อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1681 ข้ามฉนวนแห่งมิติ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1681 ข้ามฉนวนแห่งมิติ
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”
เห็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ทำให้พวกเขากังวลใจนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น เซียนดาบชิงเหมิงถึงกับผงะ
“พวกมันถูกจางเซวียนสังหาร” หลัวลั่วชิงพูดขณะลุกขึ้นยืน
“พวกมันถูกเซวียนเอ๋อสังหาร? เป็นไปได้อย่างไร? เว้นเสียแต่จะเป็นนักปราชญ์โบราณ ไม่มีนักรบคนไหนสามารถกำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งกองทัพได้หรอก!” เซียนดาบชิงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
ไม่ใช่เพราะเขาไม่เชื่อใจลูกชาย แต่คู่ต่อสู้เป็นกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่าหมื่นตัวที่มีวรยุทธระดับเซียนขั้น 3 ขึ้นไป อีกทั้งยังมีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อีกจำนวนหนึ่งในกลุ่มของพวกมันด้วย ต่อให้มีประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับลูกชายของเขา ก็ไม่มีทางสังหารพวกมันได้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว!
“เขาใช้พลังของสายฟ้าเล่นงานพวกมัน เผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนี้ไม่ทันระวังตัว พวกมันส่วนใหญ่ถูกช็อตตาย แต่ตัวที่มีชีวิตรอดมาได้ก็เป็นอัมพาต และหลังจากนั้นก็ถูกสังหาร” หลัวลั่วชิงวิเคราะห์
“สายฟ้า?”
เซียนดาบชิงเหมิงมองศพที่เรียงรายอยู่กับพื้น และเห็นรอยไหม้อยู่บนร่างของศพเหล่านั้น
ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็นึกได้ว่าจางเซวียนมีความสามารถในการเรียกการทดสอบสายฟ้า
เล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งกองทัพที่มีกว่าหมื่นตัวได้ด้วยตัวคนเดียว…ขนาดพวกเขาเห็นกับตาก็ยังรู้สึกราวกับฝันไป
“ในเมื่อเจ้าพวกนี้ตายหมดแล้ว แล้วเซวียนเอ๋ออยู่ไหนล่ะ?” เซียนดาบเหมิงรีบมองไปรอบๆ
ต่อให้ลูกชายของเธอจะมีวิธีการอันน่าทึ่งสักแค่ไหน เขาก็น่าจะอยู่ในสภาวะที่ลำบากพอควรหลังจากต้องเผชิญหน้ากับข้าศึกมากมายขนาดนี้ ถึงอย่างไร เธอก็จะไม่มีวันสบายใจจนกว่าจะได้เห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่และได้รับบาดเจ็บหรือไม่…
“เขาคงจะมุ่งหน้าไปที่ฉนวน…” หลัวลั่วชิงยืนขึ้นและเดินหน้าต่อไป
ในเมื่อภัยคุกคามถูกจัดการจนสิ้นซากแล้ว ก็มีโอกาสที่จางเซวียนจะเข้าไปซ่อมแซมฉนวนแห่งมิติ การจะสรุปได้แบบนี้ก็ถือว่าไม่ยากเย็นอะไร
ทั้งกลุ่มรีบรุดหน้าไป ไม่ช้าก็มาถึงฉนวนแห่งมิติ
ในตอนนั้น ฉนวนแห่งมิติถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว คลื่นพลังงานที่อยู่ภายในฉนวนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการซ่อมแซมได้ผลเสร็จสมบูรณ์
“มันคือพลังปราณของเซวียนเอ๋อ ว่าแต่…เขาอยู่ไหนล่ะ?”
เซียนดาบเหมิงบอกได้ว่าปราการที่ได้รับการซ่อมแซมแล้วนั้นคือพลังปราณของจางเซวียน ซึ่งการที่เขายังสามารถซ่อมแซมฉนวนแห่งมิติได้ก็หมายความว่าเขาไม่เป็นอะไร ว่าแต่…ตอนนี้เขาหายไปไหน?
