อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1793 นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวิน
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1793 นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวิน
“นี่คือภูเขาสินแร่แม่เหล็กดึกดำบรรพ์!”
เพราะเกรงว่าพวกเขาจะดึงดูดความสนใจของสองอำมาตย์ จางเซวียนกับหวู่เฉินจึงไม่กล้าเปิดรอยแยกของมิติและทะลุมิติไป แต่โชคดีที่ภูเขาสินแร่แม่เหล็กดึกดำบรรพ์อยู่ใกล้เมืองหลวง ทั้งคู่จึงใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นภูเขา แต่คำที่ถูกต้องกว่าน่าจะเรียกว่า ‘หลุมดำ’ หลุมดำนั้นถูกอาบด้วยสีดำสนิทของความมืดมิด มันครอบคลุมทุกอย่างที่อยู่ในสายตาของพวกเขา บรรยากาศเย็นเยือกและน่าขยะแขยงกรุ่นออกมาจากภายใน
“ขอผมลองดูหน่อย!” หวู่เฉินลอยตัวอยู่เหนือหลุมดำนั้น เขาสูดหายใจลึกและตะโกน “พี่เฮ่าฉวิน, เฉินหย่งมาเยี่ยมคุณ!”
เสียงของเขาอยู่ในรูปของเส้นด้ายพลังปราณ ซึ่งถูกส่งตรงลึกเข้าไปในหลุมดำ ก้องลึกลงไปในนั้นหลายล้านลี้
หวู่เฉินตะโกนอยู่ถึง 3 ครั้งกว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น หมู่เมฆดำดูจะส่งเสียงก้องขึ้นมาจากส่วนลึกของหลุมดำ รังสีถูกปล่อยออกจากหลุมดำนั้นอย่างช้าๆ เกิดเป็นแสงสว่างกลางอากาศ
ทันทีที่เผชิญหน้ากับรังสีนั้น จางเซวียนกับหวู่เฉินรู้สึกทันทีว่าพวกเขาสูญเสียการทรงตัว ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุด ราวกับมีอำนาจบางอย่างเข้าขวางการไหลเวียนกระแสพลังปราณของพวกเขาไว้ ทั้งคู่เกือบร่วงลงมาจากกลางอากาศ
จางเซวียนเลิกคิ้ว นี่มันอำนาจของแม่เหล็ก!
เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่เหมือนกับสนามแม่เหล็กถูกติดตั้งไว้ในพื้นที่ แต่สนามแม่เหล็กแห่งนี้ถูกออกแบบมาให้มีอำนาจทำลายล้างพลังปราณ ทำให้นักรบสูญเสียการควบคุมพละกำลังของตัวเอง
“ฮึ่มมม!”
หวู่เฉินทนปลอมตัวไม่ไหวอีกต่อไป เขากลับคืนสู่รูปลักษณ์ดุร้ายดังเดิมและแผ่ปราณสังหารอันเข้มข้นและทรงพลังออกมา ทำให้เรียกความสมดุลของร่างกายกลับคืนมาได้อีกครั้ง แต่เพราะอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี การเรียกคืนพละกำลังจึงทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนป่วย
ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็สะบัดข้อมือและชักกระบี่เปลวเพลิงสีดำออกมา เมื่อมีกระบี่เปลวเพลิงสีดำเข้าช่วย การทรงตัวของเขาก็มั่นคงขึ้น
สนามแม่เหล็กนี้ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีพลังปราณของนักรบให้ปั่นป่วน แต่ด้วยความที่เป็นอาวุธ กระบี่เปลวเพลิงสีดำไม่มีพลังปราณ มันจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากสนามแม่เหล็ก
รังสีทรงพลังพุ่งขึ้นจากหลุมดำอีกครั้ง ไม่ช้าร่างหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับรังสีนั้น
“พี่เฮ่าฉวิน!” อำมาตย์เฉินหย่งประสานมือและทักทายอีกฝ่าย
จางเซวียนหันมาประเมินนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวิน
เขาสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท สิ่งเดียวที่มองเห็นได้จากร่างของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินคือนัยน์ตาสีเลือดคู่นั้น รังสีที่เขาแผ่ออกมาเข้มข้นและทรงพลังมาก ทำให้ยากที่จะประเมินประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขา ในแง่ของพละกำลัง เขาน่าจะเหนือกว่าแม้แต่ตาเฒ่าหยูกับจางหงเทียน
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่หวู่เฉินจงใจมาขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย
“อำมาตย์เฉินหย่ง คุณควรจะรู้นะว่าผมเลือกปลีกตัวจากโลกภายนอกแล้ว ต่อให้คุณมาเยี่ยมเยียนผมก็ไม่มีประโยชน์หรอก!” นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยขณะซ่อนสองมือไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีดำ
“ผมเชื่อว่าคุณคงรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงแล้ว พี่เฮ่าฉวิน ครั้งนี้ผมต้องการความช่วยเหลือของคุณจริงๆ!” อำมาตย์เฉินหย่งพูดขณะโค้งคำนับ
นักรบคนไหนก็ดูออกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและพร้อมจะจบชีวิตได้ทุกขณะ ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องอธิบายอะไรให้มากความ
