อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1702 เสือขาวประหลาดใจ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1702 เสือขาวประหลาดใจ
“แคว่กกก!”
เกิดเสียงแคว่กราวกับผืนผ้าแห่งมิติถูกฉีกกระชาก การเคลื่อนไหวของเสือขาวหน้าผากแดงนั้นทรงพลังและรวดเร็วเสียจนทำให้เกิดเสียงกึกก้องกลางอากาศ
ท่าทีโอหังที่จางเซวียนแสดงต่อมันทำให้มันโมโหเดือด
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ทรงพลังกว่าตอนที่มันเล่นงานมู่เสี่ยวกับคนอื่นๆมาก ต่อให้ของล้ำค่าระดับเซียนขั้นสูงสุดก็ต้องแหลกสลายเพราะพลังของมัน
สุดท้าย ก็ดูเหมือนชายหนุ่มที่กำลังเผชิญหน้ากับเสือขาวหน้าผากแดงจะเกิดความหวาดกลัวจนเสียสติ เขายืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ไม่คิดจะหลบเลี่ยงการโจมตีเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมยังสงสัยอยู่ว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับไหน ใครจะไปคิดว่าคุณมันก็แค่ไอ้ขี้ขลาด!
เสือขาวหน้าผากแดงคำรามเย้ยหยันขณะตะปบกรงเล็บลงบนศีรษะของชายหนุ่ม
บึ้มมม!
แต่ตรงกันข้ามกับที่ทุกคนคิดไว้ ไม่เกิดการระเบิดใดๆขึ้น กลับเกิดเสียงกระทบกันดังกึกก้องของอาวุธที่ดังสนั่นไปทั่วกลางอากาศ เสือขาวหน้าผากแดงหรี่ตาก่อนจะรีบถอนกรงเล็บกลับ
มันใช้พละกำลังเต็มพิกัดเพื่อเล่นงานศีรษะของชายหนุ่ม แต่ไม่เพียงอีกฝ่ายจะไม่เป็นอะไร กรงเล็บของมันยังชาไปหมดด้วย!
ตอนนั้นเอง เสือขาวหน้าผากแดงก็รู้ได้ทันทีว่า แม้ดูเผินๆชายหนุ่มจะเป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ แต่พละกำลังของเขาเหนือชั้นกว่านั้นมาก
ฮื่ออออ!
มันคำรามเสียงอ่อย เสือขาวหน้าผากแดงหันหลังกลับและหนีไป
นี่มันบ้าอะไร…
มันกำลังวางแผนจะหาของว่างใส่ท้องเสียหน่อย แต่ลงท้ายก็มาเจอของแข็งที่เคี้ยวยาก!
แบบนี้ดูท่าจะไม่ดี มันควรกลับไปนอนแล้วหลับสักงีบ บางที เมื่อตื่นขึ้นมา มันอาจจะพบว่าเรื่องนี้เป็นแค่ฝันร้าย…
เหล่าอสูรที่อยู่ในมิติลี้ลับไม่ค่อยได้เจอกับการต่อสู้ และสติปัญญาของพวกมันก็อ่อนด้อยกว่าอสูรที่อยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะโง่จนถึงขั้นรนหาที่ตาย
ในเมื่อมันไม่สามารถเล่นงานศีรษะของชายหนุ่มได้ทั้งๆที่ปล่อยพละกำลังเต็มพิกัดแล้ว ก็ชัดเจนว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่มันควรเข้าไปยุ่งด้วย อย่างคำพูดหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ‘ในบรรดา 36 ยุทธวิธี หาทางหนีจะดีกว่า!’
“ผมอนุญาตให้คุณไปแล้วหรือ?”
จางเซวียนจะปล่อยให้เสือขาวหน้าผากแดงจากไปตามอำเภอใจได้อย่างไรหลังจากที่มันตะปบหัวเขาแล้ว? เขาปล่อยลูกเตะออกไปโดยไม่ลังเล
พรื่ดดดดด!
เสื้อขาวหน้าผากแดงลื่นไถลไปกว่า 10 เมตรก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น มันหัวหมุนเสียจนไม่สามารถทรงตัวให้เป็นปกติได้!
