อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1680 ซ่อมแซมฉนวน
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1680 ซ่อมแซมฉนวน
คุณหมายความว่าอย่างไรที่พูดว่าหลับอยู่?
สำหรับคุณ พวกนั้นดูเหมือนหลับอยู่หรือ?
เผ่าพันธุ์ปีศาจสวมเกราะสีดำที่เพิ่งมาถึงทึ้งผมตัวเองอย่างคลุ้มคลั่ง
คุณคิดว่าผมงี่เง่าจนแยกไม่ออกระหว่างคนเป็นกับคนตายหรือไง?
“ก็ช่วยไม่ได้นะถ้าคุณไม่เชื่อผม…” รู้ดีว่าต่อให้พูดอย่างไรอีกฝ่ายก็คงไม่เชื่อ จางเซวียนโบกมือ “จัดการเขา!”
เขาสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานไป 3 ตัวแล้ว และไม่รังเกียจที่จะเพิ่มสถิติเข้าไปอีกสักตัวหนึ่ง
ฟึ่บ!
พละกำลังที่ผนึกกันระหว่างจางเซวียนกับของล้ำค่าทั้ง 3 ชิ้นของเขานั้นไม่อาจสบประมาทได้ ยังไม่ทันที่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมเกราะสีดำจะได้ขยับตัว ก็ถูกตีวงล้อมและสังหาร
หลังจากสูบเลือดและจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานไปถึง 4 ตัว กระบี่เปลวเพลิงสีดำก็มีความโหดเหี้ยมราวกับปีศาจยิ่งขึ้นกว่าเดิม แม้แต่จะมองมันตรงๆก็ยังทำได้ยาก
หลังจากเก็บข้าวของและทรัพย์สมบัติที่กระจัดกระจายอยู่โดยรอบแล้ว จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็เดินตรงไปยังฉนวนแห่งมิติ
เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉนวน แต่การที่เผ่าพันธุ์ปีศาจผ่านเข้ามาได้ตัวแล้วตัวเล่า ก็เป็นสัญญาณว่าฉนวนถูกทำลาย เขาจะต้องหาทางซ่อมแซมมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่อย่างนั้น การสู้รบครั้งนี้ก็จะไม่มีวันจบสิ้น!
หลังจากบินไปได้ระยะหนึ่ง ฉนวนแห่งมิติก็ปรากฏตรงหน้า ที่บริเวณใจกลางฉนวนมีรูขนาดใหญ่ ดูเหมือนใครบางคนฉีกกระชากมันออกอย่างแรง
ไม่น่าสงสัยแล้วว่าทำไมโหมวอู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวอื่นๆถึงผ่านเข้ามาได้
“โชคดีที่มันยังไม่พังพินาศ ไม่อย่างนั้น สำหรับฉนวนแห่งมิติที่ใหญ่โตขนาดนี้ เราคงสร้างขึ้นใหม่ไม่ได้แน่…” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้เขาจะมีความเข้าใจเรื่องแก่นสารแห่งมิติและการสกัดกั้นมิติ แต่ระดับวรยุทธก็ยังอ่อนด้อยเกินไป การซ่อมแซมมันถือเป็นภารกิจที่เหนือความสามารถของเขา สำหรับจางเซวียน การจะสร้างฉนวนแห่งมิติขึ้นใหม่อีกอันหนึ่งที่สามารถปิดกั้นได้แม้แต่กับนักรบขั้นนักปราชญ์โบราณนั้นถือเป็นการฝันกลางวันเลยทีเดียว!
จางเซวียนเดินหน้าเข้าสู่ฉนวนแล้วรีบทำการซ่อมแซมมันทันที ระหว่างที่กำลังปฏิบัติภารกิจ ก็อดครุ่นคิดไม่ได้ สนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่อีกฟากหนึ่งนี่เอง…เราควรไปดูเสียหน่อยไหม?
เผ่าพันธุ์ปีศาจมักส่งกองกำลังข้ามฝั่งมาสร้างความปั่นป่วนอยู่เสมอ แล้วทำไมเขาถึงจะไม่ควรทำแบบเดียวกันบ้าง?
อีกอย่าง ถึงเขาจะสร้างวิกฤตการณ์ให้เกิดขึ้นในอาณาจักรใต้ดินได้แล้ว แต่ก็ยังโง่เง่าเกินไปหากจะคิดว่าเรื่องนี้จบสิ้น เพราะนั่นเป็นเพียงส่วนเล็กๆของกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้น
อาณาจักรใต้ดินทั้ง 108 แห่งถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจเข้าโจมตีพร้อมๆกัน และสภาปรมาจารย์, ตระกูลหลัว กับตระกูลเจียงก็ได้ผนึกกำลังกันเข้าปกป้องอาณาจักรใต้ดินจากเผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านั้น
หากเขาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ ก็น่าจะช่วยบรรเทาความตึงเครียดในอาณาจักรใต้ดินแห่งอื่นๆ
เราจะคิดดูอีกทีหลังจากที่ซ่อมฉนวนเสร็จแล้ว…จางเซวียนตัดสินใจขณะเร่งความเร็วในการปฏิบัติภารกิจ
…..
