อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1785 ความจริงเรื่องตัวตนของเขา
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1785 ความจริงเรื่องตัวตนของเขา
“จางเซวียน?”
“เป็นเขาจริงๆ…”
ความเงียบงันครอบคลุมไปทั่ว ทุกคนปากสั่นด้วยความไม่อยากเชื่อ
เพราะมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังในการกระจายข่าวเรื่องจางเซวียนกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจในวิหารแห่งขงจื๊อภายในเวลาเพียง 3 วัน ทุกคนในทวีปแห่งปรมาจารย์ก็รู้เรื่องนี้
ไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ที่ไม่สาปแช่งเขา ในสายตาของคนเหล่านั้น จางเซวียนคือปรมาจารย์ที่ล้มเหลวในการแบกรับความรับผิดชอบของตัวเอง เปิดโอกาสให้เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเข้ามาถือไพ่เหนือกว่า
ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงรู้สึกว่าคำตัดสินของสภาปรมาจารย์มีความชอบธรรม พวกเขาต่างแซ่ซร้องเมื่อได้ยินคำพิพากษา
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าความสุขสงบอย่างที่เป็นอยู่และความรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในเวลานี้ ถึงขนาดที่นักรบทั่วไปก็เข้าสู่อาณาจักรใต้ดินได้นั้นเป็นผลงานของบุคคลที่พวกเขาจงเกลียดจงชัง
คนคนนี้ได้มอบทุกอย่างที่เขามีให้กับมวลมนุษย์ แต่ก็ถูกบีบคั้นจากผู้ที่เขาปกป้องให้ต้องทำการจบชีวิตตัวเอง
คนคนหนึ่งจะต้องสิ้นหวังขนาดไหนขณะที่ฆ่าตัวตาย?
“ตอนที่จางเซวียนทำการจบชีวิตตัวเอง บรรดาลูกศิษย์ของเขาบุกเข้าไปในสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่และทำร้ายปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวทุกคนที่อยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่กล้าตอบโต้พวกคุณรู้ไหมว่าทำไม?” พี่อู๋ตั้งคำถาม
ผู้ฟังต่างส่ายหน้า
“นั่นก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าจะไม่มีวันได้พบกับความสงบสุขอย่างทุกวันนี้หากไม่มีปรมาจารย์จาง ถ้าไม่ใช่เพราะการเสียสละของปรมาจารย์จาง ทวีปแห่งปรมาจารย์คงถูกสงครามเล่นงานจนแหลกสลายไปแล้ว!”
“ผมไม่เข้าใจ” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งตั้งคำถาม “ในเมื่อสภาปรมาจารย์รับรู้ถึงคุณงามความดีของปรมาจารย์จาง แล้วทำไมถึงไม่พยายามอธิบายและแก้ไขความเข้าใจผิดต่างๆที่เกิดขึ้น? ทำไมถึงเลยเถิดไปถึงขั้นบีบบังคับให้เขาต้องจบชีวิตตัวเอง?”
ได้ยินคำนั้น ฝูงชนรีบพยักหน้า
คุณงามความดีใหญ่หลวงของจางเซวียนที่มีต่อมวลมนุษย์น่าจะเพียงพอให้ความผิดต่างๆของเขาถูกลบล้างไปได้ แล้วทำไมสภาปรมาจารย์ถึงยังกดดันเขาขนาดนี้?
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด น่าจะเป็นเพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นชักใยบงการอยู่เบื้องหลัง ว่ากันว่าในตอนนั้น อำมาตย์เฉินชิงกับอำมาตย์เฉินหลิงก็อยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อด้วย แต่ลงท้ายทั้งคู่ก็หลบหนีไป เป็นไปได้ว่าพวกเขาคือผู้กระจายข่าวลือ!”
พี่อู๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อ “เพราะข่าวลือแพร่สะพัดไปราวกับไฟป่า ปรมาจารย์มากมายจึงเดินหน้าตบเท้ามารวมตัวกันที่ด้านนอกสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่และเรียกร้องให้ทางสำนักงานใหญ่ส่งตัวจางเซวียนออกมา แม้จางเซวียนจะสร้างคุณงามความดีมากมายต่อมวลมนุษย์ แต่ความจริงข้อหนึ่งก็คือเขาปล่อยให้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหนีรอดไปได้พร้อมกับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง ถ้าสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่เลือกเข้าข้างจางเซวียน ก็จะทำให้ทั้งโลกสูญเสียความเชื่อมั่นในคำตัดสินของพวกเขา และอาจก่อเกิดเป็นรอยร้าวและความขัดแย้งในหมู่มวลมนุษย์ เพื่อบรรเทาความเคืองแค้นของเหล่าปรมาจารย์ จางเซวียนจึงเลือกที่จะจบชีวิตของเขา ให้ชาวโลกได้รับคำอธิบายที่น่าพอใจ…”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็ เขาก็คือปรมาจารย์ตัวจริง!”