“คุณเล่นสนุกพอแล้ว ถึงเวลาต้องยอมจำนนให้ผมแล้วนะ!” จางเซวียนพูดขณะเตะเสือขาวหน้าผากแดงอีกครั้ง
1 นาทีต่อมา…
เลือดหยดหนึ่งลอยเข้าสู่หว่างคิ้วของจางเซวียน ในที่สุดเสือขาวหน้าผากแดงก็ยอมจำนน
“ต้องแบบนี้สิ” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ เขากระโดดขึ้นขี่หลังเสือขาวก่อนจะหันไปมองฝูงชนด้านหลังที่นัยน์ตาแทบปะทุออกจากเบ้า “ผมยังมีเรื่องอื่นที่ต้องไปจัดการ ขอตัวก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ จางเซวียนก็ใช้ขากระทุ้งสีข้างของมัน เสือขาวหน้าผากแดงวิ่งเหยาะๆออกไปทันทีและหายเข้าป่าไปในชั่วพริบตา ราวกับไม่เคยปรากฏตัวที่นั่นมาก่อน
“เขา…ทำให้เสือขาวหน้าผากแดงยอมจำนนได้?”
“ใช้เวลาถึง 3 นาทีหรือเปล่า? พระเจ้าช่วย! นี่ผมเพิ่งเห็นอะไรไปนี่?”
…..
มู่เสี่ยวกับคนอื่นๆกลืนน้ำลายหลายอึกใหญ่
พวกเขาเคยคิดว่าหมอนี่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นคนจริงที่แฝงตัวมา!
ต่างคนต่างรับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหันแบบนี้ไม่ได้
“ถ้ารู้เสียก่อน ผมคงพยายามเป็นมิตรกับเขามากกว่านี้ ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้คอยหนุนหลัง ผมคงได้อะไรจากที่นี่มากกว่าเดิมหลายเท่า!”
“พวกเราถูกความโลภบดบัง ในบรรดาอสูรทั้ง 3 ตัวที่เราได้สังหารก่อนหน้านี้ เราไม่ได้แบ่งอะไรให้เขาสักนิดเลย ดูจากสิ่งที่เราทำกับเขา ก็ต้องขอบคุณแล้วล่ะที่เขาไม่หมายเอาชีวิตเรา…”
“เฮ่ออออ! เราพลาดโอกาสงามไปแล้วนะนี่…”
…..
ฝูงชนต่างเสียใจกับการกระทำก่อนหน้านี้ของพวกเขา
ก็จริงที่ว่ายังมีทรัพย์สมบัติรอคอยพวกเขาอยู่อีกมากในวิหารแห่งขงจื๊อ แต่มันก็มีมากพอๆกับอันตราย หากพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญคอยคุ้มกันให้ ก็คงจะกอบโกยทรัพย์สมบัติได้มากกว่านี้ โชคร้ายที่ความละโมบโลภมากทำให้พวกเขาพลาดโอกาส ซึ่งก็คงจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว
…..
จางเซวียนไม่รับรู้ความคิดของนักรบทั้งกลุ่มที่เขาเพิ่งจากมา เขามุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยขี่หลังอสูรเสือขาวหน้าผากแดง
“แกเป็นอสูรที่อาศัยอยู่ในมิติลี้ลับแห่งนี้ รู้หรือเปล่าว่าวิหารแห่งขงจื๊ออยู่ที่ไหน?”จางเซวียนตั้งคำถาม
หลากหลายวิธีการที่เขาใช้ก็ล้วนแต่ล้มเหลว เขาไม่อาจค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของวิหารแห่งขงจื๊อได้ ในเมื่อเสือขาวหน้าผากแดงเติบโตที่นี่ ก็น่าจะคุ้นเคยกับบริเวณโดยรอบเป็นอย่างดี มันน่าจะเป็นผู้นำทางที่ดีที่สุดสำหรับเขา แทนที่จะมัวตระเวนเร่ร่อนอย่างไร้จุดหมายอยู่แบบนี้
“นายท่าน…วิหารแห่งขงจื๊อคืออะไร?” เสือขาวหน้าผากแดงถามอย่างลังเล
จางเซวียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามนั้น “แกไม่รู้จักจริงๆหรือ?”
