อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1766 เข้าสู่หอลำดับแรก
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1766 เข้าสู่หอลำดับแรก
“ตาเฒ่าหยู คุณคิดจะแย่งโควต้ากับผมหรือ?”
ขนของนายใหญ่สีขาวตั้งชันด้วยความเคืองแค้นกับการกระทำของตาเฒ่าหยู มันเตรียมพร้อมจะกระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย
หยดเลือด 60 หยดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดนั้นเกินกว่าราคาที่มันเต็มใจจ่ายมาก ซึ่งกว่ามันจะตัดสินใจได้ก็ยากลำบาก แต่แล้วใครคนหนึ่งกลับมาตัดหน้าไป
ให้อภัยไม่ได้!
“ก็อย่างที่เจ้าหนุ่มนั่นบอก มันคือการประมูล เป็นการแข่งขันอันชอบธรรม, ใช่ไหม? ตาเฒ่าหยูคำราม “ถ้าคุณพร้อมจะจ่ายแพงกว่าก็เชิญ แต่ขอบอกให้คุณรู้ไว้ว่าผมต้องการโควต้านี้!”
“ยังเหลือโควต้าอีก 2 ที่ไม่ใช่หรือ? ทำไมคุณถึงไม่ไปประมูล 2 ที่นั้นล่ะ?” นายใหญ่สีขาวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
“คุณเห็นผมโง่เง่าหรือไง? แม้เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของพวกเราจะมีผู้เชี่ยวชาญมากมาย แต่เราก็ไม่โง่พอจะให้ใครมาเอาเปรียบหรอก!” ตาเฒ่าหยูคำราม “อีกอย่าง ปรมาจารย์จางก็พูดแล้วว่าผู้ที่เสนอราคาสูงสุดจะได้โควต้าไป ในเมื่อคุณเสนอ 60 หยด ผมก็จะประมูลที่ 65!”
“คุณ!”
ร่างของนายใหญ่สีขาวสั่นเทาด้วยโทสะ แต่ไม่อาจทำอะไรได้
ในเมื่อเป็นการประมูล ก็เป็นที่รู้กันว่าของล้ำค่าจะถูกประมูลไปด้วยมูลค่าสูงสุด ไม่มีทางจะยับยั้งใครจากการเพิ่มราคาประมูลได้
“ผมเสนอหยดเลือด 60 หยด!” นายใหญ่สีขาวคำราม
“67 หยด!”
“68 หยด!” นายใหญ่สีขาวแทบอยากจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ
“70 หยด!” ตาเฒ่าหยูเสนอราคาเพิ่มอย่างไม่แยแส
“คุณ…ก็ได้! ผมเสนอ 75 หยด!” เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป นายใหญ่สีขาวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “ลองโก่งราคาดูสิ ผมสาบานเลยว่าผมจะเล่นงานคุณเดี๋ยวนี้!”
“ฮ่า, อย่างนั้นหรือ? ก็ได้ ถ้าคุณเล่นแบบนี้ ผมก็จะปล่อย!” เมื่อเห็นว่าตัวเขาประสบความสำเร็จในการโก่งราคาประมูลเป็นหยดเลือด 75 หยดแล้ว ตาเฒ่าหยูหัวเราะหึๆก่อนจะเงียบไป
เขารู้ว่านายใหญ่สีขาวก็หมดความอดทนแล้วเช่นกัน หากเขายังยั่วยุอีกฝ่าย ก็อาจถูกโจมตี
แน่นอนว่าด้วยพละกำลังของตาเฒ่าหยู เขาไม่เกรงกลัวนายใหญ่สีขาว แต่ประสิทธิภาพการทำลายล้างของอสูรที่กำลังคลุ้มคลั่งนั้นไม่อาจประมาทได้ อีกอย่าง เหล่าผู้เชี่ยวชาญของสภาปรมาจารย์และ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็อยู่ใกล้ๆ จึงไม่ดีนักหากจะมีเรื่องกับเผ่าพันธุ์อสูร
“นี่!”
เห็นตาเฒ่าหยูไม่แข่งขันอีกต่อไป นายใหญ่คำรามก่อนจะโยนขวดหยกใบหนึ่งให้จางเซวียน
ในนั้นมีหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณอยู่ 75 หยด มาจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด
ด้วยร่างกายใหญ่โตซึ่งเป็นคุณสมบัติของเผ่าพันธุ์อสูร พวกมันสามารถเสียเลือดได้มากกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีร่างกายเล็กกว่า แต่การฝ่าด่านวรยุทธของพวกมันก็ต้องอาศัยทั้งสายเลือดและความปราดเปรื่องอย่างมาก การยกระดับวรยุทธของพวกมันทำได้ยากกว่ามนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจ ดังนั้นจำนวนหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดที่พวกมันมีอยู่จึงมีปริมาณน้อยกว่าของเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจมาก
กว่าพวกมันจะเก็บสะสมหยดเลือดได้ถึง 75 หยดก็แสนลำบากยากเย็น การต้องมอบให้คนอื่นง่ายๆแบบนี้ช่างเป็นเรื่องเจ็บปวดเหลือเกิน
“เอาล่ะ โควต้าที่ 2 เป็นของเผ่าพันธุ์อสูร ส่วนโควต้าที่ 3, ราคาประมูลเริ่มต้นจะอยู่ที่หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ 100 หยด”จางเซวียนประกาศยิ้มๆ
“100 หยด?” ตาเฒ่าหยูหน้าตึงเมื่อได้ยินราคานั้น เลือดพุ่งขึ้นสู่ศีรษะของเขาขณะที่สาปแช่งชายหนุ่มอย่างดุเดือด “ทำไมคุณไม่ไปตายซะ!”