“นี่ก็นานมากแล้วนะ ทำไมเซวียนเอ๋อยังไม่กลับมาอีก?”
เซียนดาบเหมิงเดินวนไปมาด้วยความวิตกกังวล
ลูกชายของเธอบอกว่าจะออกไปสอดส่องดูลาดเลา แต่นี่ก็ปาเข้าไป 2 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีวี่แววเลย เธออดกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขาไม่ได้
“เขาอาจเจอกับเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ต้องสะดุด อย่าห่วงเลย เซวียนเอ๋อของเราน่ะมีกลเม็ดเด็ดพรายอยู่ในมือมากมาย ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรอก” เซียนดาบชิงตบบ่าภรรยาเบาๆและปลอบใจเธอ
“แต่นี่กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจนะ! พวกมันมีอย่างน้อยก็หมื่นตัว ต่อให้ปรมาจารย์หยางก็คงรับมือกับพวกมันไม่ไหว แล้วเซวียนเอ๋อของเราจะต้านทานกองกำลังระดับนั้นได้อย่างไร?” เซียนดาบเหมิงอุทานด้วยความร้อนใจ
คู่ต่อสู้เป็นกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่าหมื่นตัวซึ่งมีวรยุทธระดับเซียนขั้น 3 ขึ้นไปและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ไม่มีใครหรอกที่จะอดเป็นห่วงได้!
“ผมก็ไม่อยากยอมรับสิ่งนี้ แต่เราทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อใจลูกชายของเรา เราไม่มีเทคนิคการพรางตัวแบบที่เขาใช้ และหากเราถูกจับได้ระหว่างที่เข้าไปตามตัวเขา ก็มีแต่จะทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม” เซียนดาบชิงพูด
เขาเองก็เป็นห่วงจางเซวียน แต่ก็เห็นๆกันอยู่ว่าไม่มีทางที่ทั้งคู่จะช่วยเหลืออะไรจางเซวียนได้
เซียนดาบชิงหันไปตั้งคำถามกับหลัวลั่วชิง “ลั่วชิง คุณมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร?”
สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขาสุขุมเยือกเย็นมาตลอด ราวกับไม่ได้วิตกกังวลเรื่องจางเซวียนเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ทำให้เขาออกจะสงสัย
“จางเซวียนไม่เป็นอะไรหรอก” หลัวลั่วชิงตอบอย่างมั่นใจ
นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสำเร็จความเข้าใจแก่นสารทั้ง 3 รูปแบบและมีวิธีการปลอมตัวอันไร้ที่ติ แล้ว ลำพังประสิทธิภาพการต่อสู้ของจางเซวียนผนวกกับหอกสวรรค์กระดูกมังกร ก็จัดว่ายากที่ใครก็ตามจะรับมือไหว เว้นเสียแต่ผู้ที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณจะปรากฏตัว ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวไหนจะเล่นงานจางเซวียนได้
ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
“แต่…” เห็นความมั่นใจของหลัวลั่วชิง เซียนดาบเหมิงยังขมวดคิ้ว
เธอกำลังจะถามเหตุผลที่หลัวลั่วชิงมั่นใจในตัวจางเซวียนขนาดนั้น ก็พอดีกับที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง
“ท่านรองหัวหน้า…”
“เซวียนเอ๋อกลับมาแล้วหรือ?” เซียนดาบชิงลุกพรวดด้วยความตื่นเต้น
ผู้อาวุโสที่เพิ่งเข้ามาเป็นผู้ทำหน้าที่สืบข่าวของตระกูลจาง การที่เขารีบร้อนก็ย่อมแปลว่ามีเรื่องสำคัญจะรายงาน
“ไม่ใช่อย่างนั้น…กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจเพิ่งเป่าแตรรวมพล ผมเกรงว่าการโจมตีอาจเกิดขึ้นเร็วๆนี้!” ผู้อาวุโสพูดอย่างเคร่งเครียด
“การโจมตี?” เซียนดาบชิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “เกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้ละเอียดซิ”
“ผมส่งกองสอดแนมเข้าไปที่แคมป์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่มาตรการรักษาความปลอดภัยของพวกมันเข้มงวดมาก คนของผมลาดตระเวนได้เพียงอาณาเขตรอบนอกเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปใกล้ แต่เมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน เสียงแตรรวมพลดังขึ้น จากนั้นพลทหารเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ล่าถอยกลับเข้าสู่แคมป์ของพวกมัน แม้แต่พวกที่ทำหน้าที่รักษาค่ายกลอารักขาและตรวจสอบความเรียบร้อยโดยทั่วไปก็ยังต้องทิ้งหน้าที่ของตัวเองชั่วคราว!”
