อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1867 เข้าสู่ปราการ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1867 เข้าสู่ปราการ
ขณะที่จางเซวียนกำลังถ่ายถอนตัวตนของเขาในฐานะปรมาจารย์ฟ้าประทานด้วยการปลดปล่อยรังสีที่ได้ซึมซับไว้จากการยอมรับทั้ง 5 ครั้งก่อนหน้า ความอึกทึกวุ่นวายครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์
ก่อนหน้านี้ ตอนที่จางเซวียนได้การยอมรับจากสวรรค์ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมักจำกัดอยู่แค่กับสภาปรมาจารย์ในอาณาบริเวณนั้น และเพราะรู้ซึ้งถึงความสำคัญของเรื่องดังกล่าว สภาปรมาจารย์จึงเลือกจะระงับข่าวคราวต่างๆไว้ จึงมีผู้คนที่รับรู้เรื่องนี้ไม่มากนัก
แต่ตอนนี้ เกือบทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ได้เป็นสักขีพยานในการปลดปล่อยและทำลายล้างรังสีจากสวรรค์ด้วยตาของตัวเอง
พวกเขาคงโง่เง่าเต็มทีหากยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่ง่ายเลยกว่าที่ปรมาจารย์ฟ้าประทานสักคนจะปรากฏตัวขึ้นในทวีปแห่งปรมาจารย์ แล้วใครจะคิดว่าอีกฝ่ายจะละทิ้งมันแบบนั้น?
“สมกับเป็นท่านอาจารย์…”
นัยน์ตาของจางจิ่วเซี่ยวเปล่งประกายของความเคารพที่มากเกินกว่าจะใช้คำพูดใดบรรยาย
เมื่อได้รู้ตัวตนของท่านอาจารย์ของเขา เขาก็ไม่ลังเลที่จะขอเป็นศิษย์ของอีกฝ่าย แต่กลับกลายเป็นว่าท่านอาจารย์ไม่ได้ใส่ใจในตัวตนนั้นเลย พร้อมจะทิ้งขว้างมันโดยไม่ลังเลสักนิด
สมกับเป็นผู้ที่ละทิ้งเรื่องทางโลก เกียรติยศและความรุ่งโรจน์ไม่ได้มีค่าต่อเขาแม้เพียงสักเสี้ยวเหรียญทอง!
ขณะที่ทั้งโลกกำลังคลุ้มคลั่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น จางเซวียนก็ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าปราการ พยายามปลดปล่อยพลังงานในตัว
จนกว่าเขาจะกำจัดรังสีที่ได้รับจากการยอมรับให้เป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานในครั้งก่อนๆได้หมด ก็ไม่มีทางที่เขาจะกลายเป็นครูบาอาจารย์ของโลก!
แม้สวรรค์จะสำแดงแรงกดดันอันยิ่งใหญ่จนดูเหมือนจิตวิญญาณของเขาจะแหลกสลายเป็นชิ้นๆ จางเซวียนก็ยังคงนั่งนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย บอกไม่ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
อันที่จริง เขาเองก็ลังเลอยู่บ้างเรื่องการถ่ายถอนตัวตนของตัวเองในฐานะประมาจารย์ฟ้าประทาน เขารู้ดีว่าเรื่องนี้สำคัญขนาดไหน แต่เมื่อได้สัมผัสกับปราการและได้รับการถ่ายทอดปรัชญาและความคิดของปรมาจารย์ขงมา จางเซวียนก็แน่ใจว่านี่คือเส้นทางที่ปรมาจารย์ขงเลือกเดิน
ไม่อย่างนั้น ต่อให้เขาจะทรงพลังหรือปราดเปรื่องสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางไปได้ไกลกว่าการเป็นนักปราชญ์โบราณของโลกใบนี้ ไม่มีทางที่เขาจะฝ่าปราการแห่งมิติและก้าวขึ้นสู่มิติเบื้องบนได้เลย
การได้การยอมรับจากสวรรค์เป็นทั้งพรและคำสาป มันพันธนาการตัวเขาไว้กับโลกใบนี้ หากเขาอยากปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากพันธนาการ ก็ต้องถ่ายถอนตัวตนนี้ให้ได้เสียก่อน
เมื่อรังสีสลายตัวไป แรงกดดันจากสวรรค์ก็ดูจะเข้มข้นขึ้น ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธเกรี้ยวจากสวรรค์ที่มีต่อการกระทำอันอวดดี หมู่เมฆดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยสายฟ้าและเปลวเพลิงที่มีอานุภาพทำลายล้าง
“มาเสียที” จางเซวียนพึมพำขณะลุกขึ้นยืน
แต่เขาก็ยังคงอยู่ภายในห้องโถงใต้ดิน ไม่ออกไปไหน
จางเซวียนรู้ดีว่าถ้าเขาออกไป พละกำลังของการทดสอบสายฟ้าจะต้องทำลายทั้งอาณาจักรเทียนเซวียนจนราบคาบ มันจะเล่นงานแม้กระทั่งจิตวิญญาณดวงสุดท้ายที่อยู่ภายในอาณาเขตของการทดสอบ
ขอแค่เขายังอยู่ในห้องโถงใต้ดินแห่งนี้ การทดสอบสายฟ้าย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเพิ่ม พละกำลังของมันให้มากขึ้น โชคดีที่คฤหาสน์มีพื้นที่กว้างใหญ่ จึงไม่น่าจะมีใครผ่านไปมาที่จะบังเอิญสะดุดเข้ากับการต่อสู้
ฟิ้วววว!
