อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1704 เสียงร้องขอความช่วยเหลือ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1704 เสียงร้องขอความช่วยเหลือ
อสูรตัวมหึมาที่ออกมาจากถ้ำมีความยาว 10 เมตรและสูงราว 5 เมตร คล้ายคลึงกับเสือขาวหน้าผากแดง แต่ขนของมันเป็นสีทองเปล่งประกาย แม้ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว แต่ผู้ที่ได้พบเห็นก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความกระหายเลือดที่อบอวลอยู่ในอากาศ
หลังจากเข้าสู่มิติลี้ลับ พวกเขาได้เห็นอสูรมากมาย ระดับวรยุทธของพวกมันสูงจนน่าสะพรึง แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้นั้นออกจะอ่อนด้อยไปบ้าง การรับมือกับพวกมันยังคงไม่ง่าย แต่ก็มีโอกาสที่พวกมันจะสร้างความผิดพลาดด้วยการเปิดจุดอ่อน
แต่เรื่องพวกนี้ไม่อาจใช้กับอสูรขนาดมหึมาที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาได้ จากเจตนาสังหารเข้มข้นที่ดูจะพวยพุ่งออกมาจากทุกอณูในร่างกาย จนถึงความหวาดระแวงในดวงตา ชัดเจนว่ามันคืออสูรที่คร่ำหวอดกับการต่อสู้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีอสูรทรงพลังมากมายที่ต้องล้มตายด้วยกรงเล็บของมัน
การจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของป่าผืนนี้ อสูรตัวนั้นจะต้องมีพละกำลังไร้เทียมทาน
เสือเมฆวิญญาณทองกวาดสายตาเย็นเยียบมองกลุ่มคนทั้ง 8 จากนั้นก็คำราม “เนิ่นนานเหลือเกินแล้วที่ใครสักคนจะอาจหาญเข้ามาวุ่นวายในอาณาเขตของฉัน”
น่าประหลาดที่เสือเมฆวิญญาณทองสามารถพูดภาษามนุษย์
หลายหมื่นปีแล้วที่ไม่มีมนุษย์คนไหนได้เข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อ ด้วยเหตุนี้ หมาป่าเวหาหน้าทองและเสือขาวหน้าผากแดงจึงสามารถสื่อสารกันด้วยภาษาดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์ของพวกมันเท่านั้น หลังจากที่จางเซวียนทำให้มันยอมจำนนได้แล้ว จึงสามารถติดต่อสื่อสารกับมันโดยใช้โทรจิตได้
แต่เจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้พูดภาษามนุษย์ได้อย่างชัดเจน แม้แต่จางเซวียนก็ประหลาดใจกับความผิดปกติที่เห็น
“อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย เข้าเรื่องเถอะ!” หวูชางผิงตวาดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
การที่เสือเมฆวิญญาณทองพูดภาษามนุษย์ได้นั้นย่อมหมายความว่ามันรู้เรื่องของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ไม่น้อย และข้อเท็จจริงที่ว่ากลลวงก่อนหน้านี้ของพวกเขาใช้การไม่ได้ผล ก็คงเป็นเพราะอีกฝ่ายรู้แกวตั้งแต่ต้น
ฟึ่บ!
กลุ่มนักรบทั้ง 8 เงื้ออาวุธขึ้นและตีวงล้อมเสือเมฆวิญญาณทอง รังสีของพวกเขาเชื่อมโยงกัน เกิดเป็นรูปร่างอันน่าทึ่งราวกับเส้นด้ายที่ถักทอพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน เพียงแค่ชำเลืองมอง ก็เห็นชัดแล้วว่ามันคือค่ายกลชั้นยอด พวกเขายังใช้ของล้ำค่าบางอย่างที่มีอานุภาพไร้เทียมทานด้วย
ไม่น่าแปลกใจที่คนกลุ่มนี้ไม่เต็มใจจะให้จางเซวียนเฝ้าดู พวกเขาเตรียมการมาอย่างดีเพื่อจะเอาชนะและทำให้เสือเมฆวิญญาณทองยอมจำนนให้ได้ จึงไม่มีทางที่จะยอมเสี่ยงให้ใครสักคนมาฉกฉวยผลงานจากหยาดเหงื่อแรงงานของพวกเขาไป
“ไร้ประโยชน์อะไรเช่นนี้!”
