อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1672
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1672 นายพลอ้าววั่ว
จางเซวียนใช้แก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติ เขาพรางตัวไว้และรุดหน้าเข้าสู่ฐานที่ตั้งของเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็มาถึงค่ายกองกำลังปีศาจ เขาชะงักฝีเท้า
“แคร่ก แคร่ก แคร่ก” กระดูกและกล้ามเนื้อของจางเซวียนเริ่มขยับและเปลี่ยนแปลง ความสูงของเขาเพิ่มขึ้นราว 1 สือ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น จางเซวียนก็ดูไม่ต่างอะไรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่ง
แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะปรับเปลี่ยนรังสีของตัวเองด้วย คราวนี้จางเซวียนยั้งมือไว้เล็กน้อยเพื่อไม่ให้เจตนาสังหารที่เขาแผ่ออกมาบริสุทธิ์อย่างเคย ตอนนี้เจตนาสังหารของเขามีความบริสุทธิ์ต่ำกว่าราชาใบไม้สีเขียวและคนอื่นๆ ซึ่งถือว่าไม่ต่างจากพลทหารทั่วไปที่อยู่ในค่ายเผ่าพันธุ์ปีศาจ
หลังจากเสร็จสิ้นการปลอมตัว จางเซวียนก็ร่อนลงสู่พื้น เขาพบกองกำลังลาดตระเวนส่วนหนึ่งและลอบเข้าโจมตีพวกนั้นจากด้านหลังจางเซวียนยกนิ้วขึ้นแล้วแตะเข้าที่แผ่นหลังของพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งอย่างแผ่วเบา
ฟึ่บ!
มันคือการเสียเลือดหยดแรกอย่างเงียบเชียบ เขารีบเก็บศพของทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นไว้ในแหวนเก็บสมบัติ
หลังจากเคลียร์พื้นที่แล้ว จางเซวียนก็ปลอมตัวเป็นพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้น แน่นอนว่าเขาไม่ลืมเรื่องพื้นฐานอย่างการเปลี่ยนเสื้อผ้า
ดังนั้น เมื่อจางเซวียนปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็สวมชุดเกราะหนักอึ้งเต็มยศพร้อมกับถือหอกยาวไว้ในมือ เขาแยกตัวออกจากกลุ่มแล้วเดินเข้าสู่ฐานที่ตั้งหลัก
เผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นเชี่ยวชาญด้านการตั้งรับ แค่มองแวบเดียวก็เห็นแล้วว่าค่ายกลอารักขาที่พวกมันจัดตั้งขึ้นเป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญ โชคดีที่เซียนดาบชิงได้สั่งการให้ทุกคนตรึงกำลังป้อมปราการไว้ เพราะหากพวกเขาพยายามจะฝ่าค่ายกลเหล่านี้เข้ามาตระกูลจางอาจต้องสูญเสียกำลังพลของตัวเองไปกว่าครึ่ง
ค่ายกลพวกนี้ต่างจากค่ายกลของสมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลมันมีอักษรโบราณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจารึกไว้ ผู้ที่ก้าวล้ำเข้าไปในค่ายกลเหล่านี้จะต้องปะทะกับเจตนาสังหารรุนแรง ทำให้พวกเขาหมดสภาพ จางเซวียนคิดขณะวิเคราะห์ค่ายกลอย่างถี่ถ้วน
เขาเคยเจอค่ายกลแบบเดียวกันนี้เมื่อครั้งก่อนที่ลงไปยังอาณาจักรใต้ดิน แต่ค่ายกลที่เห็นในตอนนั้นเรียกได้ว่าธรรมดาสามัญหากเปรียบเทียบกับค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9 ก็ยังต้องเดือดร้อนหากบุกเข้าไปในค่ายกลอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ นับประสาอะไรกับนักรบที่อ่อนแอกว่า
แต่แน่นอนว่าด้วยสภาวะพิเศษของพวกมัน ค่ายกลเหล่านี้จึงไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ขณะที่จางเซวียนรุดหน้าไป เขาก็วิเคราะห์โครงสร้างของค่ายกลอย่างถี่ถ้วนและพยายามค้นหา ตำแหน่งที่ตั้งของใจกลางค่ายกลตามมาด้วยการแอบถ่ายทอดพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่ค่ายกลเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนทำลายมัน
เขามาที่นี่เพื่อสอดแนมหาข้อมูล หากทำลายค่ายกลเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็เท่ากับเปิดเผยว่าตัวเองเข้ามาเป็นสายลับ ซึ่งจะทำให้พวกมันเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยฐานที่ตั้งให้แน่นหนาขึ้นและนั่นจะทำให้เขาทำงานได้ยากกว่าเดิม
ที่ผ่านมา เผ่าพันธุ์ปีศาจที่จางเซวียนพบมีวรยุทธตั้งแต่ระดับเซียนขั้น 3 ไปจนถึงขั้น 9 เขายังไม่เคยเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่มาก่อน แต่พวกมันก็คงจะอยู่ในฐานที่ตั้งส่วนที่ลึกเข้าไป