“ยึดมั่นในศรัทธาและเสียสละชีวิตของตัวเองอย่างกล้าหาญ นั่นคือเครื่องหมายของวีรบุรุษที่แท้จริง!”
“เมื่อเขาจบชีวิตลง เผ่าพันธุ์ปีศาจจะไม่อาจใช้เรื่องนี้มาระดมมวลมนุษย์ให้ต่อต้านสภาปรมาจารย์ได้อีก และในเวลาเดียวกัน สภาปรมาจารย์ก็จะได้มีโอกาสรื้อโครงสร้าง จัดระเบียบสมาชิกของตัวเองเสียใหม่ และกำจัดบรรดาสายลับกับหอกข้างแคร่ออกไปจากทวีปแห่งปรมาจารย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทางเลือกของเขาได้ช่วยพลิกวิกฤติครั้งใหญ่ให้กับมวลมนุษย์ แต่…เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมกับเขาเลย! เขาทำอะไรให้พวกเรามากมาย แต่ลงท้ายก็ต้องพบกับชะตากรรมอันขมขื่น!”
“พวกเราเป็นหนี้บุญคุณเขา…”
…..
ทุกคนนัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อเข้าใจเรื่องทั้งหมด
นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ เพราะจางเซวียนเป็นปรมาจารย์ ทุกคนจึงคาดหวังว่าเขาจะต้องมีมาตรฐานของคุณธรรมและจริยธรรมสูงกว่าคนทั่วไป ทันทีที่เขาทำความผิด ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ มันก็กลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับเข้าทำลายชื่อเสียงของเขาเอง
ดูสิ แม้แต่คนแบบนี้ก็ยังเป็นปรมาจารย์ได้ คุณไม่รู้สึกบ้างหรือว่าสภาปรมาจารย์ตกต่ำลงทุกที?
คนนิสัยแบบนี้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร?
แต่พวกเขาลืมนึกไปว่าปรมาจารย์ไม่ใช่พระอิฐพระปูน พวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่ผิดพลาดได้ ไม่อาจทำทุกอย่างถูกต้องได้ตลอดเวลาและบางครั้งก็มีความเห็นแก่ตัวเช่นกัน
ชื่อเสียงโด่งดังของสภาปรมาจารย์เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนอันยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน
ผู้คนต่างคาดหวังให้ปรมาจารย์ทำความดี ด้วยเหตุนี้ คุณงามความดีของพวกเขาจึงมักถูกละเลย แต่ทันทีที่เกิดความผิดพลาดเรื่องราวจะแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วว่า ‘สุดท้ายปรมาจารย์ผู้นี้ก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงซึ่งเขาปกปิดมาตลอด’
เรื่องนี้เป็นทำนองเดียวกันกับวายร้ายตัวฉกาจสักคนหนึ่งที่บางครั้งก็ทำความดี ผู้คนจะพากันคิดว่าแท้ที่จริงนิสัยของวายร้ายผู้นั้นก็ไม่ได้เลวร้ายจริงๆอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น
นี่คือสถานการณ์เดียวกันกับที่ปรมาจารย์จางต้องเผชิญ
การที่เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นและปล่อยให้อีกฝ่ายฉกฉวยมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงไปได้ถือเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยสำหรับปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติ ไม่มีอะไรที่ปรมาจารย์จางจะทำเพื่อชดใช้อาชญากรรมครั้งนี้ได้ ถ้าสภาปรมาจารย์พยายามปกป้องเขา ก็จะต้องพบเรื่องเดือดร้อนเช่นกัน
ในเมื่อจนมุมและปราศจากทางเลือก ปรมาจารย์จางจึงทำได้แค่จบชีวิตของเขาด้วยความสิ้นหวัง
ดูเหมือนทุกอย่างจะคลี่คลายแล้ว แต่นี่ก็เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของมวลมนุษย์ ดวงดาวที่ส่องสว่างที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ลาลับไป
“จริงด้วย ปรมาจารย์จางอาจอายุยังน้อย แต่ก็สร้างวีรกรรมชนิดที่ปรมาจารย์มากมายนับไม่ถ้วนยังทำไม่ได้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา เขาคือบุคคลที่ผมเคารพมากที่สุดในโลก ผมพร้อมจะอุทิศชีวิตของผมเพื่อปกป้องเขา!” พี่อู๋พยักหน้าอย่างมุ่งมั่น
“ผมไม่รู้เรื่องนี้ ผมคิดว่าเขาทรยศเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตอนนี้เมื่อรู้ความจริงแล้ว ผมก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน ผมจะไม่ปล่อยให้ใครที่เสียสละเพื่อมวลมนุษย์ถึงขนาดนี้ต้องมีชื่อเสียงด่างพร้อย!”
“ผมด้วย!”
