อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1781 ความตายของจางหงเทียน
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1781 ความตายของจางหงเทียน
เป็นอย่างที่ปรมาจารย์หยางคาดเดา เหตุผลที่จางหงเทียนกล้าท้าทายตาเฒ่าหยูและถึงกับยอมรับเงื่อนไขของอีกฝ่ายด้วย ก็เพราะเขารู้ข้อบกพร่องในกระบวนท่าต่างๆของตาเฒ่าหยูแล้ว
อาจดูเหมือนเขากำลังตกเป็นเบี้ยล่าง แต่อันที่จริง จางหงเทียนกำลังมองหาโอกาสที่จะโจมตีอย่างจังๆและสังหารตาเฒ่าหยูให้ได้ในคราวเดียว
กระแสดาบฉีอันไม่มีที่สิ้นสุดแปรสภาพเป็นฝูงมังกรที่เผ่นโผนโจนทะยานอยู่กลางอากาศ ทำให้ตาเฒ่าหยูต้องกวัดแกว่งภาพลวงตารูปกรงเล็บของเขา
“ตอนนี้แหละ!”
เมื่อเห็นว่ามีจุดอ่อนในกระบวนท่าของตาเฒ่าหยูอย่างที่จางเซวียนบอกไว้ จางหงเทียนรีบซ่อนดาบของเขาไว้ท่ามกลางหมู่มังกรผงาดเพื่อตรงเข้าเล่นงานจุดอ่อนของตาเฒ่าหยู
“เพลงดาบซ่อนกระแสน้ำ!”
มันเป็นเทคนิคที่ได้รับการคิดค้นขึ้นจากอัจฉริยะเพลงดาบของตระกูลจางที่สิ้นหวังเรื่องความรัก หลังจากภรรยาของเขาถูกศัตรูสังหาร เขาก็ใช้เวลาหลายปีขัดเกลากระบวนท่านี้ให้สมบูรณ์แบบเพื่อล้างแค้น เขารู้ว่าพละกำลังของเขาอยู่ที่การควบคุมและซ่อนตัวท่ามกลางกระแสน้ำ ทำให้ศัตรูจับตัวเขาได้ยาก เขาจึงรอคอยช่วงเวลานั้นอย่างอดทนเพื่อจะได้จ้วงแทงเข้าที่ลำคอของศัตรู
เทคนิคที่จางหงเทียนใช้ คือการซ่อนดาบของเขาไว้ท่ามกลางหมู่มังกรนั้นก็ถือเป็นทำนองเดียวกัน
“จัดการเลย!”
เป็นอย่างที่คาดไว้ ตาเฒ่าหยูมองไม่เห็นดาบ เขากวัดแกว่งภาพลวงตารูปกรงเล็บอย่างบ้าคลั่งเข้าใส่กระแสดาบฉี พยายามปัดป้องมันออกไป
วิ้งงง!
ท่ามกลางหนึ่งในหมู่มังกรผงาด ดาบเล่มยาวพุ่งออกมา จากนั้นก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆในสายตาของตาเฒ่าหยู
แต่เขากำลังเร่งความเร็วของตัวเองจนเต็มพิกัด แรงโน้มถ่วงนั้นทำให้เขาไม่อาจหลบเลี่ยงหรือปกป้องตัวเองได้
ฉึกกกก!
ดาบจ้วงแทงเข้าที่ลำคอของตาเฒ่าหยูอย่างจัง พละกำลังมหาศาลที่จางหงเทียนปล่อยออกมาทำลายจุดสำคัญในร่างของเขา
“คะ-คะ-คะ-คุณ คุณรู้ได้อย่างไรว่ามีช่วงเวลาเหลื่อมล้ำอยู่ 1 ใน 100 วินาทีในตอนท้ายของเทคนิคของผม?” ตาเฒ่าหยูนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความไม่อยากเชื่อ
เขาไม่อยากเชื่อจริงๆว่าจะต้องมาตายแบบนี้!
ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา ทั้งคู่รบราฆ่าฟันกันมาในหลายสนามรบ และต่างก็คุ้นเคยกับเทคนิคการต่อสู้ของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เป็นความจริงที่ว่าจางหงเทียนแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อย แต่ถึงตาเฒ่าหยูจะเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ เขาก็ไม่เคยประสบปัญหาในการปกป้องตัวเอง
แต่ตอนนี้…
เทคนิคการต่อสู้ที่เขาเพิ่งสำแดงออกไปคือการปล่อยการโจมตีอย่างรวดเร็วโดยใช้ภาพลวงตารูปกรงเล็บ ในการกวัดแกว่งครั้งที่ 17 เพราะความบอบช้ำที่เขาได้รับเมื่อครู่ก่อน จึงเกิดช่วงเวลาที่เป็นช่องโหว่อยู่ 1 ส่วน 100 ของวินาที แต่เทคนิคนี้รวดเร็วมาก คนอื่นๆที่ฝึกฝนเทคนิควรยุทธเดียวกันหรือแม้แต่อำมาตย์เฉินหลิงก็ยังมองไม่เห็นช่องโหว่ที่ว่า
แล้วจางหงเทียนรู้จุดอ่อนของเขา และถึงกับจ้วงแทงเข้าทำลายการป้องกันตัวของเขาอย่างพอดิบพอดีได้อย่างไร?