เธอใช้การรับรู้จิตวิญญาณกวาดไปโดยรอบเพราะเกรงว่าจะคลาดกับลูกชาย ถ้าเขายังคงอยู่แถวนี้ ป่านนี้เธอก็น่าจะพบตัวเขาแล้ว
“ดูเหมือนเขาจะข้ามฉนวนไปและมุ่งหน้าไปยังสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ!” หลัวลั่วชิงขมวดคิ้ว
“เขาข้ามไปอีกฝั่ง? ทำไมถึงหุนหันพลันแล่นอย่างนั้น?” เซียนดาบเหมิงแทบลมจับเมื่อได้ยิน “แบบนี้ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องไปช่วยเขา…”
เซียนดาบเหมิงเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่น้อยครั้งที่เธอจะทำอะไรอย่างหุนหันพลันแล่น เธอเป็นคนมีเหตุผล รู้ดีว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกชาย ก็ดูเหมือนการใช้เหตุผลของเธอจะสูญหายไปหมด
“ให้ฉันไปดีกว่า ถ้าคุณทั้งคู่เข้าไป ก็มีโอกาสที่คุณจะเจออันตรายก่อนที่จะได้พบกับจางเซวียน” หลัวลั่วชิงขัด
เซียนดาบชิงเหมิงอาจทรงพลังก็จริง แต่การต่อสู้ในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นต่างจากการต่อสู้ในอาณาจักรใต้ดิน เจตนาสังหารในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นเข้มข้นเสียจนสามารถกดข่มประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาลงได้มาก อีกทั้งรังสีของพวกเขาก็จะโดดเด่นราวกับประภาคารยามค่ำคืน ทำให้ตกเป็นเป้านิ่งได้ง่าย
หากทั้งคู่เข้าไป ก็มีโอกาสที่จะถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจจับและสังหารเสียก่อนที่จะได้พบกับจางเซวียน
“คุณน่ะหรือ?” เซียนดาบเหมิงขมวดคิ้ว “มันอันตรายมากนะที่จะข้ามฉนวนไป! พละกำลังในตอนนี้ของคุณ…”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อในตัวหลัวลั่วชิง แต่อีกฝ่ายไม่เคยเปิดเผยระดับวรยุทธมาก่อน เมื่อตอนอยู่ที่ตระกูลหลัว ก็เป็นหวู่เฉินซึ่งเป็นบริวารของเธอที่สู้รบกับเหล่าผู้อาวุโส ไม่ใช่ตัวเธอเอง
พวกเขาคาดเดาว่าหลัวลั่วชิงน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญผู้ไร้เทียมทานคนหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วงหรอก” รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงเธอ หลัวลั่วชิงหัวเราะเบาๆ “คุณควรจะกลับไปที่เมืองและแจ้งให้คนอื่นๆทราบข่าวนี้ ให้พวกเขามาจัดการศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจเหล่านี้เสีย และย้ายการตรึงกำลังมาที่ฉนวนแห่งมิติ ส่วนที่เหลือ…ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
หลังจากพูดจบ หลัวลั่วชิงก็ผลักเซียนดาบชิงเหมิงเบาๆ
ฟึ่บ!
เซียนดาบชิงเหมิงพลันรู้สึกว่ารอบตัวพวกเขาพร่าเลือน ภาพที่เห็นตรงหน้าบิดเบี้ยวไปหมด และในชั่วพริบตา ทั้งคู่ก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในห้องโถงใหญ่ของป้อมปราการ
“เอ่อ…”
ทั้งสองนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ
นำพวกเขากลับมาสู่ห้องโถงใหญ่ได้อย่างตรงพิกัดด้วยการผลักเบาๆเท่านั้น…ความเข้าใจในกฎเกณฑ์แห่งมิติของเธอจะต้องล้ำลึกขนาดไหน?
ต่อให้ปรมาจารย์หยางก็ทำแบบนี้ไม่ได้!
“หรือว่าเธอจะเป็น…นักปราชญ์โบราณ?” เซียนดาบเหมิงพึมพำด้วยสีหน้าทึ่งสุดขีด
เธอรู้ว่าสาวน้อยที่ลูกชายของเธอหลงรักมีความแข็งแกร่งในระดับที่ไม่ธรรมดา บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าเธอกับเซียนดาบชิงเสียอีก แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไร้เทียมทานขนาดนี้
ตัวเธอกับเซียนดาบชิงสามารถรับมือกับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานได้หากผนึกกำลังกัน แต่หลัวลั่วชิงส่งพวกเขาทะลุมิติกลับมาได้โดยที่ยังไม่ทันจะรู้ตัว ถ้าหลัวลั่วชิงใช้ความสามารถของเธอไปกับการโจมตี ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอจะต้องน่าทึ่งอย่างมากแน่
“นักปราชญ์โบราณ? จะมีนักปราชญ์โบราณที่อายุยังน้อยอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ได้อย่างไร?” เซียนดาบชิงส่ายหน้าและทักท้วงการคาดเดาของเซียนดาบเหมิง
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่อาจหยั่งถึงพละกำลังที่แท้จริงของหลัวลั่วชิง จึงได้แต่ส่ายหน้าและพูดว่า “เอาเถอะ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากเลย ถึงอย่างไรผมก็คิดว่าเราควรจะไว้วางใจให้เธอช่วยเหลือเซวียนเอ๋อ”
หลังจากพูดจบ เขาก็บินไปยังพื้นที่กลางอากาศบริเวณป้อมปราการและสั่งการ “เหล่าสมาชิกตระกูลจาง ฟังคำสั่งของผม! ออกเดินหน้าเพื่อกวาดเก็บทรัพย์สมบัติจากสงคราม!”
