อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1643
ผมคือหัวหน้าตระกูลของพวกคุณ
รู้ดีว่าอันตรายแน่หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไป เจียงฟังโหย่วรีบหันไปสั่งการผู้อาวุโสหลายสิบคนที่ตีวงล้อมอยู่ “เหล่าผู้อาวุโส ฟังคำสั่งของผมนะ เล่นงานไอ้หัวขโมยนั่นให้ได้!”
ฟึ่บ!
ผู้อาวุโสหลายสิบคนพุ่งเข้าใส่พร้อมๆกัน พวกเขาขับเคลื่อนพลังปราณและพลังจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างพละกำลังทำลายล้างที่พุ่งตรงเข้าใส่ไอ้หัวขโมยที่อยู่ตรงกลาง ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาประสานกันอย่างเหมาะเจาะราวกับมังกรผงาด สามารถฉีกกระชากจนเกิดรอยแยกแห่งมิติมากมายนับไม่ถ้วนอยู่โดยรอบ
“แบบนี้ไม่เข้าท่าแล้ว…”
จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด เขาติดกับอยู่ตรงกลาง
เขาเคยคิดว่าขอแค่หนีรอดจากการตีวงล้อมของพวกตระกูลเจียงได้ ก็คงจะยื้อเวลาได้นานพอที่จะทะลุมิติหนีไปโดยใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร ไม่คิดว่าผู้อาวุโสเหล่านี้จะพร้อมใจกันเล่นงานเขาอย่างกะทันหัน
ด้วยพลังงานที่โหมกระหน่ำมาจากทุกทิศทาง มิติที่อยู่รอบตระกูลเจียงจึงเกิดความไม่เสถียรขึ้นมาอย่างรุนแรง หากเขาทำการทะลุมิติตอนนี้ ก็มีโอกาสที่จะต้องเผชิญกับคลื่นรบกวนของมิติ ทำให้ตกอยู่ในอันตรายกว่าที่เป็นอยู่
พูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่อาจพึ่งพาศาสตร์แห่งมิติได้หากจะหลบหนีจากที่นี่
บ้าบออะไรอย่างนี้! ถ้ารู้เสียก่อน จะไม่วุ่นวายกับฉนวนแห่งจิตวิญญาณนั่นเลย ป่านนี้เขาคงหนีออกจากตระกูลเจียงไปได้แล้ว!
แต่ก็ชัดเจนว่าเหล่าผู้อาวุโสที่ตีวงล้อมอยู่คงไม่ปล่อยให้เขามีเวลาตีอกชกหัว พละกำลังของคนเหล่านั้นบีบอัดเข้ามาด้วยแรงกดดันหนักหน่วงอย่างไม่ลดละ
เท่าที่ดูจากการโจมตี ต่อให้นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานอย่างปรมาจารย์หยางก็คงรับมือได้ยาก
รู้ดีว่าตัวเองคงเละเป็นเนื้อบดแน่หากเผชิญหน้ากับการผนึกกำลังกันของเหล่าผู้อาวุโส จางเซวียนจึงยกมือขึ้นและตวาดก้อง “ยับยั้งพวกเขาไว้!”
ฟึ่บ!
ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลเจียงที่เขาทำให้มันยอมจำนนได้เมื่อครู่ลอยขึ้นจากขวามือของเขา ภายใต้คำสั่งของตราสัญลักษณ์ ค่ายกลอารักขาสร้างปราการโปร่งใสล้อมรอบตัวจางเซวียนไว้
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!
การโจมตีของเหล่าผู้อาวุโสพุ่งเข้าใส่ปราการ เกิดความสั่นสะเทือนที่แผ่ออกไปโดยรอบ แต่ก็โชคดีที่แม้แต่การผนึกกำลังกันของคนเหล่านั้นก็ไม่อาจทะลุปราการได้
“มันใช้ได้ผล…” จางเซวียนมองภาพตรงหน้าอย่างพรั่นพรึงก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาหวนนึกถึงประสบการณ์ที่เคยมีกับค่ายกลอารักขาของตระกูลจางและตระกูลหลัว จึงรีบนำตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลเจียงออกมาเพื่อควบคุมค่ายกลอารักขาของพวกเขา โชคดีที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลคือกุญแจที่ใช้ควบคุมค่ายกลอารักขา การทำให้มันยอมจำนนได้ก็หมายความว่าเขามีค่ายกลทุกอันของตระกูลเจียงอยู่ในมือ พูดอีกอย่างก็คือ ไม้ตายสูงสุดของตระกูลเจียงที่ทำให้คู่ต่อสู้หวาดกลัวได้กลายเป็นเครื่องรางที่มอบความปลอดภัยให้เขา
“คะ-คุณ…”
เจียงฟังโหย่วรู้ว่าไอ้หัวขโมยทำให้ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลยอมจำนนได้ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะควบคุมค่ายกลของพวกเขาได้ด้วยความพยายามเพียงครั้งเดียว อันที่จริง เหตุผลที่เขาสั่งการให้เหล่าผู้อาวุโสเล่นงานไอ้หัวขโมยอย่างเร่งด่วนก็เพื่อจะจัดการขั้นเด็ดขาดก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าควรใช้ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลอย่างไร
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะเสียสติ
ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอผู้เชี่ยวชาญระดับนี้มาก่อน อันที่จริง ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดที่มาพบเขาก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะมีพละกำลังเหนือกว่าปรมาจารย์หยางเสียอีก แต่ก็ดูท่าว่าชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดคนนั้นคงจัดการสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เหมือนกัน
“โจมตีต่อไป!” เจียงฟังโหย่วตวาด
ได้ยินคำสั่งของหัวหน้าตระกูล เหล่าผู้อาวุโสปล่อยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
จางเซวียนรู้ดีว่าตัวเองได้รับการปกป้องจากค่ายกลอารักขา จึงไม่ร้อนใจอีกต่อไป
“หยุดก่อน!”