ฝูงชนที่อยู่ใต้หอนาฬิกาต่างพยักหน้ารับอย่างเด็ดเดี่ยว
ในเมื่อปรมาจารย์จางเป็นคนดี พวกเขาก็จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องโดนใครดูถูก แม้จะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม!
…..
ที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ เหรินชิงหยวนหน้าดำคร่ำเครียด“ปรมาจารย์หยาง ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมปรมาจารย์จางตัดสินใจทำแบบนี้? อย่างน้อยที่สุด เขาก็น่าจะพยายามอธิบายอะไรบ้างไม่ใช่หรือ?”
เขาไม่อาจทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจคลี่คลายได้หากจางเซวียนพยายามอธิบายทำไมเขาต้องเลยเถิดถึงขนาดฆ่าตัวตาย?
“ผมถามเรื่องนี้กับเซียนดาบชิงเหมิงแล้ว พวกเขาบอกผมว่าศิษย์พี่ได้ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณหงเทียน” ปรมาจารย์หยางพูด
เมื่อได้ฟังคำตอบที่คาดไม่ถึง เหรินชิงหยวนขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “เขาได้ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณหงเทียน?”
“นักปราชญ์โบราณหงเทียนมีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด” ปรมาจารย์หยางอธิบาย
“นักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด…ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณหงเทียน…เดี๋ยวก่อน หรือว่า?” เหรินชิงหยวนหรี่ตาเมื่อเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
“ใช่แล้ว!” ปรมาจารย์หยางพยักหน้า “เหตุผลที่ศิษย์พี่ของผมตัดสินใจจบชีวิตที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่เป็นมากกว่าการมอบคำอธิบายให้มวลมนุษย์ เขาน่าจะมีแรงผลักดันบางอย่างอยู่ในใจ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ผมเกรงว่าผมไม่มีความสามารถพอจะคาดเดาความคิดของเขา”
“พูดอีกอย่างก็คือ…ปรมาจารย์จางยังไม่ตายใช่ไหม?” เหรินชิงหยวนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
เขานึกว่าชายหนุ่มเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ และเสียอกเสียใจอยู่นานแต่ถ้าชายหนุ่มได้ซึมซับหยดเลือดของนักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด อีกฝ่ายก็คงไม่ตายง่ายๆ
“ผมต้องขอให้คุณเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสุดยอด อย่าได้บอกมันกับใครนะ!” เห็นความตื่นเต้นของเหรินชิงหยวน ปรมาจารย์หยางเตือนอย่างเคร่งขรึม
“วางใจเถอะ ผมเข้าใจ!” เหรินชิงหยวนรีบพยักหน้า
“ดี” ปรมาจารย์หยางพยักหน้าก่อนจะเงียบไป
ไม่นานหลังจากที่เหรินชิงหยวนออกจากห้อง ปรมาจารย์หยางก็โบกมือ เขาทะลุมิติเข้าสู่มิติลี้ลับแห่งหนึ่ง
กระแสของกาลเวลาในมิติลี้ลับแห่งนั้นต่างจากทวีปแห่งปรมาจารย์มาก มันเชื่องช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดที่ 10 วันของโลกภายนอกจะเท่ากับระยะเวลาในมิติลี้ลับเพียง 1 วันเท่านั้น
“คุณมาแล้ว…”
เมื่อเห็นปรมาจารย์หยาง นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งของสภาปรมาจารย์ก็ฟื้นจากการหลับไหลและลุกขึ้นยืน
ไม่ช้า นักปราชญ์โบราณอีกจำนวนหนึ่งก็เข้ามารุมล้อมปรมาจารย์หยาง
พวกเขาคือนักปราชญ์โบราณเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากการสู้รบกับอำมาตย์เฉินหย่งที่วิหารแห่งขงจื๊อ นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
“คุณบอกว่ามีข่าวคราวจะแจ้งพวกเรา เรื่องอะไรกัน?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตั้งคำถาม
เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ ปรมาจารย์หยางบอกไว้แล้วว่ามีเรื่องจะแจ้ง แต่ในเวลานั้นยังไม่สะดวกเพราะเรื่องนี้เป็นความลับ
“สิ่งที่ผมจะบอกพวกคุณคือเรื่องตัวตนที่แท้จริงของปรมาจารย์จาง” ปรมาจารย์หยางโค้งคำนับอย่างงามก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ
“ตัวตนที่แท้จริงของเขา?”
ทุกคนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่แน่ใจว่าปรมาจารย์หยางหมายถึงอะไร
จางเซวียนไม่ใช่ปรมาจารย์หรือ? แล้วเขาจะเป็นอะไรอื่นได้?
“ใช่!” ปรมาจารย์หยางพยักหน้า “บอกพวกคุณตามตรงนะปรมาจารย์จางไม่ได้เป็นแค่ปรมาจารย์ แต่เป็น…ปรมาจารย์ฟ้าประทานด้วย!”