“คุณแพ้แล้ว!” จางหงเทียนคำรามเลิกคิ้วอย่างวางมาด
บึ้มมม!
กระแสดาบฉีอันไร้ขอบเขตระเบิดภายในร่างของตาเฒ่าหยู ทำให้ร่างของเขาแหลกเป็นชิ้นๆ
ฟิ้วววว!
หนังสือเล่มหนึ่งพุ่งตรงเข้ากลืนกินเลือดเนื้อที่กระจัดกระจายของตาเฒ่าหยู จางหงเทียนเงยหน้ามอง และเห็นว่าจางเซวียนทำให้ชุดฟางยอมจำนนได้แล้วและกำลังมองลงมา เขาประสานมือ “ยินดีด้วย บรรพบุรุษเก่าแก่!”
“ก็เป็นเพราะคุณ ผมถึงสังหารเขาได้สำเร็จ!” จางหงเทียนหัวเราะลั่น
แต่ทันทีที่ความตึงเครียดหายไปจากร่าง เขาก็ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
เขาสังหารตาเฒ่าหยูได้สำเร็จ แต่ก็ใช้พละกำลังของตัวเองไปจนหมดเพื่อการนี้
“บรรพบุรุษเก่าแก่!”
จางเซวียนรีบพุ่งเข้ามาและถ่ายทอดพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่ร่างของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับกระสอบใบหนึ่งที่เต็มไปด้วยรูรั่ว ร่างของจางหงเทียนไม่อาจเก็บรักษาพลังงานไว้ได้อีกต่อไป
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”จางเซวียนตื่นตระหนก
เขารีบนำยาเม็ดเกรด 9 ออกมา 2-3 เม็ดแล้วป้อนใส่ปากของจางหงเทียน
น้อยครั้งเหลือเกินที่พลังปราณเทียบฟ้าจะทำให้เขาผิดหวัง และมีอยู่บ่อยครั้งที่เขาฉุดกระชากชีวิตของหลายคนกลับจากประตูแห่งความตายได้สำเร็จ นี่เป็นครั้งแรกที่มันกำลังบอกเขาว่าทุกอย่างที่ทำไปไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
จางหงเทียนคือนักปราชญ์โบราณคนสุดท้ายของตระกูลจาง และจางเซวียนก็ชื่นชอบทั้งบุคลิกและนิสัยของอีกฝ่าย เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับจางหงเทียนได้!
“ขอผมดูหน่อย” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตรงเข้ามาพยุงจางหงเทียน เขาทาบนิ้วลงบนชีพจรของอีกฝ่าย จากนั้นก็ลดสายตาลงครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า “ผมเกรงว่าเขามาถึงจุดสิ้นสุดของอายุขัยแล้ว คุณช่วยอะไรเขาไม่ได้แล้วล่ะ”
“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร? เขาอายุน้อยที่สุดในหมู่พวกคุณนะ จะสิ้นอายุขัยเป็นคนแรกได้อย่างไรกัน?” จางเซวียนไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เป็นที่รู้กันว่าจางหงเทียนคือผู้เชี่ยวชาญที่ปราดเปรื่องที่สุดในยุคสมัยของเขา ได้เป็นนักปราชญ์โบราณตั้งแต่อายุ 500 ปีต้นๆ และถึงแม้ระยะเวลาจะผ่านมาเป็นหมื่นปีแล้ว เขาก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจำศีล ในแง่ของอายุขัย เขาน่าจะมีอายุยืนยาวกว่านักปราชญ์โบราณคนอื่นๆ!
แล้วจะมาสิ้นอายุขัยก่อนคนอื่นได้อย่างไร?