เสือขาวหน้าผากแดงส่ายหน้า
จางเซวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ “แกรู้จักพื้นที่บางส่วนในบริเวณนี้ที่เป็นเขตหวงห้ามไม่ให้พวกแกเข้าไปบ้างหรือเปล่า?”
ดูเหมือนวิหารแห่งขงจื๊อจะเป็นเขตหวงห้ามสำหรับเหล่าอสูร ในเมื่อเสือขาวหน้าผากแดงไม่คุ้นเคยกับคำว่า ‘วิหารแห่งขงจื๊อ’ แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะรู้จักพื้นที่ที่เป็นเขตหวงห้าม
ได้ยินคำถามของจางเซวียน เสือขาวหน้าผากแดงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ในบริเวณนี้มีพื้นที่หนึ่งที่เป็นเขตหวงห้าม มันคืออาณาเขตของเสือเมฆวิญญาณทอง มีครั้งหนึ่งที่ผมพลาดพลั้งก้าวล่วงอาณาเขตของมันเข้าโดยบังเอิญ และสุดท้ายก็ถูกซ้อมจนเกือบตาย นายท่าน, เสือเมฆวิญญาณทองเป็นนายใหญ่ที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมีหมื่นลี้จากที่นี่ มันน่าจะช่วยคุณเรื่องสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่ได้!”
“เสือเมฆวิญญาณทอง?” จางเซวียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นหู
จากการอ่านหนังสือทั่วทั้งปูชนียสถานนักปราชญ์ เขาได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับเหล่าอสูรที่มีอยู่ในโลก รวมถึงสายพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วด้วย แต่ก็ไม่เคยได้ยินชื่อเสือเมฆวิญญาณทองมาก่อน
“ใช่แล้ว เธอ…เป็นเสือตัวเมีย ผมเคยพยายามจีบเธออยู่ครั้งหนึ่ง แต่…แค่ก แค่ก ก็ไม่สำเร็จ!” เสือขาวหน้าผากแดงพูดด้วยความกระอักกระอ่วน
สมัยนั้น มันภาคภูมิใจในขนสีขาวที่เรียบลื่นราวกับไหมของตัวเองบวกกับรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น จึงพยายามจะเข้าหาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเสือเมฆวิญญาณทอง แต่เพียงครู่เดียวหลังจากที่มันล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตของอีกฝ่าย ยังไม่ทันที่มันจะได้พบเธอเลยด้วยซ้ำ ก็ถูกสอยกระเด็นออกมา และต้องเดินหางจุกตูดกลับไป
เมื่อหวนคิดเรื่องนั้น ก็รู้สึกว่าช่างน่าอับอายเหลือเกิน
แม่เสือสาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยเลยจริงๆ!
หลังจากนั้น มันก็ตั้งใจว่าจะไม่ตามหาแม่เสือสาวตัวไหนมาเป็นภรรยาอีก เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะถูกสังหารยามหลับ สำหรับตอนนี้ หมาป่าตัวเมียที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกับมันดูจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อยและน่าสนใจกว่า
จางเซวียนไม่รู้ว่าเสือขาวหน้าผากแดงเริ่มจะคิดวกวนวุ่นวาย เขาตั้งคำถามต่อ “มันแข็งแกร่งแค่ไหน?”
แม้อสูรที่เขาเพิ่งพบจะมีวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ โลกจารึก แต่ประสิทธิภาพการป้องกันตัวและพละกำลังอันน่าทึ่งของมันก็ทำให้มันเอาชนะได้แม้แต่อสูรที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน ขั้นกลาง
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังถูกเล่นงานโดยเจ้าตัวที่มีชื่อว่าเสือเมฆจิตวิญญาณทอง แล้วเจ้าตัวนั้นจะต้องทรงพลังขนาดไหน?
“มันมีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึก เป็นหนึ่งในห้าผู้ยิ่งใหญ่ของป่านี้!” เสื้อขาวหน้าผากแดงอธิบาย
“ห้าผู้ยิ่งใหญ่?”