“เพราะเกรงว่าจะเป็นกับดัก คนของผมจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้กว่านั้น แต่จนถึงตอนนี้ ผ่านไปแล้ว 15 นาที ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ พวกเขาจึงค่อยๆสำรวจลึกเข้าไปในแคมป์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ และพบว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจถูกแบ่งออกเป็น 10 กลุ่มใหญ่ แต่ละกลุ่มจัดเรียงแถวเป็นรูปแบบของค่ายกลชนิดหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพที่คุณเพิ่งปะทะกับมันก่อนหน้านี้ก็พูดว่ามันอยากจะทดลองค่ายกลผนึกกำลังแบบใหม่ และจะเปิดการโจมตีอย่างกะทันหัน!”
“เมื่อได้ยินแบบนั้น กองสอดแนมของเราก็ไม่กล้าเสียเวลาอีก พวกเขารีบกลับมาทันทีเพื่อรายงานเรื่องนั้นให้ผมทราบ”
“โชคดีที่กองสอดแนมของคุณส่งข่าวได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้น ถ้าการโจมตีอย่างกะทันหันเป็นผลสำเร็จล่ะก็ ตระกูลจางของเราจะต้องได้รับความเสียหายหนัก…” เซียนดาบชิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ข่าวนี้สำคัญมาก หากพวกเขาไม่ระมัดระวังตัวให้ดี ก็คงจะกลายเป็นจุดจบอย่างน่าอนาถของตระกูลจาง
เซียนดาบชิงสูดหายใจลึกและส่งเสียงดังก้องไปทั่วทั้งป้อมปราการ “เหล่าทายาทตระกูลจาง ฟังคำสั่งของผม! เผ่าพันธุ์ปีศาจกำลังเตรียมการจะเข้าโจมตีพวกเราอย่างกะทันหัน พวกคุณทุกคน ต้องระมัดระวังตัวให้ดี นับแต่นี้เป็นต้นไป!”
“ขอรับ ท่านรองหัวหน้า”
เมื่อได้ยินคำสั่ง เหล่าสมาชิกตระกูลจางต่างรีบเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการต่อสู้ ในชั่วพริบตา บรรยากาศก็เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากสั่งการเหล่าสมาชิกตระกูลจางแล้ว เซียนดาบชิงก็หันไปมองรอบๆและพูดต่อ “เหล่าผู้อาวุโส ตามผมออกจากเมืองเพื่อไปเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์ปีศาจ ในเมื่อพวกมันกำลังจะเข้าโจมตีเราอย่างกะทันหัน เราก็ควรจะใช้โอกาสนี้เล่นงานตอนที่พวกมันไม่ทันระวังตัว”
“ได้เลย!”
เหล่าผู้อาวุโสพยักหน้า แล้วทั้งกลุ่มก็บินออกจากเมืองไป
อาณาเขตรอบนอกป้อมปราการนั้นถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกหนา ทำให้ยากที่จะมองออกไปในระยะไกล หลัวลั่วชิงเพ่งมองฝ่าชั้นหมอก เธอขมวดคิ้ว จากนั้นก็บินตามไปโดยไม่ลังเล
“ลั่วชิง…” นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยจะตัดสินใจเร็วขนาดนั้น เซียนด่าบชิงเหมิงขมวดคิ้ว
“พวกคุณที่เหลือน่ะตรึงกำลังอยู่ที่นี่แหละ พวกเราจะไปตรวจดูเอง” รู้ดีว่าอาจสูญเสียลั่วชิงไปหากไม่รีบตามเธอไปตั้งแต่ตอนนี้ เซียนดาบชิงรีบสั่งการเหล่าผู้อาวุโส ก่อนจะออกติดตามลั่วชิงไปพร้อมกับเซียนดาบเหมิง
…..
“ทำไมถึงไม่มีใครเลยล่ะ?”
เซียนดาบชิงเหมิงบินไป สถานการณ์ที่เห็นทำให้พวกเขางงงัน
ว่ากันตามเหตุผล พวกเขาบินมาไกลขนาดนี้ ควรจะได้พบเผ่าพันธุ์ปีศาจบ้างแล้ว แต่ทำไมถึงไม่มีให้เห็นเลยสักตัว?
ไม่ว่าพวกมันจะเปิดการโจมตีอย่างกะทันหันหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็จะต้องคงมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานไว้ไม่ใช่หรือ?
ถ้าเผ่าพันธุ์ปีศาจปราศจากความระมัดระวังตัว ก็คงไม่มีทางที่พวกมันจะยืนหยัดต่อสู้กับสภาปรมาจารย์ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“ดูนั่น ตรงหน้าเรา!”
ขณะที่เซียนดาบชิงกำลังครุ่นคิด เสียงของเซียนดาบเหมิงก็ดังขึ้น เขารีบเงยหน้า และเห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจนอนเรียงรายกันเป็นแถวมากมายอยู่กับพื้น ทุกตัวต่างนอนนิ่งไม่ไหวติง
เส้นผมของพวกมันตั้งชัน ใบหน้าดำเมี่ยม ฟองสีขาวไหลซึมออกจากมุมปาก
พวกมันตายแล้ว!
หลัวลั่วชิงกำลังคุกเข่าอยู่ท่ามกลางศพเหล่านั้นพร้อมกับขมวดคิ้ว ดูเหมือนกำลังพยายามตรวจสอบอะไรบางอย่าง