อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1820 ปะทะนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1820 ปะทะนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง
บึ้มมมม!
ถ้ำสั่นสะเทือน ลาวากระฉอกเดือดพล่าน นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงหรี่ตาขณะพูดด้วยน้ำเสียง แหบห้าวราวกับจะทลายโลกนี้ให้พินาศ “คุณว่าอะไรนะ?”
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรีบเข้าไปขนาบข้างจางเซวียนแล้วตั้งคำถาม “คุณคิดจะทำอะไร?”
เขานึกไม่ถึงว่าท่านประธานจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ แต่ในเมื่อเขาเลือกจะติดตามท่านประธานแล้วก็ไม่อาจถอยได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะพูดอะไรก็ตาม
“ผมได้ยินว่าเผ่าพันธุ์ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณของพวกคุณหยิ่งผยองมาก เป็นเพราะพวกคุณปฏิเสธที่จะยอมจำนนให้ปรมาจารย์ขง เผ่าพันธุ์ของคุณจึงลงเอยด้วยการถูกสภาปรมาจารย์สังหารและถูกเนรเทศให้ต้องอพยพมาที่นี่…เมื่อก่อนผมคิดว่ามันเป็นแค่ตำนาน แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นเรื่องจริง!”
นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงก้าวออกมาก้าวหนึ่ง คลื่นความร้อนแผดเผาอันทรงพลังแผ่ออกไปโดยรอบ
หลายพันปีมาแล้วที่เขารับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าพันธุ์อสูรที่อยู่ในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครพยายามจะทำให้เขาตกเป็นอสูรของผู้นั้น แม้แต่อำมาตย์เฉินหย่งยังไม่เคยกล้าพูดอะไรแบบนี้ แล้วเจ้าหนุ่มที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานคนหนึ่งกลับอาจหาญพูดออกมา…บังอาจนัก!
ถ้าเขาไม่สั่งสอนบทเรียนให้อีกฝ่าย แล้วเกียรติยศศักดิ์ศรีของเขาจะเหลืออะไร?
“ไม่ใช่เรื่องของคุณที่จะมาพูดว่าเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณของเราทำอะไรลงไปบ้าง!”นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคำราม
“อ้อ อย่างนั้นหรือ?”
ศีรษะขนาดใหญ่เอนเข้ามา เปลวเพลิงเจิดจ้าแผดเผาลงมาจากด้านบน นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหรี่ตาด้วยความทึ่งขณะรีบก้าวออกไปและชูแขนทั้งสองขึ้นปัดป้องกระแสเปลวเพลิงนั้น
พลั่ก!
กระแสเปลวเพลิงก่อให้เกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ใต้ร่างของนักปราชญ์โบราณโม่หลิง แรงกดดันมหาศาลผลักดันให้เขาถอยไปหลายสิบก้าว
เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดการโจมตีโดยไม่บอกไม่กล่าว ด้วยความขัดใจ นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรวบรวมพละกำลังของเขาและพุ่งเข้าใส่อย่างโกรธเกรี้ยว ในชั่วพริบตานั้น พายุเย็นเยือกก็พัดกระหน่ำไปทั่วทั้งถ้ำ ทำให้พื้นที่นั้นปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง
แม้ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณจะหวาดกลัวเปลวไฟ แต่ด้วยการขับเคลื่อนเทคนิควรยุทธที่ท่านประธานถ่ายทอดให้ เขาพบว่าความร้อนแผดเผานั้นค่อยๆบรรเทาลง ด้วยสิ่งนี้ เขารู้สึกว่าหากเปิดการต่อสู้กับอีกฝ่าย ก็มีโอกาสชนะ!
ยังไม่ทันที่นักปราชญ์โบราณโม่หลิงจะได้เข้าใกล้นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านล่าง
“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการเอง!”
เขารีบชะงักฝีเท้าก่อนจะมองปีศาจยักษ์เปลวเพลิงขนาดมหึมาที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง
ฟึ่บ!
จางเซวียนก้าวเข้าไปยืนใกล้กับแอ่งลาวา เขาเงยหน้ามองนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศก่อนจะพูดว่า “ทำไมเราไม่พนันกันล่ะ?”
นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงยังไม่ตอบ เขาจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างพินิจพิจารณา
นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงไม่เคยพบนักปราชญ์โบราณโม่หลิงมาก่อน แต่ตามเรื่องราวที่ได้ยินมา อีกฝ่ายเป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก การที่เขามาฟังคำสั่งของชายหนุ่มคนนี้อย่างจงรักภักดี ก็เป็นไปได้ว่าชายหนุ่มน่าจะมีความเก่งกาจอย่างน่าทึ่ง
“เดิมพันของผมนั้นง่ายนิดเดียว ผมจะต่อสู้กับคุณ ถ้าคุณแพ้ คุณต้องยอมจำนนและมาเป็นอสูรของผม ส่วนถ้าคุณชนะ ผมจะนำตัวอำมาตย์เฉินหย่งมาที่นี่ แล้วให้เขายอมรับเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์กับเผ่าพันธุ์อสูรของคุณ” จางเซวียนพูด
“ว่าอย่างไรล่ะ? คุณคงไม่กลัวที่จะต้องสู้กับคนที่มีวรยุทธระดับผมหรอกนะ ใช่ไหม?”
“ฮึ่มมมม!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงคำรามขณะเงื้อกรงเล็บขนาดใหญ่ขึ้นแล้วตวัดเข้าใส่จางเซวียน “ขอผมชื่นชมความเก่งกาจของท่านประธานสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณสักหน่อยเถอะ”
ครืนนนน!
เมื่อนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงถอนกรงเล็บออก มิติที่อยู่โดยรอบก็ดูจะแตกกระจาย พลังงาน มหาศาลโอบรอบจางเซวียนไว้ ทำให้เขาต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่
เห็นภาพนั้น นักปราชญ์โบราณโม่หลิงกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น
พละกำลังที่นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงสำแดงออกมายิ่งใหญ่กว่าที่เขาคาดไว้มาก ต่อให้ตัวเขาก็คงลำบากหากต้องรับมือกับความแข็งแกร่งระดับนี้ หรือว่าวรยุทธของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงถูกยกระดับให้สูงขึ้นอีกหลังจากที่หายตัวไปเป็นเวลาหลายหมื่นปี?
“ไม่ใช่หรอก…” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงพลันนึกได้ “เป็นเพราะความได้เปรียบของพื้นที่”
ต่อให้การฝ่าด่านวรยุทธในระดับที่เล็กที่สุดของผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ก็ยังถือเป็นภารกิจที่ยากเย็นแสนเข็ญ
เหตุผลหลักที่นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงดูเหมือนจะมีพละกำลังน่าทึ่งก็เพราะเขาสามารถเรียกพลังจากลาวาที่อยู่ภายในถ้ำมาใช้ได้ ทำให้สามารถปลดปล่อยพลังตามแบบของปีศาจยักษ์เปลวเพลิงออกมา
ซึ่งในสภาพนี้ ตัวเขาเองไม่มีทางรับมือกับนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงได้เลย
หนทางที่ดีที่สุดที่จะทำได้ก็คือหนีเอาชีวิตรอด
ซึ่งในเมื่อแม้แต่ตัวเขายังไม่มีโอกาสเอาชนะ แล้วท่านประธานล่ะ?
นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรีบหันไปมอง และเห็นท่านประธานชักหอกออกมาพร้อมกับหัวเราะหึๆ
ด้วยการกระโดดอันทรงพลัง เขากระโจนเข้าใส่หลุมลาวาแล้วโผขึ้นไป จางเซวียนทุ่มจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาเข้าสู่หอก และดูเหมือนจะกลายร่างเป็นมังกรตัวมหึมาที่โผขึ้นสู่สวรรค์ทั้ง 9 ชั้น พุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างเกรี้ยวกราด
ครืดดดด!
วินาทีที่มังกรคำรามกึกก้อง รอยร้าวก็ดูเหมือนจะปรากฏทั่วทั้งถ้ำ แรงกดดันมหาศาลทำให้เพดานร่วงกระจายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน
“นี่มัน…แปดโน้ตมังกรสวรรค์?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงถึงกับผงะ
มีเสียงคำรามชนิดหนึ่งที่เขารู้ว่าสามารถทำลายเจตจำนงของศัตรูและทำให้พวกมันหมดสภาพ ซึ่งนั่นก็คือแปดโน้ตมังกรสวรรค์ แต่ว่ากันว่าเฉพาะผู้มีสายเลือดมังกรบริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะเปล่งเสียงนี้ออกมาได้
หอกสวรรค์กระดูกมังกรไม่ได้เพิ่งฝ่าด่านวรยุทธเมื่อเร็วๆนี้ไม่ใช่หรือ?
