อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1729 จ้าวหย่าอยู่ไหน?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1729 จ้าวหย่าอยู่ไหน?
รู้ดีว่านั่นคือการแสดงความกตัญญูจากลูกชาย เซียนดาบชิงเหมิงจึงไม่ปฏิเสธของขวัญของจางเซวียนและรับหยดเลือดจากเขาไว้
แม้หยดเลือดจะมีขนาดเล็กมาก แต่เมื่อมันหยดลงบนมือของเซียนดาบชิงเหมิง ทั้งคู่ก็แทบทรุดฮวบลงกับพื้น
น้ำหนักนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะกับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ แม้เส้นขนเพียงเส้นเดียวของพวกเขาก็หนักราวกับภูเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการที่เซียนดาบชิงเหมิงเพิ่งยกระดับวรยุทธไปหมาดๆ พวกเขาคงแทบยกมันไม่ไหว
“ท่านพ่อกับท่านแม่ควรรีบซึมซับมันเข้าสู่ร่างกายนะ” จางเซวียนพูดยิ้มๆ
“ได้สิ”
ทั้งคู่ทรุดตัวลงนั่งโดยไม่ลังเล ต่างคนต่างซึมซับหยดเลือดเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นก็ค่อยๆส่งมันเข้าไปที่จุดตันเถียน
ครู่ต่อมา ทั้งคู่ก็ลืมตาขึ้นอย่างปุบปับ
“ท่านพ่อท่านแม่ทำสำเร็จไหม?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“การซึมซับเลือดของนักปราชญ์โบราณจะง่ายดายแบบนั้นได้อย่างไร พ่อเก็บมันไว้ในจุดตันเถียนเพื่อจะได้ขัดเกลาพลังปราณอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไป พลังปราณของพ่อก็จะหลอมรวมเข้ากับรังสีของนักปราชญ์โบราณ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อวรยุทธของพ่อ” เซียนดาบชิงตอบยิ้มๆ
ถ้าการซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณเป็นเรื่องง่าย ก็คงไม่คู่ควรกับชื่อเสียงของมันที่ได้ชื่อว่าเป็นทรัพย์สมบัติเลอค่าที่นักรบมากมายนับไม่ถ้วนต่างแสวงหา
มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายปีหรือเป็นทศวรรษเพื่อพากเพียรให้ได้มันมา
ด้วยเหตุนี้ ทั้งคู่จึงเลือกจะเก็บเลือดไว้ในจุดตันเถียนก่อน ซึ่งเมื่อขัดเกลาพลังปราณแล้ว ก็จะสามารถซึมซับมันเข้าสู่ร่างกายอย่างช้าๆ และหากมีเวลามากพอ หยดเลือดก็จะหลอมรวมเข้ากับร่างกายอย่างสมบูรณ์ ทำให้พวกเขามีความสามารถในการฟื้นคืนชีพ
“ผมเข้าใจแล้ว” จางเซวียนพยักหน้า “ผมจะลองดูเหมือนกัน”
จากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงกับพื้น ด้วยการเคาะนิ้วเบาๆ จางเซวียนซึมซับเลือดของนักปราชญ์โบราณจากขวดหยกเข้าสู่ร่างกายของเขา
ทันทีที่หยดเลือดเข้าสู่ร่างกาย มันก็หลอมรวมเข้ากับร่างของเขาทันที ไม่เพียงแต่จะปราศจากการต่อต้าน จางเซวียนยังรู้สึกได้ว่าหยดเลือดว่ายระริกอยู่ในร่างของเขา ราวกับว่าในที่สุดมันก็ได้กลับคืนสู่ต้นกำเนิดของมัน
“เอ่อ…” จางเซวียนงุนงงมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น “เราซึมซับหยดเลือดด้วยวิธีการนี้ได้อย่างไร?”
เซียนดาบชิงเหมิงบอกว่ามันเป็นกระบวนการที่ยากเย็น ต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามอย่างมาก แล้วทำไมมันถึงง่ายดายสำหรับเขา?
