อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1773 ผู้เชี่ยวชาญหมายเลขหนึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1773 ผู้เชี่ยวชาญหมายเลขหนึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
อำมาตย์เฉินหย่งเป็นหนึ่งในสามอำมาตย์ใหญ่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น มีอำนาจและทรงพลังที่สุด การตัดสินใจส่วนใหญ่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจมาจากตัวเขา จึงขึ้นชื่อในฐานะผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แล้วเด็กวัยรุ่นที่เรียกขานเขาว่า ‘นายน้อย’ มาตลอดจะเป็นอำมาตย์เฉินหย่งได้อย่างไร?
ถ้าทั้งคู่เป็นคนเดียวกันจริงๆ แล้วหลัวลั่วชิงที่อีกฝ่ายเรียกขานว่านายหญิง แท้ที่จริงแล้วเป็นใคร?
จางเซวียนตัวเย็นเฉียบขึ้นมาทันที เขาไม่กล้าคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนั้น
ที่ผ่านมา เขาเคยฟังปรมาจารย์หยางเล่าถึงฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดที่เข้ามายังทวีปแห่งปรมาจารย์ ซึ่งตำแหน่งที่อยู่ของอีกฝ่ายยังคงเป็นปริศนา ใครจะไปคิดว่าแท้ที่จริงแล้วหมอนั่นอยู่ข้างกายเขานี่เอง และทำหน้าที่รับใช้เป็นบริวารของหลัวลั่วชิง?
“อำมาตย์เฉินหลิง…”
แม้หวู่เฉินจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังหน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินคำนั้น เขากำหมัดแน่นด้วยแรงโทสะ
ทั้งสามอำมาตย์รู้จักกันมาหลายปีแล้ว และเป็นความจริงที่ว่าในอดีตพวกเขามีความขัดแย้งกันมาตลอด แต่การรวมหัวกับคนนอกเพื่อเล่นงานเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นการทรยศ!
เมื่อเกิดความคิดนั้น หวู่เฉินเงยหน้ามองนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงและคำราม “ดูเหมือนความหยิ่งผยองของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะถูกลดชั้นลงมาเพื่อร่วมมือกับอำมาตย์เฉินหลิงนะ”
“การตอบรับคำขอของอำมาตย์เฉินหลิงไม่เพียงแต่จะทำให้เราสามารถกำจัดฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่ยังจะนำสันติสุขเป็นเวลา 300 ปีมาให้พวกเราด้วย แล้วเราจะต้องลังเลอะไรอีก?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบอย่างสุขุม ไม่สะทกสะท้านกับคำถามของหวู่เฉิน
“สันติสุข 300 ปี?”
“อำมาตย์เฉินหลิงได้ให้สัญญากับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเราว่าขอแค่เรากำจัดคุณได้ เผ่าพันธุ์ปีศาจก็จะไม่มาโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกตลอด 300 ปีข้างหน้า” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบ
“ผมเข้าใจ” หวู่เฉินพยักหน้า
เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมเผ่าพันธุ์ปีศาจกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จึงร่วมมือกัน แม้ทั้งสองฝ่ายจะเกลียดชังกันอย่างล้ำลึก
ในฐานะอำมาตย์ที่แข็งแกร่งที่สุดและทรงอิทธิพลมากที่สุด ความตายของเขาย่อมนำมาซึ่งการสูญเสียอำนาจและความสับสนวุ่นวายในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 300 ปีกว่าอำมาตย์เฉินหลิงจะคลี่คลายสถานการณ์และเข้าควบคุมเผ่าพันธุ์ปีศาจได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
หรือพูดอีกอย่างก็คือ อำมาตย์เฉินหลิงต้องการระยะเวลา 300 ปีนั้นเช่นกัน
แต่เพียงเพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจยอมตกลงจะมอบความสงบสุขให้ 300 ปี ก็ไม่ได้หมายความว่า 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กับสภาปรมาจารย์จะไม่ใช้โอกาสนี้เล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจ
“ถ้าอย่างนั้น ที่สมาคมผู้หยั่งรู้แห่งเมืองหุบเขาเก็บเกี่ยว พวกคุณก็จงใจจะเล่นงานผมใช่ไหม?” อำมาตย์เฉินหย่งถามขึ้นอีกครั้ง
“ปราการของสมาคมผู้หยั่งรู้จะปกปิดรังสีของนักปราชญ์โบราณไว้ได้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณจะต้องเคลื่อนไหวเมื่อร่างของไอ้โหดปรากฏขึ้น พวกเราแน่ใจว่าจะสังหารคุณได้อย่างง่ายดาย แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนั้นจะมีคนบางคนทำลายแผนการของเรา?” ตาเฒ่าหยูคำรามขณะชำเลืองมองจางเซวียน
เหตุผลที่ในวันนั้นมีนักปราชญ์โบราณหลายคนอยู่ที่สมาคมผู้หยั่งรู้แห่งเมืองหุบเขาเก็บเกี่ยว ก็เพราะพวกเขากำลังยื้อเวลาและหาโอกาสเล่นงานอำมาตย์เฉินหย่ง แต่ใครจะไปคิดว่าลงท้ายจางเซวียนจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่เพียงเท่านั้น ยังสังหารนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จทันทีที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวด้วย ทำให้คนอื่นๆหวาดกลัวและกระเจิงไป
“เอ่อ…” จางเซวียนตาโตเมื่อเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน
นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไม 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จึงเลือกที่จะขโมยร่างกายท่อนบนของไอ้โหดอย่างเปิดเผย ลงท้าย มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการที่จะล่อหวู่เฉินออกมา
ในเมื่อหวู่เฉินมีท่อนแขนของไอ้โหด เขาก็น่าจะรับรู้ได้ถึงการปรากฏขึ้นของร่างกายท่อนบนทันทีที่มันถูกปลดปล่อยออกจากรูปปั้นนักปราชญ์ขุย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเคลื่อนไหวและเปิดเผยตัวแน่
ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวลั่วชิง หวู่เฉินคงเล่นงานเขาไปแล้วตอนที่เขาพยายามจะกักขังร่างกายท่อนบนของไอ้โหดไว้ในหนังสือเทียบฟ้า
เพราะไม่อย่างนั้น ในฐานะฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่มีทางที่หวู่เฉินจะยอมลดตัวลงมาเรียกคนไม่สลักสำคัญอย่างเขาว่า ‘นายน้อย’!