สายฟ้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลางอากาศและก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่ขนาดมหึมาที่มีเปลวเพลิงกับสายฟ้าที่มีอานุภาพทำลายล้างอยู่ล้อมรอบ แม้แต่มิติก็ดูเหมือนจะบอบบางราวกับแผ่นกระดาษเมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่อันทรงพลัง ทุกอย่างดูจะถูกทำลายจนราบคาบไปเมื่อเผชิญหน้ากับมัน
นี่คือบททดสอบที่น่าสะพรึงที่สุดของนักปราชญ์โบราณ, การทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า ใครจะไปคิดว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับมันอีกครั้งที่นี่?
ฟึ่บ!
กระบี่สายฟ้าพุ่งตรงเข้าสู่ห้องโถงใต้ดิน มาปรากฏอยู่เหนือศีรษะของจางเซวียนในชั่วพริบตา
ค่ายกลที่อยู่ล้อมรอบคฤหาสน์และห้องโถงใต้ดินถูกตัดขาดเป็น 2 ท่อนราวกับพวกมันเป็นเพียงผ้าขี้ริ้ว
“ฮ่า ผมรอคุณอยู่!” จางเซวียนสูดหายใจลึกขณะตวัดสายตาขึ้นมองกระบี่สายฟ้าที่กำลังพุ่งลงมา
ครั้งก่อนที่เขาเผชิญหน้ากับการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า เขายังอ่อนแอเกินกว่าที่จะต้านทานพละกำลังของมัน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้กระจอกงอกง่อยอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว ต่อให้ไม่ใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร พละกำลังที่เขาสำแดงออกมาก็ทำให้เอาชนะได้แม้แต่นักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด
บึ้มมมม!
เมื่อกำปั้นกับกระบี่สายฟ้าปะทะกัน จางเซวียนถูกสอยกระเด็นไปหลายก้าว แรงปะทะทำให้หมัดของเขาไหม้เกรียมไปเล็กน้อย เลือดในกายเดือดพล่าน
ดูเหมือนว่าแม้ตัวเขาจะยกระดับวรยุทธขึ้นได้มาก แต่พละกำลังที่มีก็ยังไม่อาจเทียบชั้นได้กับการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า ครั้งล่าสุดที่เขาเผชิญหน้ากับมัน เขาต้องเรียกการทดสอบสายฟ้าน้อยมา และเพิ่มพละกำลังให้มันด้วยการเรียกการทดสอบวรยุทธอีกหลายร้อยครั้งให้มารวมตัวกัน กว่าที่มันจะแข็งแกร่งพอจะรับมือกับการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าได้ แต่ที่เมืองหลวงแห่งอาณาจักรเทียนเซวียน ไม่มีทางที่เขาจะทำแบบที่เคยทำได้สำเร็จ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมแพ้
จางเซวียนหลบไปอยู่ด้านข้างของปราการก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับกระบี่ขนาดมหึมาอีกครั้ง
เขาขับเคลื่อนพลังปราณจนเต็มพิกัด จากนั้นก็ปล่อยหมัดเข้าใส่กระบี่ ส่งผลให้ทุกตารางนิ้วในร่างของเขาร้อนรุ่มด้วยความร้อนแผดเผา
เป็นอีกครั้งที่การปะทะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของจางเซวียน ร่างของเขาถูกกระบี่สอยกระเด็น ทำให้เกิดคลื่นพลังงานแผ่ซ่านทะลุผ่านปราการไป
ส่วนกระบี่ขนาดมหึมานั้นก็ยังสำแดงพละกำลังไร้เทียมทานออกมาอย่างต่อเนื่อง มันพุ่งเข้าเล่นงานปราการ
เกิดเสียงหึ่งเบาๆขณะที่กระบี่ปล่อยเปลวเพลิงสีดำของมันเข้าใส่ปราการ ทำให้เกิดรูขนาดเล็กบนปราการนั้น แต่เปลวเพลิงสีดำก็อยู่ได้เพียงครู่เดียวก่อนจะถูกคลื่นพลังงานของปราการทำให้มันมอดดับไป
“ได้ผลนี่!” จางเซวียนตาโต
เหตุผลส่วนหนึ่งที่เขาเลือกฝึกฝนวรยุทธและเรียกการทดสอบสายฟ้ามาก็เพราะเขาต้องการใช้พลังของการทดสอบสายฟ้าในการเล่นงานปราการ ในเมื่อปราการสามารถต้านทานได้ทั้งพละกำลังของตัวเขาและไอ้โหด ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะพยายามทำลายมันด้วยพละกำลังของพวกเขา อีกอย่าง แม้ปราการนี้จะเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้ แต่มันก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเปิดออกเพียงเพราะคุณงามความดีที่เขาเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้พละกำลังจากภายนอกเพื่อทำลายมัน
จางเซวียนคลายกำปั้นออก จากนั้นก็โจมตีกระบี่ขนาดมหึมาอีกครั้ง
ควั่บ! ควั่บ!