“ใช่ พวกเขาคืออสูร 5 ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในป่า สำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึก หากจะเปรียบเทียบกัน ภายในป่านี้ผมก็เป็นแค่อสูรระดับกลางขั้นต่ำเท่านั้น” เสือขาวหน้าผากแดงตอบ ตรงไปตรงมา ไม่กล้าโกหกเจ้านายคนใหม่ของมัน
“นายท่าน หากคุณอยากค้นหาอะไรสักอย่างล่ะก็ พวกเขาจะต้องรู้ดีกว่าผมแน่!”
จางเซวียนพยักหน้ารับ
ยิ่งอสูรตัวนั้นมีสถานภาพสูงขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความรู้มากขึ้นเท่านั้น
“พาฉันไปหาเสือเมฆวิญญาณทอง!” จางเซวียนสั่งการ
“ขอรับ นายท่าน”เสือขาวหน้าผากแดงไม่กล้าพูดอะไรอีก มันรับคำสั่งก่อนจะวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เคร้งงงง! เคร้งงงง!
ระหว่างการเดินทาง จางเซวียนได้ยินเสียงกระทบกันของโลหะดังอยู่เบื้องหน้า เมื่อเข้าไปใกล้ ก็เห็นคนสองกลุ่มกำลังทะเลาะกันเพื่อแย่งสมุนไพรต้นหนึ่ง
แต่ทั้งสองกลุ่มนั้นก็หยุดการเคลื่อนไหวทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา อีกครู่หนึ่ง พวกเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังของเสือขาวตัวใหญ่ และกำลังตรงเข้ามาหา
“นั่นคือเสือขาวหน้าผากแดงซึ่งมีวรยุทธขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณ โลกจารึกหรือเปล่า?”
“หมอนั่นเป็นใครน่ะ? ทำไมถึงขี่หลังเสือได้?”
“รอเดี๋ยว…หรือว่าเขาเพิ่งทำให้เสือขาวหน้าผากแดงตัวนี้ยอมจำนนได้?”
…..
นักรบทั้งสองกลุ่มถึงกลับพรั่นพรึงเมื่อได้เห็นจางเซวียนกับเสือของเขา ตะลึงเสียจนลืมความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย พวกเขาเปิดทางให้จางเซวียนผ่านไปโดยอัตโนมัติ
ส่วนจางเซวียนก็โบกมือให้ฝูงชนพร้อมกับยิ้มให้ ราวกับผู้บังคับบัญชาที่กำลังตรวจการทำงานของลูกน้อง เขาเอ่ยทักทาย “สวัสดีทุกคน ผมเห็นแล้วว่าพวกคุณกำลังทำงานหนัก ทำต่อไปนะ ทำต่อไป ไม่ต้องสนใจการมาของผมหรอก ผมแค่ผ่านมาเท่านั้น…”
หลังจากพูดจบ ก็กระทุ้งสีข้างของเสือขาวเบาๆ
ฟึ่บ!
ร่างของเสือขาวหน้าผากแดงเปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาวขณะที่พุ่งผ่านฝูงชนไป เมื่อลำแสงนั้นกระทบกับแสงอาทิตย์ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนหลังเสือก็ดูสง่างามและทรงพลังราวกับเทพเจ้า
“ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงมันต้องเป็นแบบนี้…”
ฝูงชนพึมพำกับตัวเอง
ขณะที่พวกเขากำลังดิ้นรนและพยายามเอาชีวิตรอดเพื่อปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ อีกฝ่ายกลับทำให้อสูรระดับเซียนที่แสนจะทรงพลังพาเขาสำรวจไปได้ทั่วพื้นที่
มันคือช่องว่างที่ไม่มีทางเอื้อมถึงได้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญตัวจริงกับคนธรรมดาอย่างพวกเขา
“…เกือบลืมแน่ะ เอาสมุนไพรนั่นมาให้ผมนะ!”
“ได้ที่ไหนล่ะ! นี่มันของผม…”
เมื่อหายตกตะลึงแล้ว พวกเขาก็เริ่มตะโกนและยื้อแย่งสมุนไพรกันต่อไป