อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1760 ผมมีหัวใจเยอะแยะ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1760 ผมมีหัวใจเยอะแยะ
จางหงเทียนทดลองดู และรู้สึกได้ว่าปราการที่คล้ายกับผืนผ้าซึ่งอยู่ตรงหน้าเขามีความแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึง เขารู้ทันทีว่านักปราชญ์โบราณเหยียนชิงมีความสามารถเหนือชั้นกว่าเขามาก จางหงเทียนคำรามและหันกลับมาพูดว่า “ในเมื่อนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพูดแบบนั้น คราวนี้ผมก็จะไว้ชีวิตคุณ!”
เขาสะบัดข้อมือเพื่อเก็บดาบเข้าที่บั้นเอวก่อนจะกลับไปรวมกลุ่มกับสภาปรมาจารย์ และยืนนิ่งราวกับไม่เคยเกิดการปะทะขึ้นมาก่อน
ในเวลาเดียวกัน นายใหญ่สีขาวก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าไม่อาจเทียบชั้นกับจางหงเทียนหรือนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงได้ จึงสะบัดหางและเดินกลับเข้ากลุ่มอย่างเงียบๆ ไม่กล้าออกความเห็นอะไร
“ในเมื่อหอลำดับแรกของวิหารแห่งขงจื๊อยังไม่เปิด ก็คงไม่ฉลาดนักหากพวกคุณจะฆ่าฟันกันเอง” เห็นทั้งสองฝ่ายใจเย็นลงแล้ว นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถอนฝ่ามือกลับและยิ้มให้ จากนั้นก็หันมาพูดกับฝูงชนว่า “กลับมาที่เรื่องของเราก่อน ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าหอลำดับแรกกำลังจะเปิด มาหารือกันเถอะว่าจะจัดสรรโควต้าในการเข้าสู่หอลำดับแรกอย่างไร”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบยกเรื่องการจัดสรรโควต้าขึ้นมาอีกครั้ง จางหงเทียนขมวดคิ้ว “ผมแน่ใจว่าคุณคงมีความคิดของตัวเองแล้ว เสนอแนะมาได้เลย หากพวกเราเห็นว่าเหมาะสม ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยอมรับ!”
“ใช่ ผมคิดไว้แล้ว” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงยิ้มรับ “เพราะได้ผ่านหอบริวารทั้ง 6 มา พวกเราจึงรู้ดีว่าต่อให้หอลำดับแรกจะเปิดออก แต่เราก็ยังต้องผ่านปราการที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้อยู่ดี หากไม่มีเครื่องรางฟ้าประทานในตำนาน ก็ไม่มีทางที่จะผ่านเข้าไปได้”
ฝูงชนพยักหน้า
พวกเขาได้ทดสอบหอบริวารทั้ง 6 มาแล้ว และรู้ว่าไม่มีทางผ่านปราการเข้าไปได้หากปราศจากเครื่องรางฟ้าประทานหรือสภาวะพิเศษที่เชื่อมโยงถึงกัน โดยเฉพาะกับนักปราชญ์โบราณ หากพวกเขาพยายามใช้พละกำลังฉีกกระชากปราการ ก็จะต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัสกับแรงตีกลับอย่างรุนแรง!
แน่นอนว่านักปราชญ์โบราณนั้นทรงพลังมาก แต่ปรมาจารย์ขงคือผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์ของโลก ไม่มีทางที่อาณาจักรโบร่ำโบราณที่เขาทิ้งไว้จะถูกทำลายได้โดยการใช้พละกำลัง ต่อให้ผู้นั้นเป็นนักปราชญ์โบราณก็ตาม
“ในการจะเข้าสู่หอลำดับแรก เราต้องการเครื่องรางลำดับแรก โดยเครื่องรางลำดับแรกจะพาผู้คนเข้าสู่หอลำดับแรกได้ทั้งหมด 15 คน” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพูด
เกิดการหารือขึ้นทันทีในหมู่ฝูงชน พวกเขากำลังวางแผนการสำหรับการเคลื่อนไหวขั้นต่อไป
นายใหญ่สีขาวคำราม “เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เครื่องรางลำดับแรกอยู่ที่ไหน ถ้ามันยังไม่ได้อยู่ในมือของพวกเราล่ะก็ เรามิต้องนั่งรออย่างสูญเปล่าหรือขณะที่คนอื่นๆกอบโกยทรัพย์สมบัติในหอลำดับแรกไปหมดแล้ว?”
เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไปว่าใครบ้างที่ได้ครอบครองเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานทั้ง 6 ชิ้น แต่สำหรับเครื่องรางลำดับแรก ตำแหน่งที่อยู่ของมันยังไม่ปรากฏ
คนส่วนใหญ่คิดว่าเหตุผลที่จางเซวียนเข้าสู่หอบริวารได้โดยปราศจากปัญหาใดๆก็เพราะเขาได้ครอบครองหยดเลือดของลูกศิษย์ อีกอย่าง หอบริวารที่เขาได้เข้าไปนั้นก็เชื่อมโยงกับสภาวะพิเศษของลูกศิษย์ของเขาด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความเข้าใจผิดที่แพร่หลายออกไปเกี่ยวกับเครื่องรางลำดับแรก ว่าเครื่องรางลำดับแรกจะพาผู้นั้นเข้าสู่หอลำดับแรกได้เพียงหอเดียว แม้แต่กลุ่มคนจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็ยังไม่รู้ว่าเครื่องรางลำดับแรกสามารถนำพาผู้ครอบครองเข้าสู่หอบริวารได้เช่นกัน
“เหตุผลที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะผมรู้ว่าเครื่องรางลำดับแรกอยู่ที่ไหน!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิวหัวเราะหึๆและเลิกคิ้วอย่างภาคภูมิใจ “บอกพวกคุณตามตรงนะ ตอนนี้เครื่องรางลำดับแรกอยู่ในมือของผม!”
ทันทีที่พูดจบ เครื่องรางอันหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า เขาสะบัดข้อมือเบาๆ แล้วรังสีสง่างามก็แผดกล้าไปทั่ว
“นั่นคือเครื่องรางลำดับแรกหรือ?”
“รังสีของมันช่างน่าทึ่งอะไรอย่างนั้น!”
“แข็งแกร่งกว่าเครื่องรางบริวารมาก”
“เราจะเข้าสู่หอลำดับแรกได้ด้วยสิ่งนี้ใช่ไหม?”
เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นทั่วทั้งจัตุรัส ทุกคนหันขวับมามองเครื่องรางลำดับแรกที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยสายตาเร่าร้อน
กุญแจเข้าสู่หอลำดับแรกลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว หากได้มันมา อีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าถึงทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่สุดของทวีปแห่งปรมาจารย์!
“นั่นมัน…”
ขณะที่ฝูงชนกำลังจับจ้องเครื่องรางซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ จางเซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
เขาจำเครื่องรางที่อยู่ในมือของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงได้ มันคือเครื่องรางที่เขาต่อสู้กับเหยียนเฉว่เพื่อแย่งชิงมันที่ภูเขาห้วยขาว หรือพูดอีกอย่างก็คือ เครื่องรางลำดับแรกในมือของอีกฝ่ายเป็นของปลอม!
ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นถึงนักปราชญ์โบราณ เขาไม่รู้จริงๆหรือว่าเครื่องรางลำดับแรกอันนั้นเป็นของปลอม? จางเซวียนตั้งข้อสงสัย
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงมีพละกำลังเหนือชั้นกว่าแม้แต่จางหงเทียน แต่กลับแยกไม่ออกว่าเครื่องรางที่เขาครอบครองอยู่เป็นของจริงหรือของปลอม
เห็นความสงสัยของจางเซวียน หลัวลั่วชิงส่งโทรจิตอธิบาย “เครื่องรางลำดับแรกเกิดขึ้นด้วยฝีมือการหลอมของปรมาจารย์ขง ซึ่งแม้ 72 นักปราชญ์ก็ไม่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของมัน แม้แต่ฉันก็ยังบอกไม่ได้เมื่อตอนที่เห็นมันครั้งแรก แล้วเขาจะแยกแยะระหว่างของจริงกับของปลอมได้อย่างไร?”
จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนเหยียนเฉว่กับพรรคพวกยังคงคิดว่าพวกเขาได้เครื่องรางลำดับแรกของจริงมา ซึ่งก็หมายความว่าผู้ที่รู้ว่าเครื่องรางลำดับแรกของพวกนั้นเป็นของปลอมก็มีแต่จางเซวียน หลัวลั่วชิง และหวู่เฉินเท่านั้น
“คุณพูดถูก” จางเซวียนพยักหน้ารับขณะเหยียดริมฝีปากขึ้น “เรื่องนี้น่าสนใจมากทีเดียว แม้เครื่องรางลำดับแรกของพวกเขาจะเป็นของปลอม พวกนั้นก็ยังตั้งเงื่อนไข ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป…”
ฝูงชนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามข้อเสนอของนักปราชญ์เหยียนชิง เพราะคิดว่าเครื่องรางลำดับแรกอยู่ในมือของเขา แต่ทันทีที่คนเหล่านั้นรู้ว่าเครื่องรางเป็นของปลอม จะต้องเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นแน่ และเมื่อถึงเวลา, 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็จะต้องแบกรับรังสีอำมหิตจากทุกคนในจัตุรัสนั้น
จางเซวียนอดสงสัยไม่ได้ว่าต่อไปพวกเขาจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร
และนอกเหนือไปจากนั้น ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้จางเซวียนอยากรู้ นั่นคือถ้าพวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์คิดว่าตัวเองได้เครื่องรางของแท้มาจริงๆ ทำไมถึงกล้าประกาศความเป็นเจ้าของ และยังถึงกับยื่นข้อเสนอที่จะให้โควต้ากับกลุ่มอำนาจอื่นๆด้วย?