กระบี่ตอบโต้ด้วยการกวัดแกว่งอย่างเกรี้ยวกราดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พลังงานส่วนใหญ่ที่มาจากการโจมตีของมันก็ถูกปราการที่อยู่ด้านหลังจางเซวียนสกัดกั้นไว้ ด้วยการโจมตีอย่างไม่ลดละของกระบี่ รอยร้าวหลายรอยเริ่มปรากฏบนผิวหน้าของปราการ
แต่การโจมตีอย่างต่อเนื่องของกระบี่ก็ส่งผลให้ร่างกายของจางเซวียนได้รับความบอบช้ำสาหัสเช่นกัน เหมือนกับเมื่อครั้งก่อนที่เขาเผชิญหน้ากับการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า เขาใกล้หมดเรี่ยวแรงเต็มที
“ผืนผ้าใบสี่ฤดู!”
จางเซวียนใช้ความคิด จากนั้นก็ปลอมตัวเป็นอำมาตย์เฉินหลิงโดยใช้เครื่องรางแห่งการปลอมตัว ก่อนจะนำผืนผ้าใบสี่ฤดูออกมาเพื่อปลดปล่อยพลังงานที่เขาเก็บไว้ในนั้น
เขาขโมยพลังงานนี้มาจากเทพเจ้าที่อำมาตย์เฉินหลิงเรียกมา มันมีอานุภาพในการเยียวยาอาการบาดเจ็บได้อย่างน่าทึ่ง
เพียงไม่นาน จางเซวียนก็ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ หลังจากเยียวยาตัวเองแล้ว เขาก็หันไปเล่นงานกระบี่ขนาดมหึมานั้นอีก
บึ้มมมม!
กระบี่ยังคงโจมตีปราการอย่างต่อเนื่อง ทำให้รอยร้าวที่ปรากฏดูจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะแยกออกจากกันได้ทุกขณะ
ถึงตอนนี้ การทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าใช้พลังงานไปไม่น้อย ทำให้มันอ่อนแรงกว่าที่เคย
“ดูเหมือนเราพอจะเล่นงานมันได้…” จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
การเสี่ยงดูจะได้ผล แม้เขาจะยังไม่ได้เป็นครูบาอาจารย์ของโลก แต่ก็ดูเหมือนเขาสามารถปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากสถานภาพปรมาจารย์ฟ้าประทานได้แล้ว ทำให้วรยุทธของเขาพุ่งพรวดขึ้นอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็สามารถทำลายอะไรก็ตามที่ก่อตัวกันขึ้นเป็นปราการนั้น เขาไม่รู้ว่ามีอะไรรอคอยอยู่อีกด้านหนึ่ง แต่ด้วยความลับที่อยู่รอบตัวมัน เขารู้สึกว่าร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
หรือต่อให้ร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็น่าจะมีบางอย่างที่เชื่อมโยงกับปรมาจารย์ขง ขอแค่เขาเดินตามรอยของปรมาจารย์ขงได้ ในที่สุดก็จะก้าวขึ้นสู่มิติเบื้องบนได้สำเร็จ
บึ้มมมม! บึ้มมมม!
การทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าปล่อยพลังลงมาอีก 2 ครั้ง รอยร้าวลุกลามใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ใหญ่พอให้คนๆหนึ่งลอดเข้าไปได้ ในเวลาเดียวกัน หมู่เมฆดำที่อยู่กลางอากาศก็เริ่มสลายตัว
2-3 อึดใจผ่านไป ดูเหมือนการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าจะหมดเรี่ยวแรง
การโจมตีเป็นชุดที่มันปล่อยออกมาทำให้พลังงานของมันเหือดแห้ง ด้วยการกระดิกนิ้วเบาๆของจางเซวียน มันก็สลายตัวไป
“เข้าไปกันเถอะ!”
เมื่อในที่สุดก็เอาชนะการทดสอบสายฟ้าได้ จางเซวียนร้องเรียกคนอื่นๆก่อนจะมุดเข้าไปในรูที่อยู่บนปราการ
เจิ้งหยางกับเว่ยหรูเหยียนพยักหน้า ทั้งคู่รีบส่งข้อความหาจ้าวหย่าก่อนจะตามท่านอาจารย์เข้าไปยังอีกฟากหนึ่งของปราการ