“อำมาตย์เฉินหย่ง ความตายน่ะเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ต่อให้ชายผู้ยิ่งใหญ่อย่างคุณก็ต้องลงเอยด้วยความตาย ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่คุณเต็มใจมาเยี่ยมผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนคุณจะจบชีวิต แต่ถ้าไม่มีอะไรอื่นล่ะก็ ผมขอตัว!” นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินตอบอย่างเย็นชา
เขากระทืบเท้า แล้วลำแสงที่อยู่รอบตัวก็สลายไป ดูเหมือนเขากำลังจะกลับเข้าสู่หลุมดำอันมืดมิด
เห็นนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินกำลังจะกลับหลุมดำ อำมาตย์เฉินหย่งละล่ำละลัก “พี่เฮ่าฉวิน ผมถูกคนอื่นทรยศ และชีวิตของผมก็กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ความปรารถนาเดียวของผมในตอนนี้คือกำจัดศัตรูก่อนที่ผมจะต้องจบชีวิต…”
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ใครกันจะว่างถึงขนาดมาเยี่ยมคุณก่อนที่จะตาย?
ผมดูสนิทสนมกับคุณมากหรือไง?
นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินส่ายหน้า “เนิ่นนานหลายปีมาแล้วที่ผมอยู่ในตำแหน่งอันทรงอำนาจ ซึ่งผมไม่ปรารถนาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นอีก…”
เขาโบกมือ แล้วลำแสงก็พุ่งกลับลงไปในหลุมดำ ร่างของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินค่อยๆร่อนลงสู่ความมืดมิด
“ช้าก่อน!”
ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะหายลับไป จางเซวียนส่งเสียงเรียก ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยกมือขึ้นและกระดิกนิ้วเบาๆ
ลำแสงที่อยู่ใต้ร่างของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินปั่นป่วนขึ้นมาทันที สนามแม่เหล็กที่อยู่ในพื้นที่ ปรับเปลี่ยนเป้าหมายของมันและพุ่งเข้าโจมตีร่างสีดำนั้น
ฟึ่บ!
เมื่อถูกสนามแม่เหล็กเล่นงาน ก็ดูเหมือนว่าหลุมดำจะปฏิเสธการปรากฏตัวของเขา ด้วยเหตุนี้ ร่างของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินจึงถูกผลักออกจากหลุมดำนั้น
“นี่มันบ้าบออะไร…คุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงควบคุมอำนาจของแม่เหล็กได้?” นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
อำนาจของแม่เหล็กไม่เคยเป็นสิ่งที่นักรบคนไหนจะควบคุมมันได้ เพื่อจะทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ เขาใช้เวลากว่าสามพันปีอยู่ในหลุมดำนี้กว่าจะเข้าถึงการควบคุมระดับพื้นฐานต่อ พละกำลังอันน่าสะพรึงที่แม้แต่บรรดานักรบรุ่นเดียวกันกับเขาก็ยังหวาดผวา
แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับควบคุมรังสีที่เชื่อมโยงกับอำนาจของแม่เหล็กและทำให้มันต่อต้านเขาได้… เป็นไปได้อย่างไรกัน?
“ผมไม่ได้ควบคุมอำนาจแม่เหล็กนะ แต่เพราะข้อบกพร่องในร่างกายของคุณ ผมจึงถ่ายทอดอำนาจของแม่เหล็กในพื้นที่เข้าสู่พลังปราณของคุณและจัดการให้มันสอดคล้องกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม!” จางเซวียนอธิบายอย่างสุขุม
ในเวลาเดียวกัน เขากระดิกนิ้ว จากนั้นก็เก็บกระบี่เปลวเพลิงสีดำเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ ซึ่งก็น่าแปลกใจที่แม้จะไม่มีกระบี่เปลวเพลิงสีดำคอยช่วยพยุงแล้ว จางเซวียนก็ยังลอยตัวอยู่กลางอากาศได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากอำนาจของสนามแม่เหล็กในพื้นที่เลย
ในเมื่อพลังปราณเทียบฟ้าของเขาสามารถเลียนแบบได้แม้แต่ปราณสังหารของเผ่าพันธุ์ปีศาจ การที่จางเซวียนจะปรับเปลี่ยนมันให้กลมกลืนกับสนามแม่เหล็กที่อยู่รอบตัวเขาได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
ก่อนหน้านี้ ตอนที่นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินเปิดการโจมตีครั้งแรก จางเซวียนได้ใช้หอสมุดเทียบฟ้าวิเคราะห์ความสามารถของอีกฝ่าย และได้วิธีตอบโต้มา
“ข้อบกพร่องในร่างกายของผม? พลังปราณที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม?” นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินขมวดคิ้ว
“ใช่แล้ว” จางเซวียนตอบ
เขาสูดหายใจลึกและยกมือขึ้นช้าๆ
ฟิ้วววว!