เมื่อครู่นี้ราคายังอยู่ที่หยดเลือด 60 หยด แต่ในชั่วพริบตาก็เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า…
คุณจงใจทำแบบนี้ใช่ไหม?
เขาเคยคิดว่าโควต้าที่ 3 น่าจะมีราคาอยู่ที่หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ 70 หยดเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาไม่คิดจะแข่งขันกับนายใหญ่สีขาว แต่ใครจะไปรู้ว่าหมอนี่จะไร้ยางอายขนาดนี้!
“ตอนนี้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์มีโควต้า 3 ที่, เผ่าพันธุ์อสูรมี 2 ที่พวกคุณคือกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มีโควต้าเพียงหนึ่งที่ คุณอยากได้โควต้าหรือเปล่า? ผมน่ะไม่รังเกียจหรอกนะที่จะเก็บมันไว้เอง”จางเซวียนพูด “อีกอย่าง ผมยอมรับก็ได้ว่าผมกำลังเล่นเกมกับคุณว่าแต่คุณจะมีปัญญาทำอะไรได้ล่ะ? รับมันไว้ หรือไม่ก็ไม่เอานะ!”
ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ปั่นหัวเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่มีทางที่จางเซวียนจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ
ถึงอย่างไรเขาก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว ไม่สำคัญเลยว่าตาเฒ่าหยูจะยอมรับข้อตกลงหรือไม่
“คุณ…” ตาเฒ่าหยูโมโหเดือดเสียจนเส้นเลือดแทบระเบิด
“ตอนนี้ยอมรับข้อเสนอของเขาไปก่อนเถอะ” เผ่าพันธุ์ปีศาจอีกตัวหนึ่งที่เป็นนักปราชญ์โบราณส่งโทรจิตหาตาเฒ่าหยู “เพราะถึงอย่างไร เหล่าปรมาจารย์ที่เป็นมนุษย์ก็ไม่สามารถใช้หยดเลือดนักปราชญ์โบราณของเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณของเราได้อยู่แล้ว อย่างมากที่สุด เราก็แค่หาโอกาสสังหารเขาและนำหยดเลือดเหล่านั้นกลับคืนมาหลังจากที่เขาออกจากหอลำดับแรก!”
หยดเลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณนั้นเปี่ยมด้วยเจตนาสังหาร จึงยากที่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานจะเข้าใกล้ นับประสาอะไรกับจะซึมซับมันเข้าสู่ร่างกาย
ในเมื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สามารถใช้หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณของพวกเขาได้ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเจ็บปวดอะไรที่ตอนนี้จะมอบหยดเลือดให้พวกมนุษย์ไปก่อน ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ลงท้ายพวกเขาก็สามารถสังหารเจ้าคนเย่อหยิ่งนั่นและนำหยดเลือดกลับมาได้อยู่ดี
ได้ยินคำนั้น สีหน้าเคร่งเครียดของตาเฒ่าหยูค่อยผ่อนคลายลง“ก็ได้ หยดเลือด 100 หยดสำหรับโควตา 1 ที่ ใช่ไหม? แต่ผมจะมอบให้คุณ 200 หยดสำหรับโควต้าที่ 3 กับที่ 4 ด้วย!”
“คุณจะซื้อโควต้าที่ 3 กับที่ 4 ด้วยหรือ?”
“ใช่ จากราคาที่คุณเสนอมา อย่าฝันเลยว่าจะมีคนอื่นซื้อ และในเมื่อเป็นอย่างนั้น ขายให้ผมในราคาเดิมก็แล้วกัน” ตาเฒ่าหยูพูด
ในเมื่อลงท้ายพวกเขาก็จะต้องนำหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณกลับคืนมา จึงไม่สำคัญว่าตอนนี้จะต้องมอบหยดเลือดให้ชายหนุ่มกี่หยด
จางเซวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ “ก็ได้!”
อย่างที่ตาเฒ่าหยูพูด, 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กับเผ่าพันธุ์อสูรไม่น่าจะสามารถใช้หยดเลือดเพื่อซื้อโควต้าได้มากกว่านี้แล้ว ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาก็ควรจะขายโควต้า 2 ที่สุดท้ายให้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจจะดีกว่า
ถึงอย่างไร เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เข้าสู่หอลำดับแรกก็จะต้องถูกเขาเล่นงาน จางเซวียนจึงไม่เดือดร้อนที่จะขายโควต้าเพิ่มอีกสัก 2-3 ที่
“นี่!”