“พูดอีกอย่างก็คือ พวกคุณตกลงร่วมมือกันก่อนจะมุ่งหน้าไปยังภูเขาห้วยขาวเพื่อค้นหาเครื่องรางลำดับแรก” หวู่เฉินตั้งข้อสังเกต
ในครั้งนั้น เขารู้ว่ามีเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ในกลุ่มคนทั้ง 4 ที่เข้าสู่อาณาจักรโบร่ำโบราณที่ภูเขาห้วยขาว เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงอำลาหลัวลั่วชิงเพื่อไปสืบสาวราวเรื่อง ไม่ช้าก็พบว่าอีกสองอำมาตย์ได้วางแผนเข้าโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงรีบออกคำสั่งไปยังเผ่าพันธุ์ปีศาจให้ระงับการโจมตีไว้
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ข้อมูลมากพอ วิหารแห่งขงจื๊อก็ปรากฏขึ้นเสียก่อน เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องละทิ้งการสืบเสาะเรื่องราวและเดินทางมา
“ใช่แล้ว” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพยักหน้ารับ
“ดี!” เมื่อได้ถามทุกสิ่งที่อยากรู้ หวู่เฉินหลับตา ครู่ต่อมาก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน คลื่นพลังงานวนขนาดใหญ่หมุนติ้วอยู่ในม่านตาของเขา ราวกับหลุมดำอันล้ำลึก “ผมขอชื่นชมคุณที่มีความกล้าพอจะตลบหลังผม แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณจะฆ่าผมได้ง่ายๆล่ะก็ มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว!”
คำพูดนั้นดังก้องไปทั่ว เด็กชายวัยรุ่นค่อยๆยืดตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เจตนาสังหารที่เขาแผ่ออกมาเข้มข้นกว่าเดิม เพียงชั่ว 2-3 อึดใจ เขาก็กลายร่างเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมมงกุฎอันทรงเกียรติไว้บนศีรษะ เสื้อคลุมที่ใส่พริ้วไหวราวกับมังกรผงาด ทุกท่วงท่าของเขาแผ่รังสีและความทรงอำนาจของชนชั้นผู้นำที่แท้จริงออกมา
“เขาคืออำมาตย์เฉินหย่งจริงๆ…” จางหงเทียนพูดขณะที่ดาบในมือของเขาสั่นไม่หยุด
เขาไม่เคยพบฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดมาก่อน แต่เคยได้ยินเรื่องร่ำลือมามาก จากความเข้มข้นของรังสีที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา ก็แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคืออำมาตย์เฉินหย่งจริงๆ
จางหงเทียนไม่ใช่คนเดียวที่ประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ สีหน้าของนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆก็ตึงเครียดขึ้นทันทีขณะจับจ้องสถานการณ์ตรงหน้าอย่างระแวง
ครั้งสุดท้ายที่อำมาตย์เฉินหย่งปรากฏตัวก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ชื่อเสียงของเขายังคงสร้างความยำเกรงในหัวใจของใครก็ตามที่ได้ยิน
ในหมู่ชนชั้นสูงของทวีปแห่งปรมาจารย์ ไม่มีใครที่ไม่รับรู้ถึงประสิทธิภาพการทำลายล้างของฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด แม้พวกเขาจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกและมีความภาคภูมิใจในฐานะนักปราชญ์โบราณ แต่ก็เข้าใจได้โดยสัญชาตญาณว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่ คนที่จะพ่ายแพ้เพียงเพราะคู่ต่อสู้มีจำนวนมากกว่า
ส่วนอีกด้านหนึ่ง จางเซวียนก็เงียบกริบด้วยความขยะแขยงขณะเฝ้ามองหวู่เฉินกลับคืนสู่ร่างเดิม
จางเซวียนมั่นใจในประสิทธิภาพของดวงตาหยั่งรู้ แม้เขาจะไม่อาจใช้หอสมุดเทียบฟ้ากับหวู่เฉิน แต่ก็แน่ใจว่าน่าจะมองทะลุการปลอมตัวของอีกฝ่ายได้หากเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่เขาลืมเรื่องหนึ่งไปสนิท นั่นคือเครื่องรางแห่งการปลอมตัวของหลัวลั่วชิง
เพราะเคยใช้เครื่องรางนี้ปลอมตัวมาแล้ว จางเซวียนจึงรู้ดีถึงประสิทธิภาพของมัน เครื่องรางนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยปลอมแปลงรูปร่างหน้าตาและรังสี แต่ยังปลอมได้แม้กระทั่งสายเลือด
ถ้าหวู่เฉินใช้เครื่องรางนี้ปลอมตัวเป็นปรมาจารย์หยาง ก็เป็นไปได้ว่าแม้แต่เหล่านักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์ก็คงดูไม่ออก
เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่มีใครเจอตัวฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดเสียที ทั้งที่มีความพยายามมากมายในการค้นหาหลังจากได้ข่าวว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์แล้ว!