อีกอย่าง สายเลือดของมันก็ไม่ได้บริสุทธิ์..แล้วเปล่งเสียงคำรามได้อย่างไร?
ขณะที่นักปราชญ์โบราณโม่หลิงกำลังตกตะลึง นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงก็แทบไม่อยากเชื่อ เขาถูกบีบให้ถอยไปหลายก้าว นัยน์ตาฉายแววของความตกใจ
เพราะเขาไม่มีสายเลือดมังกร แปดโน้ตมังกรสวรรค์จึงไม่อาจสร้างแรงกดดันใดๆต่อเขาได้ แต่ ความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณที่มีต่อฮ่องเต้ของเผ่าพันธุ์อสูรก็ยังสร้างรอยร้าวให้เกิดขึ้นในสภาวะจิตของเขา ทำให้เขาเกิดความยำเกรงในตัวคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า
ควั่บ!
หลังจากถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มังกรสีดำก็ฟาดหางอันทรงพลังของมัน ลาวาที่อยู่ใต้ร่างนั้นเดือดพล่านและกระฉอกอีกครั้ง พายุเฮอริเคนพัดกระหน่ำไปทั่วทั้งถ้ำ เกิดเป็นมังกรลาวาหลายสิบตัว
นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงส่ายหน้าแล้วจ้องมองอีกครั้ง ก่อนจะได้รู้ว่ามันไม่ใช่พละกำลังจากมังกรสีดำ ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ขณะเขย่าลาวาให้กระฉอกด้วยหอกของเขา บังคับมังกรตัวใหญ่ให้พุ่งทะยานไปตามทิศทางที่เขาต้องการ
“นี่คืออาณาเขตของผม ถ้าคุณคิดจะใช้ดินแดนของผมเล่นงานผมล่ะก็ คุณประเมินผมต่ำไปแล้ว!”
นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้ฐานที่มั่นของเขามาเล่นงานตัวเขาเอง และถึงกับสำแดงพละกำลังออกมาได้อย่างน่าทึ่ง นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงหายใจออกมาเป็นเปลวไฟลูกใหญ่ ขณะยกขาขึ้นและกระทืบเท้าอย่างแรง
ครืดดดด!
รอยแยกสีทองกระจายตัวไปทั่ว มังกรลาวาจำนวนนับไม่ถ้วนกลับสู่หย่อมลาวาและสลายตัวไป
นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายพันปีแล้ว และลาวาในบริเวณนี้ก็ได้รับการขัดเกลาจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แม้อีกฝ่ายจะควบคุมลาวาไว้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่หากเขาลงมือ ก็ย่อมตอบโต้ได้ไม่ยาก
จางเซวียนชักหอกกลับแล้วถามยิ้มๆ “แค่นี้หรือ?”
ไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวที่เห็นอีกฝ่ายทำลายการโจมตีของเขาได้ เพราะอันที่จริง จางเซวียนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
หลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้น นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงก็ไม่กล้าประมาทชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีก “คุณมีความเก่งกาจอย่างไม่ธรรมดาจริงๆที่ได้เป็นประธานสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ…แต่ข้อเท็จจริงก็คือคุณเป็นแค่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก เหตุผลหลักที่คุณสำแดงพละกำลังอันน่าทึ่งออกมาได้ก็เพราะหอกในมือของคุณ ถูกไหม?”
การต่อสู้ระยะสั้นๆเมื่อครู่นี้ทำให้เขาเห็นว่าผู้ที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นประธานสมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก เหตุผลที่อีกฝ่ายสู้กับเขาได้ก็เพราะหอกที่อยู่ในมือ
“ใช่!” จางเซวียนยอมรับตามตรง
ได้ยินการยอมรับของจางเซวียน นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงพยักหน้าอย่างพอใจ “อาวุธไม่อาจสำแดงประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แท้จริงออกมาได้หากปราศจากผู้ควบคุม การที่คุณสามารถสำแดงพละกำลังอันน่าทึ่งออกมาและเกือบทำให้ผมจนมุมได้ก็บ่งบอกแล้วว่าคุณคือนักรบที่เก่งกาจ…”
ในตอนนั้น น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันทีขณะที่คำรามออกมา “แต่นั่นแหละ ถ้านั่นคือทั้งหมดที่คุณมี ผมบอกได้เลยว่าคุณโง่เง่าเกินกว่าที่จะมาท้าทายผม!”
ลาวาเดือดพล่านขึ้นอีกครั้งขณะพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง ไม่ต่างอะไรกับคลื่นยักษ์