ตาเฒ่าหยูสะบัดข้อมือและส่งขวดหยก 2 ใบให้จางเซวียน
จางเซวียนรับขวดหยก 2 ใบนั้นมา เขาตรวจสอบมันอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจว่ามีหยดเลือดอยู่ 100 หยดในขวดแต่ละใบ จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างพอใจ
“คุณต้องระวังหน่อยนะ” เห็นทีท่าอาฆาตมาดร้ายของตาเฒ่าหยูจางหงเทียนส่งโทรจิตเตือนจางเซวียน “ถ้าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณใส่เจตจำนงเศษเสี้ยวหนึ่งไว้ในหยดเลือดล่ะก็ พวกมันจะพยายามทำการฟื้นคืนชีพสายเลือดและทำลายจิตวิญญาณของคุณ!”
เมื่อสำเร็จวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดแล้ว เลือดทุกหยดของนักปราชญ์โบราณจะมีศักยภาพในการก่อกำเนิดชีวิตใหม่ ซึ่งแม้การที่เลือดหยดหนึ่งจะกลับเข้าสู่สภาวะแข็งแกร่งสูงสุดจะมีความยุ่งยากไม่น้อย แต่ก็ยังพอเป็นไปได้ที่จะเล่นงานนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ
“ผมเข้าใจ” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
เมื่อครู่นี้ ตอนที่เขาเปิดขวด เขาได้ถ่ายทอดพลังปราณเทียบฟ้าลงไปทำลายสิ่งใดก็ตามที่อีกฝ่ายใส่ไว้ภายในเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณจะทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่เศษเสี้ยวของเจตจำนงของพวกมันจะต้านทานพลังปราณเทียบฟ้าได้
ในตอนนั้น จางเซวียนได้ทำลายทุกอย่างที่อาจเป็นภัยคุกคามซึ่งอยู่ในหยดเลือดไปจนราบคาบ
เมื่อไม่มีเจตจำนงที่จะนำพาไปสู่การฟื้นคืนชีพของสายเลือด ต่อให้เลือดนั้นจะมีพลังชีวิตมากแค่ไหน ก็ไม่อาจก่อเกิดเป็นชีวิตใหม่ได้อย่างน้อยที่สุดก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายหมื่นปีก่อนที่จิตวิญญาณดวงใหม่จะงอกเงยจากหยดเลือดเหล่านั้น
ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้น เขาก็คงใช้หยดเลือด 200 หยดนี้ไปหมดแล้ว
“ถ้าคุณพบเจอความยุ่งยากใดๆในการรับมือกับหยดเลือดพวกนี้ล่ะก็ ผมจะช่วยคุณเอง” จางหงเทียนพูด
“ขอบคุณมาก บรรพบุรุษเก่าแก่ แต่ผมรับมือไหว” จางเซวียนตอบ
เมื่อเห็นว่าโควต้าทั้งหมดถูกจัดสรรปันส่วนแล้ว นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก้าวออกมาและประกาศ “ในเมื่อจัดสรรปันส่วนโควต้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางเถอะ!”
จางเซวียนพยักหน้ารับ
ขณะที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน เขาก็รวบรวมตัวแทนที่ได้รับเลือกจากแต่ละกลุ่มอำนาจก่อนจะนำเครื่องรางน้อยออกมา เครื่องรางน้อยลอยขึ้นสู่กลางอากาศและใช้พละกำลังของมันโอบล้อมตัวแทนทั้งหมดไว้ จากนั้นทั้งกลุ่มก็มุ่งหน้าเข้าสู่หอลำดับแรก
ระหว่างนั้น จางเซวียนรีบสำรวจเหล่าตัวแทนที่กลุ่มอำนาจอื่นๆเลือกมา, 2 ที่ของเผ่าพันธุ์อสูรเป็นของสุนัขจิ้งจอกสีขาวกับเสือดาวสีแดง พวกมันดูเหมือนจะมีความเกี่ยวพันกับนายใหญ่สีขาวทางใดก็ทางหนึ่ง ส่วนเผ่าพันธุ์ปีศาจ พวกมันส่งนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกมา 3 ตัว ทั้งสามมีสีหน้าเฉยเมยและไม่พูดไม่จา ยากที่จะกะประมาณพละกำลังที่แท้จริงของพวกมัน
ส่วน 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ส่งผู้เชี่ยวชาญมาอีกคนหนึ่งซึ่งดูจะมีประสิทธิภาพการต่อสู้เทียบเท่ากับเหยียนเฉว่
นอกจากจางเซวียน ตัวแทนทุกคนที่ได้รับเลือกให้เข้าสู่หอลำดับแรกล้วนแต่เป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูงสุดรองจากนักปราชญ์โบราณ
“เข้าไปข้างในกันเถอะ!”
วิ้งงงง!
ทันทีที่เครื่องรางน้อยสัมผัสกับฉนวนของหอลำดับแรก มันก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน จากนั้นทุกคนก็หายวับไป