“ลูกซึมซับมันแล้วหรือ?” ได้ยินว่าลูกชายซึมซับหยดเลือดเข้าสู่ร่างเป็นผลสำเร็จแล้ว เซียนดาบชิงเงยหน้าขึ้นและส่งสายตาตั้งคำถาม
“ใช่” จางเซวียนพยักหน้าขณะรีบประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากรับหยดเลือดเข้าสู่ร่างกาย
“พ่อคิดว่าพ่อเข้าใจ” เซียนดาบชิงพูด “เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่บรรพบุรุษเก่าแก่ของเราได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาต้องการหยดเลือดของทายาทตระกูลจางเพื่อยื้อชีวิตไว้ ในครั้งนั้น คนเดียวในตระกูลจางที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ถึงขั้นก็คือลูก หรือพูดอีกอย่างก็คือเลือดส่วนหนึ่งของลูกไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา!”
“เลือดของผมไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา?” จางเซวียนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเรื่องนั้น
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขาอดรู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้ไม่ได้ ดูราวกับว่าเขาได้กลับมาพบกับลูกชายที่หายสาบสูญไปนาน!
“เหตุผลเบื้องต้นที่เราถ่ายเลือดของลูกเข้าสู่ร่างของบรรพบุรุษเก่าแก่ ก็เพื่อยื้อชีวิตของเขาไว้ แต่ความบริสุทธิ์ขั้นสูงสุดของสายเลือดของลูกทำให้สภาวะร่างกายของบรรพบุรุษเก่าแก่เกิดวิวัฒนาการ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ เมื่อลูกพยายามซึมซับหยดเลือดของบรรพบุรุษเก่าแก่ ก็เหมือนกับว่าหยดเลือดนั้นได้กลับคืนสู่ต้นกำเนิดของมัน เป็นธรรมดาที่ลูกจะซึมซับหยดเลือดนี้ได้ง่ายกว่าพวกเรามาก” เซียนดาบชิงอธิบายพร้อมกับยิ้มให้
“ผมเข้าใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้าขณะตัดสินใจว่าจะไม่ครุ่นคิดเรื่องนี้อีก
เขาเพ่งสมาธิกับการรับหยดเลือดที่เพิ่งซึมซับเข้าสู่ร่างกาย และพบว่ามันหลอมรวมเข้ากับเลือดของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เพียงเท่านั้น ยังรู้สึกได้ถึงความสดชื่นที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของร่างกายด้วย
มันเป็นความรู้สึกที่ลึกลับซึ่งยากจะอธิบาย ราวกับมีชีวิตชีวาเกิดขึ้นใหม่ในร่างของเขา หากจะต้องอธิบายเป็นคำพูด ก็เหมือนกับว่าหากใครบางคนตัดแขนของเขาออกมา มันก็สามารถงอกใหม่ได้ในทันที ไม่มีเหตุที่เขาจะต้องกังวลใจเรื่องการได้รับบาดเจ็บอีกต่อไป
แต่จางเซวียนก็รู้สึกได้ว่าแม้จะมีพลังชีวิตมากมายอยู่ในร่างกายแต่ก็ใช่ว่ามันจะมีขีดจำกัด สักวันจะต้องเหือดแห้งไปเช่นกัน
มียาเม็ดชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อยาฟื้นฟูสภาพร่างกายขนานใหญ่ ซึ่งทำให้แขนขาที่ได้รับบาดเจ็บสามารถงอกขึ้นใหม่ได้แต่ประสิทธิภาพของมันก็ด้อยกว่าหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณมาก
ข้อแรก ยาเม็ดฟื้นฟูร่างกายขนานใหญ่มีผลน้อยมากกับนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ เพราะพลังงานในตัวมันที่มีจำกัด ข้อสอง หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณสามารถคืนชีพให้ผู้นั้นได้ ไม่ว่าเขาจะบอบช้ำสักแค่ไหน หรือต่อให้ศีรษะหลุดจากบ่าก็ตาม พูดอีกอย่างก็คือ ยาเม็ดฟื้นฟูสภาพร่างกายขนานใหญ่ทำได้เพียงแค่กระตุ้นให้แขนขางอกขึ้นใหม่ แต่หากศีรษะของผู้นั้นหลุดออกจากบ่าแล้ว ยาฟื้นฟูสภาพร่างกายขนานใหญ่จำนวนมากแค่ไหนก็ไม่อาจเยียวยาผู้นั้นได้
เราควรมอบหยดเลือดนี้ให้ลั่วชิงด้วย จางเซวียนคิดพร้อมกับยิ้มออกมาขณะเก็บหยดเลือดอีกสองหยดที่เหลือเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ
การจะได้ทรัพย์สมบัติล้ำค่าขนาดนี้มาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็ไม่คิดจะเก็บมันไว้กับตัวเพียงคนเดียว ยังมีคนที่เขารักและอยากปกป้องอยู่
ส่วนหยดเลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณ เราจะหาเวลาพิจารณาทีหลังว่าจะทำอะไรกับมันได้บ้าง…
ในเมื่อพลังปราณเทียบฟ้าของเขาสามารถหลอมรวมเข้ากับพลังปราณของเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ จางเซวียนก็อาจใช้หยดเลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณได้เช่นกัน แต่ตอนนี้มีปรมาจารย์อยู่ใกล้ๆมากมาย ไม่ใช่เวลาและสถานที่ที่จะมาทดสอบหยดเลือด เขาคงต้องเก็บไว้ทีหลัง
“อ้อ ใช่สิ! ท่านพ่อท่านแม่ได้ข่าวเรื่องจ้าวหย่า แล้วตอนนี้จ้าวหย่าอยู่ไหน?” จางเซวียนลุกขึ้นยืนและมองหน้าเซียนดาบชิงเหมิง
เขากำลังจะถามเรื่องนี้ ก็พอดีกับที่เผ่าพันธุ์ปีศาจเข้ามาท้าทายเซียนดาบชิงอย่างกะทันหัน จึงยังไม่ทันได้รู้เรื่องกัน ในเมื่อตอนนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจไปหมดแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องหยิบยกเรื่องนี้กลับมาพูดอีกครั้ง
“ที่นี่มีโดมอยู่ 4 หลัง พวกเราอยู่ในโดมใบไม้ผลิอบอุ่น เผ่าพันธุ์ปีศาจยึดครองโดมร้อนเร่าดั่งไฟ อสูรอยู่ในโดมใบไม้ร่วงชื่นใจส่วนโดมหนาวเหน็บเย็นเยือกนั้นก็ถูกยึดครองโดยบุคคลนิรนามจำนวนมาก ก่อนหน้าที่ลูกจะมาถึง แม่สัมผัสได้ถึงรังสีเย็นเยือกจากคนเหล่านั้น จึงเข้าไปดูใกล้ๆ มีแวบหนึ่งที่แม่คิดว่าแม่เห็นลูกศิษย์ของลูก” เซียนดาบเหมิงตอบ
เซียนดาบเหมิงอาจอารมณ์ร้อนในบางครั้ง แต่เธอเป็นคนที่เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน และในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลูกชายของเธอ เธอจึงจับตาดูอย่างใกล้ชิด ถึงรังสีนั้นจะเบาบาง แต่เซียนดาบเหมิงก็รับรู้ความรู้สึกนั้นได้ไม่ยาก
“แปลว่า…มีโอกาสที่จ้าวหย่าจะอยู่ในโดมหนาวเหน็บเย็นเยือกใช่ไหม?” จางเซวียนถามอย่างร้อนรน เขารีบลุกขึ้นยืนและเดินไปมองดูที่หน้าต่าง
ในบรรดาโดมทั้ง 4 หลัง โดมใบไม้ผลิเชื่อมโยงกับโดมใบไม้ร่วงและโดมฤดูร้อนเชื่อมโยงกับโดมฤดูหนาว
หากมองจากโดมใบไม้ผลิอบอุ่น โดมหนาวเหน็บเย็นเยือกดูจะถูกอีกสองโดมที่เหลือบดบังไว้ ทำให้เขาไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ที่นั่น
“แต่แม่ก็เห็นเพียงแวบเดียวก่อนที่เธอจะหายตัวไปในกลุ่มฝูงชนแม่คิดว่าเธอดูคล้ายลูกศิษย์ของลูก แต่ก็ยืนยันไม่ได้ว่าใช่เธอหรือไม่” เซียนดาบเหมิงพูดต่อ
“เราจะรู้ก็ต่อเมื่อไปดูด้วยตาตัวเอง” จางเซวียนพูด
ตราบใดที่มีโอกาสที่จ้าวหย่าจะอยู่ในโดมหนาวเหน็บเย็นเยือก ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะอาจารย์ของเธอที่จะสำรวจพื้นที่นั้น
เห็นจางเซวียนตั้งใจจะเดินทางไปที่นั่น เซียนดาบชิงรีบเสริม “พ่อจะไปด้วย อย่างน้อยก็พอช่วยเหลือลูกได้…”
“ไม่มีปัญหาหรอก ผมรับมือได้” จางเซวียนส่ายหน้าและปฏิเสธความช่วยเหลือของเซียนดาบชิง
ถึงเซียนดาบชิงเหมิงจะไม่ใช่นักรบที่อ่อนแอ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายสามารถลักพาตัวจ้าวหย่ากับเว่ยหรูเหยียนไปได้อย่างเงียบๆก็หมายความว่าคนกลุ่มนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือด้วยได้ยาก อีกอย่างเขาก็ยังไม่แน่ใจว่ากลุ่มคนที่ลักพาตัวจ้าวหย่ากับเว่ยหรูเหยียนไปเป็นศัตรูจริงหรือไม่ จึงปลอดภัยกว่าหากจะมุ่งหน้าไปที่นั่นตามลำพัง
รู้ดีว่าลูกชายของตัวเองมีวิธีการที่เหนือชั้นกว่า เซียนดาบชิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญาและแนะนำว่า “ระวังตัวด้วย!”