เขาหัวเราะหึๆ แล้วเคาะนิ้วไปที่ช่องว่างตรงหน้า
บึ้มมมม!
พลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลระเบิดออกไปโดยรอบ สกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเหล่าผู้อาวุโสไว้ พวกนั้นทำไม่ได้ทั้งโจมตีและหลบหนี
เหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากันด้วยความสับสน ต่างคนต่างชะงักกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป ผู้อาวุโสคนหนึ่งตวาดก้อง “ท่านหัวหน้า มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ทำไมตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลถึงอยู่ในมือเขา? ทำไมเขาควบคุมค่ายกลอารักขาของพวกเราได้?”
“หมอนั่นเป็นใคร?”
คำถามพรั่งพรูออกจากปากของเหล่าผู้อาวุโสที่กำลังงงงัน
“เกิดอะไรขึ้น? เขาเป็นใคร?” เจียงฟังโหย่วทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่ง นั่นคือสิ่งที่ผมอยากรู้เหมือนกัน ผมอยากรู้สุดๆเลยว่าเขาเป็นใครและตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
รู้ดีว่าเรื่องด่วนตอนนี้คือการจับตัวหัวขโมยให้ได้ เจียงฟังโหย่วคำราม “ไอ้สารเลวนั่นลอบเข้าไปในขุมสมบัติของเราและกวาดทรัพย์สมบัติของเราไปหมด…”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หัวขโมยก็ตะโกนสวนมา “เหล่าผู้อาวุโส ฟังคำสั่งของผม! ชายผู้นั้นน่ะคือฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น เขาปลอมตัวเป็นผมและขโมยทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลเจียงไป พวกคุณจะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้นะ!”
เสียงนั้นดังก้องอยู่กลางอากาศ ทะลุไปถึงสวรรค์
เจียงฟังโหย่วถึงกับผงะและหันไปมองหัวขโมยที่ยืนอยู่กลางวงล้อม หมอนั่นเลิกคิดจะหลบหนีแล้ว และเขาก็ค่อยๆปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของตัวเองจนเหมือนเจียงฟังโหย่วอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!
ราวกับเขากำลังส่องกระจก!
“คุณ…” เจียงฟังโหย่วตัวแข็ง ถึงกับผงะกับสิ่งที่เห็น
เขาเคยเห็นคนอื่นๆปลอมตัวมาก่อน และแม้ตัวเขาเองในอดีตก็เคยทำอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ว่านักรบคนหนึ่งจะปลอมตัวอย่างไร อย่างดีที่สุดที่ทำได้ก็คือปรับเปลี่ยนหน้าตาและบุคลิกเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้ที่นักรบคนหนึ่งปรับเปลี่ยนได้แม้กระทั่งรังสีของจิตวิญญาณจนเหมือนเป๊ะกับบุคคลที่เขาตั้งใจจะปลอมตัวเป็นคนนั้น!
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็จังงังกับสิ่งที่เห็น
ในชั่วพริบตา พวกเขาก็พบว่ามีหัวหน้าตระกูลสองคนยืนอยู่ตรงหน้า และกำลังพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาควรจะเชื่อใคร?
เห็นเหล่าผู้อาวุโสเริ่มหวั่นไหว จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลน่ะจะเชื่อฟังคำสั่งของหัวหน้าตระกูลเท่านั้น ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูลเจียง พวกคุณคงไม่หลงลืมข้อเท็จจริงข้อนี้หรอกนะ?”
จางเซวียนโบกมือ แล้วตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลก็เรืองแสงเจิดจ้าออกมา
จากนั้น เหล่าผู้อาวุโสก็รู้สึกว่าพลังงานที่พันธนาการพวกเขาไว้สลายตัวไป ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
“มีแต่หัวหน้าตระกูลเท่านั้นที่จะทำให้ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลยอมจำนนได้ เขาจะต้องเป็นหัวหน้าตระกูลตัวจริง!”
“ผู้ที่ควบคุมค่ายกลอารักขาได้จะเป็นหัวหน้าตระกูลตัวปลอมได้อย่างไร?”
…..