ลำแสงที่อยู่ในหลุมดำพุ่งออกมาและโอบล้อมร่างของเขาไว้ ทำให้จางเซวียนดูเหมือนยักษ์ที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ
คุณสมบัติของพลังปราณเทียบฟ้าสามารถเปลี่ยนไปได้ตามเจตจำนง จึงเป็นธรรมดาที่จางเซวียนจะปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของมันจนทำให้เขาสามารถควบคุมอำนาจของแม่เหล็กในพื้นที่ได้ ด้วยสภาวะของจางเซวียนตอนนี้ ภูเขาสินแร่แม่เหล็กดึกดำบรรพ์เปรียบเสมือนแหล่งพลังงานอบอุ่นสำหรับเขา ทำให้เขามีประสิทธิภาพการต่อสู้เหนือชั้นกว่าเดิม
“คุณควบคุมอำนาจของแม่เหล็กได้จริงๆ!” เมื่อเห็นว่าความสามารถในการควบคุมสนามแม่เหล็กโดยรอบของตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับชายหนุ่ม นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินหน้าถอดสีด้วยความประหลาดใจ
ไม่นึกเลยว่าทั้งๆที่ลงทุนลงแรงมากว่าสามพันปีเพื่อทำความเข้าใจอำนาจของแม่เหล็ก เขาก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึง!
รู้ดีว่าตัวเองทำให้นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินเกิดความสนใจได้แล้ว จางเซวียนรุกคืบ “ถ้าคุณเต็มใจช่วยอำมาตย์เฉินหย่งล่ะก็ ผมจะถ่ายทอดความสามารถในการควบคุมแม่เหล็กให้”
“เอ่อ…”
เป็นไปตามคาด นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินลังเลกับข้อเสนอที่ได้รับ
สำหรับใครคนหนึ่งที่ใช้เวลากว่าสามพันปีปลีกวิเวกอยู่ในภูเขาสินแร่แม่เหล็กดึกดำบรรพ์เพื่อทำความเข้าใจอำนาจของแม่เหล็ก ข้อเสนอที่จางเซวียนหยิบยื่นให้ถือว่าเย้ายวนใจมาก
การตัดสินใจปลีกวิเวกของนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินในดินแดนรกร้างเปล่าเปลี่ยวแห่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างหุนหันพลันแล่น แต่เป็นเพราะความปรารถนาที่จะแผ้วทางหนทางไปสู่วรยุทธในระดับที่สูงขึ้นที่ทำให้เขาพยายามทำความเข้าใจอำนาจของแม่เหล็ก หากเขาได้ความสามารถในการควบคุมสนามแม่เหล็กมาจริงๆ ก็มั่นใจว่าวรยุทธจะต้องพุ่งพรวด การจะผลักดันวรยุทธให้สูงไปกว่าขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดน่าจะมีความเป็นไปได้สูง!
ถึงนักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินจะหวั่นไหวกับข้อเสนอ แต่ก็ไม่รีบร้อนตัดสินใจ เขาหันไปตั้งคำถามกับอำมาตย์เฉินหย่ง “ใครทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ?”
ในเมื่อศัตรูคือใครคนหนึ่งที่สามารถเล่นงานได้แม้แต่กับฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจหมายเลข 1 จนอยู่ในสภาพนี้ เขาก็ต้องคิดใคร่ครวญให้ดีก่อนจะยอมรับข้อเสนอ แม้จะมั่นใจในพละกำลังของตัวเอง แต่ก็จะไม่ปล่อยให้ความมั่นใจเข้าครอบงำการตัดสินใจโดยใช้เหตุผล
หากไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้ชัยชนะ เขาจะไม่เอาตัวเข้าสู่เส้นทางของอันตราย ต่อให้มีโอกาสจะได้เรียนรู้กรรมวิธีการควบคุมอำนาจของแม่เหล็กก็ตาม
“เขาคืออำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิง พวกนั้นร่วมมือกับมนุษย์เพื่อลอบสังหารผม” อำมาตย์เฉินหย่งตอบ
“พวกเขาคือคนที่ทำร้ายคุณหรือ?”
เมื่อได้ยินว่าตัวการคือสองอำมาตย์ นักปราชญ์โบราณเฮ่าฉวินหน้าเสีย “เกรงว่าผมจะช่วยอะไรคุณในเรื่องนี้ไม่ได้ ไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเถอะ!”