“กวาดเก็บทรัพย์สมบัติจากสงคราม?”
เหล่าผู้อาวุโสที่อารักขาอยู่นอกเมืองต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินคำสั่งนี้ และยิ่งงุนงงกว่าเดิมเมื่อได้เห็นบุคคลผู้ออกคำสั่ง
พวกเขาเพิ่งเห็นรองหัวหน้าตระกูลเดินลึกเข้าไปในแคมป์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ยังไม่ทันจะรู้ตัว รองหัวหน้าของพวกเขาก็กลับมาที่ป้อมปราการแล้ว เรื่องนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสสงสัยมาก
“หัวหน้าจางเซวียนแทรกตัวเข้าไปในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจและสังหารพวกมันไปถึงหมื่นตัว ด้วยสิ่งนี้ วิกฤตการณ์ที่อาณาจักรใต้ดินแห่งภูเขาพยัคฆ์มังกรจึงได้รับการแก้ไขแล้ว!” เห็นสีหน้างุนงงของฝูงชน เซียนดาบชิงอธิบายสถานการณ์พร้อมกับหัวเราะลั่น
“ท่านหัวหน้าของเราสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจไปหมื่นตัวด้วยน้ำมือของเขาเอง?”
“กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจที่พวกเราจนปัญญาจะรับมือด้วยถูกกำจัดไปจนสิ้นซากโดยท่านหัวหน้าของเราเพียงคนเดียว?”
“เอ่อ…นี่ผมหูฝาดหรือเปล่า?”
….
ทุกคนในตระกูลจางพากันอึ้งตะลึง พวกเขางงงันจนทำอะไรไม่ถูก
แต่ละคนเคยได้ยินเรื่องราวของเหล่าวีรบุรุษที่บุกเข้าไปท่ามกลางดงศัตรูเพื่อตัดศีรษะแม่ทัพฝ่ายตรงข้าม แล้วก็เคยได้ยินเรื่องราวของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่สู้รบกับข้าศึกจำนวนหลายร้อยคนพร้อมๆกันอย่างกล้าหาญ แต่สำหรับคนเพียงคนเดียวที่กวาดล้างได้ทั้งกองทัพ…มันเกิดอะไรขึ้นกันนี่?
…..
จางเซวียนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลจาง เขาเดินลึกเข้าไปในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
มันเป็นอีกโลกหนึ่งที่ใหญ่โตพอๆกับทวีปแห่งปรมาจารย์ ตอนนี้มองไม่เห็นขอบฟ้า โลกใบนี้ไม่มีดวงอาทิตย์ มีแต่พระจันทร์สีเลือดที่ลอยอยู่ นำความรู้สึกหดหู่มายังโลกที่อยู่เบื้องล่าง
เจตนาสังหารของโลกใบนี้ดูจะเข้มข้นเป็นพิเศษและขึ้นตรงกับพระจันทร์สีเลือด ราวกับพลังปราณพิเศษของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นมีต้นกำเนิดจากที่นั่น
จางเซวียนเลิกคิ้ว อยู่ที่นี่เหมือนตกนรกทั้งเป็น ไม่น่าแปลกใจแล้วว่าทำไมเผ่าพันธุ์ปีศาจถึงอยากยึดครองทวีปแห่งปรมาจารย์…
แม้พลังปราณเทียบฟ้าของจางเซวียนจะทำให้เขาปลอดภัยจากเจตนาสังหาร แต่ก็รู้สึกว่าจิตใจ ค่อยๆหยาบกระด้างและกระหายความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าไม่นาน เขาจะต้องปรารถนาการนองเลือดแน่
โลกนี้ไม่ใช่สถานที่ที่มีความเห็นอกเห็นใจกัน
ถ้าตัวเขาเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็คงจะบุกทวีปแห่งปรมาจารย์ไปแล้ว
เราไม่คิดว่าจะหาทางออกจากที่นี่ได้หากปราศจากแผนที่ เราควรจะกลับไปแล้วรอให้ไอ้โหดตื่นก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ จะดีกว่าไหม?
อันที่จริง เป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นที่ทำให้จางเซวียนเข้าสู่สนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ เมื่อรู้ตัวแล้วว่าเขาไม่อาจระบุทิศทางได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ก็รู้สึกว่าอาจจะดีกว่าถ้าตอนนี้จะกลับไปก่อน
เพราะมันจะเป็นหายนะครั้งใหญ่เลยทีเดียวหากเขาหลงทาง
แต่ขณะที่จางเซวียนกำลังจะกลับ ก็ได้ยินเสียงพายุหวีดหวิวมาแต่ไกล จากนั้น เสียงของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวหนึ่งก็ดังขึ้น “เร็วเข้าสิ!”
จางเซวียนรีบใช้แก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติอำพรางร่างของตัวเอง ก่อนจะมุ่งหน้าไปตามทิศทางของต้นเสียง