เสือเมฆวิญญาณทองคำรามกร้าว ไม่ใส่ใจการเคลื่อนไหวของทั้งกลุ่ม มันกระทืบเท้าอย่างแรงและกระโจนเข้าใส่ชายวัยกลางคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
ดูเหมือนมันตั้งใจจะบุกเข้าทำลายค่ายกลด้วยการพุ่งการโจมตีไปที่นักรบคนหนึ่งก่อน
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันที่กรงเล็บของมันจะตะปบลงไป พลังงานเข้มข้นก็พุ่งเข้าสู่ร่างของชายวัยกลางคนผ่านเส้นด้ายที่ถักทออยู่โดยรอบ ทำให้เขามีพละกำลังเต็มเปี่ยม ร่างของเขาเรืองแสงออกมา
เมื่อได้รับการเสริมกำลังจากกระแสพลังงาน ชายวัยกลางคนผู้นั้นเงื้อกระบี่ขนาดใหญ่ของเขาขึ้นและพุ่งมันออกไปอย่างแรง
กระแสกระบี่ฉีขนาดใหญ่ก่อเกิดเป็นภาพติดตา เป็นภาพของหอคอยสูงตระหง่านที่อยู่กลางอากาศ
บึ้มมมม!
กรงเล็บกับผ้าปิดตาที่เกิดจากกระแสกระบี่ฉีปะทะกัน เสือเมฆวิญญาณทองต้องล่าถอย
ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาสามารถถ่ายทอดพละกำลังของทั้งกลุ่มเข้าสู่ร่างของคนๆเดียวได้…
จางเซวียนพยักหน้า
ไม่มีทางที่ชายวัยกลางคนผู้นี้จะรับมือกับการโจมตีของเสือเมฆวิญญาณทองโดยลำพังได้ เพราะการใช้เส้นด้ายนั้นที่ทำให้ทั้งกลุ่มสามารถถ่ายทอดพละกำลังเข้าสู่ร่างของชายวัยกลางคน ทำให้เขามีพละกำลังเหนือกว่าเสือเมฆวิญญาณทอง
ด้วยการผนึกกำลังกันแบบนี้ ต่อให้อสูรที่ทรงพลังอย่างเสือเมฆวิญญาณทองก็ไม่อาจทำลายปราการป้องกันตัวของพวกเขาได้
“ดูเหมือนพวกเขาจะใช้ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่”
เมื่อพิจารณาจากการที่ด้ายเส้นนั้นสามารถต้านทานพละกำลังของกลุ่มคนมากมายโดยไม่กีดขวางพละกำลังของชายวัยกลางคนผู้นั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของล้ำค่าที่พวกเขาใช้จะต้องเป็นระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นอย่างน้อย
ถึงจะยังไม่อาจเทียบชั้นกับหอกสวรรค์กระดูกมังกรได้ แต่ก็ถือว่าทัดเทียมกับกระบี่สีทองของอู๋ชู่
“เข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกคุณถึงกล้าท้าทายฉัน มีไม้เด็ดอยู่กับมือนี่เอง…”
เสือเมฆวิญญาณทองคำรามเสียงเย็นหลังจากที่เห็นว่าไม่อาจฝ่าด่านการป้องกันตัวของคนเหล่านั้นได้ แต่มันก็ไม่แสดงอาการของความปั่นป่วนแม้แต่น้อย กลับฟาดหางอันหนาหนักของมันอย่างโกรธเกรี้ยว
หางนั้นใช้ต่างอาวุธได้ มันมีพละกำลังมากกว่ากรงเล็บเสียอีก เสือเมฆวิญญาณทองฟาดหางเข้าใส่ชายวัยกลางคนอีกครั้ง
เมื่อรับรู้ถึงอันตรายจากการฟาดหาง ชายวัยกลางคนเงื้อกระบี่ของเขาขึ้นอีกครั้งเพื่อรับการโจมตี
พลั่ก!