นั่นไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรือ?
“เครื่องรางลำดับแรกคือกุญแจเข้าสู่หอลำดับแรก ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่าคงไม่มีใครในหมู่พวกคุณที่จะขัดข้องหากพวกเรานำโควต้าออกไป 1 ใน 3 ในเมื่อเราเป็นผู้ครอบครองมัน ถูกไหม?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเก็บเครื่องรางเข้าสู่แหวนเก็บสมบัติก่อนจะหันมามองหน้าคนที่เหลือ
“ผมไม่คัดค้าน” ตาเฒ่าหยูคือคนแรกที่ส่งเสียงตอบรับ
“พวกเราก็ไม่มีปัญหา”
“ฟังดูสมเหตุสมผลดี”
คนที่เหลือลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแสดงอาการตอบรับ
หากปราศจากเครื่องรางลำดับแรก ต่อให้หอลำดับแรกเปิดออกแล้ว พวกเขาก็คงทำได้แค่เฝ้าดูอย่างสิ้นหวังอยู่จากข้างนอก การที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะยึดโควต้าไปแค่ 1 ใน 3 ถือเป็นข้อเสนอที่ยุติธรรมมาก
เห็นทุกคนตอบตกลง นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเราได้โควต้า 5 ที่แล้ว พวกเราก็จะเริ่มกระจายโควต้าที่เหลือให้กับ 4 กลุ่มอำนาจตามลำดับ เพื่อเป็นการแสดงความปรารถนาดีและป้องกันความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น แบบนี้น่าจะดีกว่า จริงไหม?”
“ผมไม่ขัดข้อง” นายใหญ่สีขาวตอบ
ในเมื่อเผ่าพันธุ์อสูรยังไม่ได้อะไรมาเลย พวกมันก็จะยอมรับทุกสิ่งที่มีโอกาสจะหาได้
เหล่าผู้เชีายวชาญจากสภาปรมาจารย์สบตากันอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนในที่สุดจะพยักหน้ารับ
พวกเขาไม่ได้อยู่ในฐานะจะต่อรอง การยอมรับจึงเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้
“9 ใน 15 ที่ของโควต้าเข้าสู่หอลำดับแรกถูกจัดสรรไปแล้ว คุณตั้งใจจะกระจายโควต้าอีก 6 ที่ที่เหลืออย่างไร?” ตาเฒ่าหยูตั้งคำถาม
“ง่ายมาก!” ราวกับคาดเดาไว้แล้วว่าจะมีคำถามแบบนี้ นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหัวเราะหึๆก่อนจะให้คำตอบ “เราจะต้องเปิดทางเข้าหอลำดับแรกเพื่อเข้าสู่ด้านใน ซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้ เราก็ต้องใช้หัวใจของ 6 มิติรอบนอก หัวใจแต่ละอันจะเชื่อมโยงกับโควต้า 1 ที่ ผู้ใดก็ตามที่มีหัวใจของ 1 มิติอยู่ในครอบครอง ก็จะได้รับ 1 ที่ไป ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครในหมู่พวกคุณที่ไม่เห็นด้วย ใช่ไหม?”
“คือ…”
“ผมว่าก็ยุติธรรมดี”
“ถ้าเราต้องการเข้าสู่หอลำดับแรก ก็จะต้องเปิดมันก่อน จึงถือว่าเหมาะสมแล้วที่จะมอบโควต้าให้กับผู้ที่มีส่วนช่วยในการเปิดหอลำดับแรก พวกเขาจะได้ 1 ที่ไป…”
เหล่านักปราชญ์โบราณต่างพยักหน้ารับ
ในการเจรจาต่อรองครั้งนี้ มีแต่นักปราชญ์โบราณเท่านั้นที่มีสิทธิ์มีเสียง นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่อาจออกความเห็นอะไรได้เลย
หัวใจหนึ่งอันเพื่อแลกโควตา 1 ที่หรือ? จางเซวียนชะงัก เขาเกาหัวขณะครุ่นคิด
ดูเหมือนตอนนี้เราจะมีหัวใจอยู่กับตัว 2–3 อันนะ…