การควบคุมค่ายกลอารักขาเป็นความสามารถเฉพาะของหัวหน้าตระกูล เมื่อหลักฐานโดดเด่นเห็นชัดอยู่ตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานเหล่าผู้อาวุโสก็เชื่อคำพูดของจางเซวียน พวกเขาพากันส่งสายตาเป็นปฏิปักษ์ใส่เจียงฟังโหย่วตัวจริง
“…..”
เจียงฟังโหย่วนึกไม่ถึงว่าไอ้หัวขโมยจะย้อนเกล็ดเขาแบบนี้
เขายังพอรับได้กับการที่หมอนั่นสำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของทั้งเวลา มิติ และจิตวิญญาณ และข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถของผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ เขาก็ยังรับได้
แต่การปลอมตัวเป็นเขาและสวมบทบาทหัวหน้าตระกูล ถึงกับโน้มน้าวใจเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเจียงให้เป็นปฏิปักษ์ต่อเขาด้วย…เรื่องนี้ให้อภัยไม่ได้!
“ทุกคน อย่าไปฟังเขา ผมคือเจียงฟังโหย่วตัวจริง! ก่อนหน้านี้ ผมใช้ค่ายกลอารักขาโจมตีเขา เขานั่นแหละคือคนที่ขโมยตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลไป…” เจียงฟังโหย่วรีบอธิบายเพื่อหวังจะแก้ไขสถานการณ์
“บังอาจ! คุณคิดว่าตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลนั้น ใครๆก็ทำให้มันยอมจำนนได้หรือ? ต่อให้มันถูกขโมยและมีคนอื่นทำให้มันยอมจำนนได้จริงๆ แล้วคุณคิดหรือไงว่าค่ายกลอารักขาของตระกูลเจียงจะถูกควบคุมได้ง่ายๆ?” จางเซวียนคำราม “อย่างน้อยก็ควรจะพูดอะไรที่มันน่าเชื่อถือกว่านี้หน่อย!”
หลังจากตำหนิเจียงฟังโหย่ว เขาก็หันไปถามเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่โดยรอบ “ใช่ไหม ผู้อาวุโส?”
“ค่ายกลอารักขาของตระกูลเจียงของพวกเราได้รับการขัดเกลาและเพิ่มพลังจากน้ำมือของเหล่าบรรพบุรุษมานับไม่ถ้วน จนถึงจุดที่มันมีความเป็นหนึ่งเดียวในตัวเอง หากไม่ได้รับการถ่ายทอดมรดกตกทอดของตระกูลเจียง ต่อให้ประธานสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลสำนักงานใหญ่ก็ไม่มีทางควบคุมค่ายกลอารักขาของเราได้!”
“จริงด้วย เขาควบคุมค่ายกลอารักขาโดยใช้ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลได้อย่างเชี่ยวชาญ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือหัวหน้าตระกูลตัวจริง!”
“ผมได้ยินว่าฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ ถึงขั้นที่แม้แต่ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวก็ยังแยกแยะความแตกต่างได้ยาก เป็นไปได้ไหมว่าหัวหน้าตระกูลตัวปลอมจะเป็นฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจปลอมตัวมาจริงๆ?”
“ผมก็ไม่แน่ใจ บอกตามตรงนะ ผมยังสับสนกับสถานการณ์ตอนนี้อยู่เลย…”
ฝูงชนต่างคิดหนัก
ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีใครทำให้ตราสัญลักษณ์หัวหน้าตระกูลยอมจำนนได้ในระยะเวลาอันสั้น หรือต่อให้ศัตรูทำแบบนั้นได้จริง ก็ไม่มีทางที่เขาจะควบคุมและสั่งการค่ายกลอารักขาได้อย่างรวดเร็ว ใช่ไหม?
หากไม่ใช้ความพยายามเนิ่นนานหลายปี ก็ไม่มีทางที่จะควบคุมค่ายกลได้!
“แกเป็นใคร? เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นใช่ไหม?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตวาดเจียงฟังโหย่ว
“เผ่าพันธุ์ปีศาจบ้านคุณน่ะสิ! ผมคือเจียงฟังโหย่ว! เจียงฟังผิง อย่าบอกนะว่าคุณจำผมไม่ได้? เรารู้จักกันตั้งแต่อายุ 7 ปี! ตอนที่คุณอายุ 8 ปีน่ะ คุณไม่สามารถฝึกฝนศิลปะหัวใจเดือดให้เชี่ยวชาญได้ เลยมาหาผมเพื่อขอคำชี้แนะ เพราะคุณสำนึกในบุญคุณของผม จึงมอบผลหยกแดงก่ำให้เป็นการชดเชย แต่ผมไม่รู้ว่าคนที่มีระดับวรยุทธอ่อนด้อยน่ะไม่ควรกินผลหยกแดงก่ำ ผมเลยเกือบตายจากการที่ลมปราณแตกซ่าน…คุณต้องจำเรื่องนี้ได้แน่ ใช่ไหม?” เจียงฟังโหย่วตวาดลั่น