กระบี่กับหางปะทะกัน คราวนี้เป็นชายวัยกลางคนที่หน้าซีดเผือดและต้องล่าถอยไปหลายก้าว
เสือเมฆวิญญาณทองใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าโจมตีซ้ำ มันกวัดแกว่งกรงเล็บอย่างดุเดือด
วิธีที่ดีที่สุดที่จะเอาชนะค่ายกลผนึกกำลัง หากไม่สามารถวิเคราะห์โครงสร้างและข้อบกพร่องของมันได้ก็คือการเลือกโจมตีเป็นรายบุคคล ชัดเจนว่าเสือเมฆวิญญาณทองรู้ดีถึงความเป็นจริงข้อนี้เช่นกัน
การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วและทรงพลังมาก ดูเหมือนชายวัยกลางคนจะไม่สามารถรับมือไหวและคงจะต้องพ่ายแพ้ในเร็วๆนี้ จางเซวียนได้แต่ส่ายหน้า
การโจมตีนั้นไม่ได้ผล…
ถ้าการเอาชนะของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่มันง่ายแบบนั้น นักรบมากมายก็คงไม่แทบคลุ้มคลั่งเพื่อตามหามัน
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิด ครู่ต่อมา หวูชางผิงก็สร้างฉนวนขึ้นมาห่อหุ้มมือของเขา
ฟิ้ววววว!
พริบตาต่อมา เส้นด้ายที่อยู่กลางอากาศก็ถูกดึง กระแสพลังงานเข้มข้นถูกส่งจากทั้งกลุ่มเข้าสู่เส้นด้ายนั้น เกิดเป็นความทนทานและพละกำลังอันไม่น่าเชื่อ
“โจมตี!”
ด้วยคำสั่งของหวูชางผิง สมาชิกคนอื่นๆต่างเงื้ออาวุธและพุ่งเข้าใส่เสือเมฆวิญญาณทองโดยผ่านเส้นด้ายนั้น
“ฮื่ออออ!”
เสือเมฆวิญญาณทองนึกไม่ถึงว่าเส้นด้ายจะมีพละกำลังอันน่าอัศจรรย์ มันรีบเงยหน้าขึ้นและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
ฟิ้ววววว!
กระแสดาบฉีสีทองมากมายพุ่งออกจากปากของมันเพื่อตอบโต้อาวุธและเส้นด้ายนั้น
มันยิงกระแสดาบฉีได้ด้วยหรือ? เสือเมฆวิญญาณทองช่างน่าทึ่งเสียจริง! จางเซวียนตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ
เขาคิดว่าเจ้าอสูรยักษ์ใหญ่ตัวนี้คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้ให้กับทั้งกลุ่ม แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะปล่อยกระแสดาบฉีมากมายออกมาได้? ลำพังแค่พละกำลังและความทนทานของเสือเมฆวิญญาณทอง ก็ยากที่จะรับมือด้วยด้วยแล้ว หากมันใช้เทคนิคการต่อสู้เพิ่มเข้ามาอีก หวูชางผิงและคนอื่นๆคงต้องเผชิญกับความยากลำบากไม่เบากว่าจะเอาชนะมันได้
“เสือเมฆวิญญาณทองเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการโจมตีโดยใช้องค์ประกอบของโลหะ แต่คุณคิดว่าพวกเราไม่มีวิธีรับมือหรือ? บอกอะไรให้นะ นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเรารอคอยอยู่!” หวูชางผิงหัวเราะอย่างประกาศชัยชนะขณะเคาะนิ้ว
ฟึ่บ!