ส่วนเหตุผลที่สภาปรมาจารย์กับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์รู้ข่าวคราวว่าอำมาตย์เฉินหย่งเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์นั้น ก็น่าจะเป็นเพราะข้อมูลจากเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่แทรกซึมอยู่ในเผ่าพันธุ์ปีศาจ
เพียงครู่เดียว จางเซวียนก็เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอย่างทะลุปรุโปร่ง
เป็นไปได้ว่าหนึ่งในผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่รับใช้อำมาตย์เฉินหย่งคงรับรู้ได้ถึงการออกเดินทางของอีกฝ่าย จึงลักลอบส่งข้อความมาที่ตระกูลเจียง จากนั้นตระกูลเจียงก็ส่งข่าวให้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ซึ่งทำให้พวกนั้นรีบเตรียมการเล่นงาน
แต่สิ่งที่ยังคงเป็นปริศนาสำหรับจางเซวียนและทำให้เขาวุ่นวายใจก็คือตัวตนที่แท้จริงของหลัวลั่วชิง เธอเป็นใครกัน และมีบทบาทอย่างไรในการจัดฉากตบตาครั้งนี้?
“พวกเราไม่เคยคิดหรอกว่าการกำจัดคุณจะเป็นเรื่องง่าย แต่ดูจากสิ่งที่เราจะต้องเสียไป วันนี้เราจะปล่อยคุณไปก่อน!”
เมื่อเห็นอำมาตย์เฉินหย่งกลับคืนสู่ร่างเดิม นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงรู้ดีว่าการสู้รบครั้งใหญ่กำลังจะเริ่ม เขารีบกลืนยาลงไป 2 เม็ดเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายจากอาการบาดเจ็บภายในที่ได้รับก่อนหน้านี้ ก่อนจะชูง้าวในมือขึ้น นัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหาร
เหล่านักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ต่างก็ชูอาวุธขึ้นและเตรียมพร้อมทำสงคราม
หลังจากวางแผนกันมาเนิ่นนาน นี่คือช่วงเวลาที่พวกเขารอคอย การสู้รบครั้งนี้จะเป็นเป็นเครื่องชี้ชะตาของโลก
“100 สำนักแห่งนักปราชญ์อยากฆ่าผม และแม้แต่คนของผมเองก็อยากให้ผมตาย…ฮ่าฮ่าฮ่า!” อำมาตย์เฉินหย่งมองหน้าฝูงชนก่อนจะหัวเราะลั่น
เขาหันไปตั้งคำถามกับจางหงเทียนและเหล่านักปราชญ์ของสภาปรมาจารย์ “แล้วพวกคุณล่ะ?”
“ท่านพ่อและพี่น้องของผมถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจสังหาร ผมสาบานไว้แล้วว่าจะขออุทิศชีวิตนี้ให้กับการกำจัดพวกคุณทุกคน อำมาตย์เฉินหย่ง, ในเมื่อคุณคือผู้นำสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจ คุณก็จะต้องชดใช้บาปที่คนของคุณได้ทำไว้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่นะ ไม่น่าเชื่อว่าอำมาตย์เฉินหย่งผู้ยิ่งใหญ่จะตกมาอยู่ในมือของพวกเรา ต่อให้ผมต้องตายที่นี่ ผมก็จะลากคุณลงนรกไปกับผมให้ได้ วิญญาณของพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้วของผมจะได้สงบสุข!”
“คุณคือผู้ที่สังหารภรรยาของผมเมื่อหลายปีก่อน ถ้าวันนี้ผมล้างแค้นให้เธอได้ ชีวิตของผมก็จะไม่สูญเปล่า!”
…..
เหล่านักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์ก้าวออกมา เจตนาสังหารพลุ่งพล่านออกจากร่างของพวกเขา