ำค่าที่เขาใช้เวลากว่า 100 ปีในการบ่มเพาะมัน แต่มันกลับทรยศเขาไปหาเจ้านายคนใหม่โดยไม่ต้องไตร่ตรองเลย…
ราวกับการอุ้มชูดูแลที่เขาทำมาเนิ่นนานต้องสูญเปล่า การทรยศครั้งนี้เหมือนกริชที่แทงลึกเข้าสู่หัวใจของเขา…
ฟึ่บ!
หลังจากทำให้ธงจิตวิญญาณมืดดำยอมจำนนได้แล้ว ไอ้หัวขโมยก็รีบเก็บธงเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะหลบหนีต่อไป
“นั่นมันไอ้หัวขโมยที่กวาดข้าวของไปจากขุมสมบัติของเราใช่ไหม? มันคิดจะไปไหน?”
“ถ้าฉันปล่อยให้แกหนีรอดไปได้ล่ะก็ จะไม่ใช้แซ่เจียงอีกต่อไป!”
การปะทะระหว่างเจียงฟังโหย่วกับหัวขโมยก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมและเรียกเหล่าสมาชิกตระกูลเจียงออกมา ผู้อาวุโสหลายสิบคนของตระกูลเจียงบินมาตีวงล้อมบริเวณนั้นไว้ ปิดทางหลบหนีของหัวโขมย
เมื่อเห็นว่ากำลังเสริมมาแล้ว เจียงฟังโหย่วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหยิบตราหยกอันหนึ่งออกมาแล้วโยนมันขึ้นไปกลางอากาศด้วยสีหน้าเคืองแค้น
วิ้ง!
ทันทีที่ตราหยกนั้นปรากฏ ค่ายกลที่อยู่ล้อมรอบตระกูลเจียงก็ถูกเปิดใช้งาน พลังงานมหาศาลครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณไว้อย่างรวดเร็ว
ค่ายกลอารักขาของตระกูลเจียงถูกเปิดใช้งานแล้ว!
เจียงฟังโหย่วหรี่ตาและชี้นิ้วไปที่ตราหยกก่อนจะสั่งการ “สกัดกั้น!”
วิ้ง!
ท่ามกลางแสงเจิดจ้า กระแสพลังงานก็ครอบคลุมไปทั่ว
มันไม่ใช่เพียงแค่ศิลปะการควบคุมมิติหรือจิตวิญญาณ แต่เป็นการสะสมพลังงานตั้งต้นที่ยังไม่ได้ผ่านการขัดเกลา
ไม่มีจุดอ่อนใดๆในพลังงานมหาศาลที่มารวมตัวกันนี้ หากใครติดกับ ก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้
ดูเหมือนจะรู้ถึงประสิทธิภาพอันน่าสะพรึงของการรวมตัวกันของพลังงาน ไอ้หัวขโมยถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว ถึงกับสะดุดระหว่างที่กำลังล่าถอย
แต่ทันใดนั้น พลังงานที่สะสมไว้เป็นจำนวนมหาศาลก็ระเบิดออก เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนกวาดไปทั่วบริเวณก่อนทุกอย่างจะหายวับไป
“ค่ายกลหยุดทำงาน?” เจียงฟังโหย่วถึงกับอึ้ง
ในตอนนั้น เขารู้สึกเหมือนกับมีอสูรจากสวรรค์สักหมื่นตัวเหยียบย่ำอยู่ในหัวสมองของเขา
ด้วยวิธีการอะไรสักอย่าง ไอ้หัวขโมยดูเหมือนจะมีความสามารถลึกลับที่สามารถเอาชนะทุกอย่างที่เขาโยนใส่
ไอ้น้องชาย, ในโลกนี้มีอะไรบ้างที่คุณทำไม่ได้?
โชคร้ายที่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น
ยังไม่ทันที่เจียงฟังโหย่วจะหายตกตะลึง ไอ้หัวขโมยก็โบกมือ แล้วตราหยกก็ลอยละลิ่วไปหาเขา
ฟึ่บ!
ตราหยกนั้นร่อนลงบนฝ่ามือของหัวโขมย และด้วยการแตะเบาๆ เสียงฮัมอย่างตื่นเต้นก็ดังออกมาจากตราหยก
มันยอมจำนนแล้วเช่นกัน!
พลั่ก!
เจียงฟังโหย่วกระอักเลือดออกมาอีกครั้งขณะที่มองเห็นทุกอย่างมืดดำไปหมด
เขาไม่รู้ว่าร่างกายอันแก่ชราของตัวเองจะทนรับความบอบช้ำได้แค่ไหนก่อนที่จะแตกสลาย
คุณจะช่วยหยุดขโมยข้าวของของผมเสียทีได้ไหม?
ทำให้ธงจิตวิญญาณมืดดำและตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลของผมยอมจำนนได้…มันเป็นของผมนะ ไม่ใช่ของคุณ!
คุณทำให้พวกมันยอมจำนนได้อย่างไร!
ดูผมตอนนี้สิ อย่างกับผมเป็นคนนอกอย่างนั้นแหละ!
เห็นท่านพ่อตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ เจียงเฟยเฟยรี่เข้ามาด้วยความกังวล “ท่านพ่อ…”
แต่เจียงฟังโหย่วรีบยับยั้งเธอไว้ด้วยเสียงตวาด “อย่าเข้ามา! ระวังตัวด้วย อย่าปล่อยให้หมอนั่นทำให้เจ้ายอมจำนนได้…”
ในเมื่อไอ้หัวขโมยทำให้ธงจิตวิญญาณมืดดำ ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูล และแม้แต่ค่ายกลอารักขายอมจำนนได้ เขาก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะทำให้ลูกสาวของเขายอมจำนนเช่นกันหากเธอเข้าไปใกล้
อันที่จริง…เขาคิดไปกระทั่งว่าหมอนั่นอาจทำให้ตัวเขาเองยอมจำนนได้ด้วยซ้ำ ถ้าเขาเข้าไปใกล้กว่านี้!
“…” เจียงเฟยเฟย
“…” จางเซวียน