พริบตาต่อมา เส้นด้ายก็เปลี่ยนสี มันกลายเป็นสีที่เหมือนกับลาวา เหมือนมีเปลวไฟแผดเผาอยู่ในนั้น
ฟิ้วววว!
นักรบทั้งกลุ่มปล่อยพลังปราณเข้าสู่เส้นด้าย ราวกับน้ำมันที่ถูกจุดไฟ เปลวเพลิงแผดเผาระเบิดออกมา
ในชั่วพริบตา ตาข่ายที่มีเปลวไฟลุกโพลงก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ โอบล้อมร่างของเสือเมฆวิญญาณทองไว้
คนพวกนี้เตรียมตัวมาดีจริงๆ ดูเหมือนคราวนี้เสือเมฆวิญญาณทองจะต้องพ่ายแพ้แน่ จางเซวียนตั้งข้อสังเกตในใจด้วยความยำเกรงเล็กน้อย
สมกับที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของดงอสูร หวูชางผิงมีความรู้ความเข้าใจในตัวเหยื่อของเขาเป็นอย่างดี สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อีกทั้งการวางแผนและการสำแดงพละกำลังของเขาก็น่าชื่นชม
โลหะนั้นเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องความคมและความทนทาน เสือเมฆวิญญาณทองมีองค์ประกอบของโลหะ ซึ่งทำให้มันเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือด้วยได้ยาก
แม้เส้นด้ายที่พวกเขานำมาใช้จะทนทานและสามารถใช้ถ่ายทอดพลังปราณได้ แต่ก็คงอยู่ได้ไม่นานก่อนที่จะแหลกสลายไป
แต่เพราะคาดเดาไว้แล้ว หวูชางผิงจึงเตรียมไฟเอาไว้
ในบรรดาธาตุทั้ง 5 ไฟมีฤทธิ์ทำลายโลหะ!
ทันทีที่เกิดเปลวเพลิงระเบิดขึ้นมา องค์ประกอบของโลหะในร่างของเสือเมฆวิญญาณทองก็จะ อ่อนแรงลงไป อันที่จริง การที่มันเพิ่งปล่อยการโจมตีที่มีองค์ประกอบของโลหะออกไปเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้แรงตีกลับนั้นรุนแรงกว่าปกติ
เพียงกระบวนท่าเดียว สถานการณ์ก็พลิกผัน
เราจะประมาทความสามารถของเหล่าผู้เชี่ยวชาญในโลกนี้ไม่ได้เลย…จางเซวียนคิด
แม้การครอบครองหอสมุดเทียบฟ้าจะทำให้เขาได้เปรียบในการต่อสู้ แต่ก็ไม่อาจหลงระเริงได้ เพราะยังมีวิถีทางอีกมากมายที่คนอื่นๆจะต้อนเขาให้จนมุมและทำให้เขาต้องยอมแพ้
ถ้าจางเซวียนอยู่ในสภาพเดียวกันกับเสือเมฆวิญญาณทอง วิธีเดียวที่เขาจะทำได้ก็คือต้องนำศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณออกมา
“ฮื่ออออ!”
เห็นตาข่ายเปลวเพลิงเข้ามาใกล้มันขึ้นทุกที เสือเมฆวิญญาณทองรู้ว่าคู่ต่อสู้เตรียมตัวมาอย่างดี มันรู้ตัวว่าตอนนี้ตกอยู่ในสภาวะที่เสียเปรียบอย่างมาก
ทันใดนั้น มันก็เงยหน้าขึ้นและคำรามอีกครั้ง
แต่คราวนี้เสียงคำรามไม่มีวี่แววของความเกรี้ยวกราด จางเซวียนกลับรู้สึกได้ถึงการร้องขอ ดูเหมือนเสียงร้องที่แสดงความสิ้นหวัง
“มันร้องขอความช่วยเหลือ…เสือเมฆวิญญาณทองมีสหายด้วยหรือ?” หวูชางผิงหน้าถอดสีด้วยความพรั่นพรึง