“เขาใช้หยดเลือดของเขาไปกับการต่อสู้กับอำมาตย์เฉินหย่งเมื่อครู่นี้จนเกือบหมด และเพื่อให้แน่ใจว่าตาเฒ่าหยูจะตายสนิท เขาจึงปลดปล่อยพลังจนเกินขนาด ตอนนี้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว คุณช่วยชีวิตเขาไม่ได้แล้วล่ะ”
เหล่านักปราชญ์โบราณที่รวมตัวกันต่างรู้ดีว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานนัก แต่นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็ยังอดถอนหายใจอย่างสิ้นหวังไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนร่วมยุคสมัยอีกคนหนึ่งกำลังจะพบจุดจบ
นักปราชญ์โบราณนั้นสามารถต่อแขนขาที่ขาดไปและฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว แต่พวกเขาก็ไม่อาจฝ่าฝืนโชคชะตาและใช้ชีวิตที่เกินขีดจำกัดอายุขัยของตัวเอง
ไม่ว่านักรบคนหนึ่งจะทรงพลังสักแค่ไหน เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาถึงจุดสิ้นสุดของอายุขัย ก็จะต้องแหลกสลายกลายเป็นธุลี ต่อให้จะมีชีวิตสูงส่งหรือถ่อมตัวอย่างไร สิ่งนี้ก็เป็นชะตากรรมสุดท้ายที่รอคอยทุกชีวิตอยู่
แม้จางหงเทียนจะอายุน้อยกว่านักปราชญ์โบราณคนอื่นๆที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าร่วมการสู้รบทุกครั้ง ทำให้เกิดความบอบช้ำอย่างหนักในร่างกาย อันที่จริง หากไม่ใช่เพราะได้รับการถ่ายทอดสายเลือดเมื่อ 20 ปีก่อน เขาคงตายไปนานแล้ว
ในแง่หนึ่ง ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์ที่เขามีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ แถมยังได้เข้าร่วมสงครามครั้งใหญ่ถึงสองครั้ง
จางเซวียนหันไปมองหยางชวนและอุทานอย่างร้อนใจ “ปรมาจารย์หยาง คุณถ่ายทอดสายเลือดได้ไม่ใช่หรือ? มอบสายเลือดของผมให้บรรพบุรุษเก่าแก่สิ บางทีมันอาจช่วยชีวิตเขาได้…”
หยางชวนมองจางเซวียนที่กำลังปั่นป่วน ก่อนจะส่ายหน้าอย่างจนปัญญาและยิ้มเจื่อนๆ “ศิษย์พี่ คุณถ่ายทอดสายเลือดของคุณให้เขาไปครั้งหนึ่งแล้ว เลือดของคุณไม่มีอานุภาพใดๆต่อเขาอีกแล้วล่ะ…”
“แต่…” จางเซวียนอยากจะทักท้วง แต่ก็ถูกปรมาจารย์หยางขัดไว้
“เกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่คือวัฏจักรตามธรรมชาติของชีวิต ต่อให้นักปราชญ์โบราณก็ฝ่าฝืนวัฏจักรนี้ไม่ได้ ในกาลก่อน ตระกูลจางมีชื่อเสียงจากการที่มีนักปราชญ์โบราณผู้ยิ่งใหญ่ถึง 9 คน ไม่มีใครที่จะไม่ยำเกรง แต่เมื่อเวลาผ่านไป นักปราชญ์โบราณแต่ละคนก็กลายสภาพเป็นแค่ป้ายชื่อที่อยู่บนแท่น เหลือไว้เพียงตำนานของอดีตให้ผู้คนได้หวนระลึกถึง!”
ได้ยินคำนั้น จางเซวียนเงียบกริบ
“ไม่ต้องเสียอกเสียใจกับผมหรอก” จางหงเทียนมองทายาทของเขาพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนแรง “เหตุผลที่ผมยื้อชีวิตไว้นานก็เพราะผมเป็นนักปราชญ์โบราณเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตระกูลจาง ถ้าผมตาย ทั้งตระกูลก็จะต้องเสื่อมถอย…ผมดีใจจริงๆนะที่คุณปรากฏตัวขึ้นและมีความสามารถขนาดนี้ คุณเก่งกาจทัดเทียมกับผมเลยทีเดียว ผมหมดห่วงแล้ว”
“แต่…” จางเซวียนนัยน์ตาแดงก่ำ
“การเกิดและตายเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรตามธรรมชาติของโลก นับจากวินาทีที่นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้และผมตัดสินใจเข้าสู่การจำศีล จางหงเทียนก็ได้ตายไปแล้ว เหตุผลเดียวที่ผมยังยื้อชีวิตเอาไว้ก็เพื่อปกป้องตระกูลจางและมวลมนุษยชาติให้อยู่รอด” จางหงเทียนพูด
“การปรากฏตัวของคุณช่วยแบกรับภาระและความรับผิดชอบที่ผมเคยแบกไว้มานาน ในที่สุดผมก็จะได้พักผ่อนโดยปราศจากความกังวลเสียที นี่ไม่ใช่โอกาสที่ควรเศร้าโศกเสียใจนะ แต่ควรจะมีความสุข สิ่งสำคัญที่ผมยังมีอยู่ก็คือคุณ ตอนนี้คุณอาจเป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติก็จริง แต่คุณก็จะต้องแบกรับภาระของทั้งตระกูลจางไว้ และบางทีอาจรวมถึงมวลมนุษยชาติด้วย เส้นทางที่อยู่เบื้องหน้าคุณนั้นมีความยากลำบากมากมายกว่าเส้นทางของผมหลายเท่านัก”
ขณะที่จางหงเทียนพูด เขาก็มองไปรอบๆพร้อมกับหัวเราะเสียงแผ่วอย่างอ่อนแรง
“เอาล่ะ สหาย บางทีเราอาจได้พบเจอกันชาติหน้าและได้สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันในฐานะพี่น้อง ตอนนี้ผมเหนื่อยแล้ว ขอตัวก่อนนะ…”
จากนั้น จางหงเทียนก็หลับตาลงเป็นครั้งสุดท้าย