ราชวงศ์ฉิงเทียนเทียบอะไรกับที่นี่ไม่ได้เลย…จางเซวียนได้แต่ส่ายหน้า
ราชาเผ่าพันธุ์ปีศาจแห่งราชวงศ์ฉิงเทียนสำเร็จวรยุทธขั้นจิตวิญญาณต้นกำเนิดเท่านั้น และแม้แต่ฮ่องเต้ฉิงเทียนเองก็เป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 6 ประสิทธิภาพการต่อสู้เพียงเท่านั้นเทียบอะไรไม่ได้เลยกับกองกำลังที่อยู่ตรงหน้าเขา
เท่าที่จางเซวียนเห็น ดูเหมือนจะมีช่องว่างอยู่ไม่น้อยในบรรดาผู้ที่มีตำแหน่งฮ่องเต้ด้วยกัน เป็นไปได้ว่าราชวงศ์ฉิงเทียนเป็นหนึ่งในนั้น
น่าเสียดายที่ไอ้โหดยังคงอยู่ในภาวะจำศีล ไม่อย่างนั้น มันคงจะเรียกความทรงจำบางส่วนฟื้นคืนกลับมาได้หลังจากที่ได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายท่อนบนของตัวเอง แล้วจางเซวียนจะได้สอบถามมันเกี่ยวกับสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจและหามาตรการป้องกันได้อย่างเหมาะสม
“คุณควรจะลาดตระเวนให้ทั่วพื้นที่และตรวจสอบว่ามีใครบุกรุกเข้ามาหรือไม่ ทำไมถึงมาอ้อยอิ่งอยู่ตรงนี้?”
ในตอนนั้น จางเซวียนได้ยินเสียงแหบห้าวดังขึ้นด้านหลัง เขาหันขวับไปมองและเห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งที่สวมหมวกเกราะสีดำกำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 8 เท่าที่ฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนจะเป็นนายทหารระดับสูงตัวหนึ่งในกองทัพ
หมอนั่นพูดด้วยสำเนียงของเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างชัดเจน โชคดีที่จางเซวียนได้เรียนรู้ภาษานี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาลงไปยังอาณาจักรใต้ดิน อันที่จริง ก็เพราะการใช้ภาษาของพวกมันนี่แหละที่ทำให้เขาล่อลวงราชาใบไม้สีทองกับราชาใบไม้เขียวให้สังหารกันเองได้สำเร็จ
“มีคนสลับตำแหน่งกับผม ผมจึงกลับมาที่ฐานทัพเพื่อหยุดพักชั่วครู่” จางเซวียนรีบก้มศีรษะและคำนับ
เขารู้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจเพิ่งเปลี่ยนกะเมื่อครู่ที่ผ่านมา และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกโจมตีมัน หากพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจยังอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ การจะสลับตำแหน่งกับพวกมันก็คงมีปัญหา
“ตามผมมา มีบางอย่างที่ผมอยากให้คุณทำ!” เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมหมวกเกราะสีดำคำรามขณะเรียกจางเซวียนให้ตามไป
“ขอรับ”
เพื่อไม่ให้มีปัญหา จางเซวียนตามเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นไปอย่างว่าง่าย
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมหมวกเกราะสีดำเข้าไปรวมพลกับทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจอีก 10 ตัว พลทหารเหล่านั้นมีวรยุทธระดับเซียนขั้น 3 เป็นอย่างต่ำ เหมือนกับตัวที่จางเซวียนเพิ่งสังหารและปลอมตัวเป็นมัน
“นายพลอ้าววั่วต้องการให้พวกเราทำอะไรหรือ?”
พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งที่เดินตามหลังเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมหมวกเกราะสีดำกระซิบกระซาบกับพรรคพวก
“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเป็นงานก่อสร้างอะไรสักอย่าง” เผ่าพันธุ์ปีศาจอีกตัวหนึ่งส่ายหน้า
“ก่อสร้าง? เรายังสร้างฐานทัพไม่เสร็จอีกหรือ?”
“อย่าถามอะไรไม่เข้าท่าหน่อยเลย ก็แค่ทำตามที่นายพลอ้าววั่วสั่งลองยื่นจมูกเข้าไปวุ่นวายในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องของคุณสิ จะได้ตายไม่รู้ตัว!” พลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งคำรามอย่างหงุดหงิด และตัวอื่นๆก็เงียบไป
เขาคือนายพลอ้าววั่วหรือ จางเซวียนจดจำชื่อนั้นไว้
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมหมวกเกราะสีดำยังไม่ได้สำแดงเทคนิคการต่อสู้ออกมา เขาจึงไม่มีโอกาสรู้ตัวตนของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องจดจำชื่อนี้ไว้ก่อน เพื่อต่อไปจะได้ไม่สับสน
“หยุด!”
หลังจากเดินไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าอาคารที่มีรูปร่างหน้าตาประหลาด นายพลอ้าววั่วก้าวไปข้างหน้า เขาผลักประตูแล้วนำทางไป
ภายในตึกนั้นว่างเปล่า มีเพียงกล่องขนาดใหญ่ไม่กี่ใบวางอยู่ในนั้น แต่ละกล่องมีความสูงพอๆกับมนุษย์และวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ แต่ละกล่องห่างกันราว 10 เมตร
จางเซวียนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ เขาพิจารณากล่องเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วน ไม่มีอำนาจหรือรังสีใดๆแผ่ออกมาจากกล่องเหล่านั้น ซึ่งบ่งบอกว่าพวกมันไม่ได้มีฉนวนคุ้มกันหรือมีค่ายกลใดๆปกป้องไว้
“ผมต้องการให้พวกคุณย้ายกล่องเหล่านี้ไปอีกด้านหนึ่ง!” นายพลอ้าววั่วสั่งการ
เขาเรียกรวมพลพวกเรามาที่นี่เพียงเพื่อย้ายกล่องไม่กี่ใบนี่นะ?จางเซวียนสงสัย
เหล่าพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจต่างก็งุนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า
ด้วยระดับวรยุทธของพวกมัน พวกมันสามารถใช้การรับรู้จิตวิญญาณเก็บทุกสิ่งเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติและย้ายไปที่ไหนก็ได้แต่กลับถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่นี่เพื่อทำงานง่ายๆแบบนี้?
“พวกคุณมัวรีรออะไรอยู่? เร็วเข้าสิ!” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครขยับเขยื้อน นายพลอ้าววั่วหน้าดำคร่ำเครียด “แค่ทำตามคำสั่งก็พอ ไม่จำเป็นต้องรู้อะไรให้มากกว่านี้!”
“ขอรับ”
ไม่มีใครกล้าทักท้วงผู้บังคับบัญชา พลทหารเหล่านั้นรีบยกกล่องขึ้นและนำมันออกไปนอกอาคาร
กล่องเหล่านั้นไม่ได้หนักอะไร จางเซวียนพยายามใช้การรับรู้จิตวิญญาณของเขาตรวจสอบกล่องเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่ก็ดูเหมือนจะมีฉนวนปกป้องภายในไว้ การรับรู้จิตวิญญาณของเขาจึงซึมซาบเข้าไปไม่ได้
เขาพยายามใช้หอสมุดเทียบฟ้าด้วย แต่ก็ทำได้แค่ประมวลรายละเอียดของกล่องเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ข้างใน ลงท้ายจางเซวียนก็ถอดใจและเดินตามฝูงชนออกไปข้างนอก
“รักษาระยะห่างระหว่างกล่องแต่ละใบด้วยนะ!” นายพลอ้าววั่วสั่งการด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ในฐานะนักรบระดับเซียนขั้น 3 เผ่าพันธุ์ปีศาจแต่ละตัวมีความจำดีเยี่ยม พวกมันถือกล่องให้อยู่ในรูปแบบเดิมกับเมื่อครั้งแรกที่เห็นอยู่ในอาคาร
“ดีมาก!” เมื่อเห็นกล่องถูกรักษาระยะห่างอย่างเป็นระเบียบ นายพลอ้าววั่วพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะเรียกพลทหารเหล่านั้นให้เดินเข้ามา
พลทหารเหล่านั้นยังคงรักษาระยะห่างระหว่างกันขณะที่เดินไปหานายพลอ้าววั่ว
จะต้องรักษาระยะห่างระหว่างแต่ละกล่องไปเพื่ออะไร? จางเซวียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ถ้ากล่องพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่ายกล เขาก็ยังพอเข้าใจว่าทำไมจะต้องรักษาระยะห่าง แต่ในเมื่อเขาไม่รู้สึกถึงพลังงานหรืออำนาจใดๆจากกล่องเหล่านี้เลย แล้วมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องจุกจิกกับรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้?
ที่สำคัญกว่านั้น ทำไมไม่นำกล่องใส่เข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ?
ฟึ่บ!
จางเซวียนงุนงงกับสถานการณ์แปลกประหลาดตรงหน้า เขาเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้และสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็ตัวแข็งด้วยความอัศจรรย์ใจ ความรู้สึกนี้…เหมือนกับตอนที่เราได้รับเมื่อครั้งเข้าสู่สมาคมผู้หยั่งรู้…พวกมันกำลังพยายามปกปิดบางอย่างจากสวรรค์หรือนี่?