“ได้” จางเซวียนตอบก่อนจะรีบออกเดินทางไปยังโดมหนาวเหน็บเย็นเยือก
“ผู้บุกรุก กรุณาหยุดก่อน!”
ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะเข้าสู่โดมหนาวเหน็บเย็นเยือก ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ จากนั้นแรงกดดันหนักหน่วงก็โถมทับลงมา
“นักปราชญ์โบราณหรือ?” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกใจ
เขาเพิ่งสัมผัสพละกำลังอันไร้เทียมทานแบบนี้มาเมื่อครู่ก่อน มันเป็นพลังที่มีแต่นักปราชญ์โบราณเท่านั้นถึงจะแสดงออกมาได้!
ดูเหมือนนักปราชญ์โบราณผู้นั้นไม่ได้คิดจะโจมตีเขา เป็นไปได้ว่าแรงกดดันที่โถมทับลงมาคือคำเตือนที่บอกเขาว่าโดมหนาวเหน็บเย็นเยือกอยู่ภายใต้การคุ้มกันของนักปราชญ์โบราณเช่นกัน
แต่เรื่องนี้ก็พอคาดเดาได้ หากผู้ที่อยู่ในโดมหนาวเหน็บเย็นเยือกไม่ได้มีพละกำลังขนาดนี้ ก็คงถูกคนอื่นกำจัดไปแล้ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะพักอยู่ในโดมอย่างปลอดภัยได้
“ผู้อาวุโส ผมไม่มีเจตนาร้าย ผมมีศิษย์น้องคนหนึ่งซึ่งน่าจะอยู่ในโดมหนาวเหน็บเย็นเยือก และอยากขอเข้าไปดูสักหน่อย” จางเซวียนประสานมืออย่างสุภาพ
ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางจะอยู่ในบริเวณนี้เช่นกัน แต่จางเซวียนก็ไม่กล้าคาดหวังอะไรให้มาก
“ผมรู้จักคุณ, จางเซวียน, อายุ 20 ปี, หัวหน้าสามตระกูลชั้นนำและปูชนียสถานนักปราชญ์ คุณคือผู้โค่นล้มกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีถึง 110000 ตัวในอาณาจักรใต้ดิน, ช่วยชีวิตมนุษย์ไว้จากหายนะน่าประทับใจมาก” นักปราชญ์โบราณผู้นั้นพูด
จางเซวียนประหลาดใจกับการที่นักปราชญ์โบราณนิรนามรู้วีรกรรมของเขา จึงประสานมือและโค้งคำนับ “ผมไม่คู่ควรกับคำชมของคุณหรอก”
“ด้วยคุณงามความดีที่คุณมีต่อมวลมนุษย์ ผมยินดีที่จะต้อนรับคุณด้วยน้ำใจไมตรีสูงสุดหากเป็นโอกาสอื่น แต่ตอนนี้ ผมเกรงว่าคงไม่อนุญาตให้คุณเข้าสู่โดมหนาวเย็นเยือกได้ ต้องขออภัยสำหรับเรื่องนั้นด้วย” นักปราชญ์โบราณพูด
“เพราะอะไร?” จางเซวียนขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของอีกฝ่าย ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา จางเซวียนตั้งคำถาม “ผู้อาวุโส คุณเป็นปรมาจารย์หรือเปล่า?”