อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1890 ความเก่งกาจของขงซือเหยา
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1890 ความเก่งกาจของขงซือเหยา
เขาไม่เคยเห็นรูปปั้นของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนมาก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับนักปราชญ์โบราณชื่อดังคนนี้
นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนเป็นที่ขึ้นชื่อในฐานะศิษย์สายตรงคนแรกของปรมาจารย์ขง แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาจะเป็นรองนักปราชญ์โบราณหรันชิว แต่ชื่อเสียงและเกียรติยศนั้นสูงส่งกว่าศิษย์สายตรงคนอื่นๆที่เหลือ นอกจากบุคลิกงามสง่าและความปราดเปรื่องอย่างเหนือชั้นในหลายๆด้าน เขาก็ยังเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือปรมาจารย์ขงในการรังสรรค์มรดกตกทอดของอาชีพมากมายนับไม่ถ้วนจนสำเร็จ และทำการจัดลำดับขั้นของอาชีพเหล่านั้นด้วย
ตรงกันข้ามกับรังสีเฉียบคมของนักปราชญ์โบราณหรันชิว ศพที่อยู่ตรงหน้าเขาดูจะแผ่รังสีที่เหมือนกับมหาสมุทรอันอ่อนโยนที่แบกรับกระแสน้ำจากหลากหลายแห่งและประสานกลมกลืนมันเข้าด้วยกัน เพราะความแข็งแกร่งอันเหนือชั้นนี้ที่ทำให้พลังงานที่มีหน้าตาเหมือนปรอทไม่อาจทำลายค่ายกลเพื่อซึมซาบเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ได้
เป็นไปได้ว่านักปราชญ์โบราณจื่อหยวนอาจเป็นนักปราชญ์โบราณเพียงคนเดียวใน 72 นักปราชญ์ ที่ทำได้แบบนี้
อีกอย่าง ข้อเท็จจริงที่ว่าต้องใช้เลือดของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเพื่อกระตุ้นโลงศพให้ทำงานและบ่มเพาะศพที่อยู่ภายในนั้น ก็บ่งบอกชัดแล้วว่าใครอยู่ข้างใน
เริ่มแรกก็ศพนักปราชญ์โบราณหรันชิว มาตอนนี้ก็ศพนักปราชญ์โบราณจื่อหยวน จางเซวียนครุ่นคิดขณะตัวสั่นเล็กน้อย
นักปราชญ์โบราณทั้งสองคือผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์แม้เวลาจะล่วงเลยมาเนิ่นนาน เขาเคยคิดว่าคนเหล่านั้นคงจากทวีปแห่งปรมาจารย์ไปพร้อมกันกับปรมาจารย์ขงแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจะมาพบศพของพวกเขาที่นี่?
“มอบบรรณาการ!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตวาดก้องขณะที่ร่างของเขาฉีกขาดออกจากกันราวกับแจกันเซรามิคที่แตกร้าว เลือดทะลักออกจากเส้นเลือดของเขาก่อนจะพุ่งเข้าใส่ศพที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อได้รับเลือด อาการแข็งทื่อของศพก็ดูจะลดน้อยลง ดูราวกับศพนั้นพร้อมจะกลับมามีชีวิตได้ทุกขณะ ในเวลาเดียวกัน ค่ายกลก็แข็งแกร่งขึ้นมาก รอยแยกที่เกือบจะระเบิดออกเมื่อครู่ก่อนกลับมั่นคงและสมานตัวเข้าหากัน
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงสืบเชื้อสายมาจากตระกูลของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวน ดังนั้นเลือดของอีกฝ่ายจึงไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของเขา ซึ่งนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงได้พยายามจะใช้เลือดของเขาเพิ่มพูนและรักษาพละกำลังให้กับนักปราชญ์โบราณจื่อหยวนเพื่อพยุงค่ายกลที่ทำหน้าที่สมานรอยแยกไว้
ในที่สุดจางเซวียนก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เมื่อครู่นี้นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพูดถึงการพลีชีพ
ค่ายกลนี้มาจากบรรพบุรุษของเขา และเลือดของเชื้อสายในตระกูลเท่านั้นที่จะมีประสิทธิภาพมากพอจะพยุงกำลังของค่ายกลไว้ได้อีกครั้ง
แน่นอนว่าเพราะขงซือเหยามีสายเลือดของปรมาจารย์ขง เลือดของเธอจึงย่อมมีอานุภาพอย่างน่าทึ่งต่อศพของนักปราชญ์โบราณจื่อหยวน บางทีอาจจะเหนือชั้นกว่านักปราชญ์โบราณเหยียนชิงด้วยซ้ำ แต่ด้วยความสำคัญของขงซือเหยาที่มีต่อร้อยสำนักแห่งนักปราชญ์ ไม่มีทางที่นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงจะยินยอมให้เธอปลิดชีพตัวเอง
“ดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางแล้ว”
ภายใต้กระแสเลือดที่พลุ่งพล่าน ฉนวนมั่นคงขึ้นอย่างรวดเร็ว แรงกดดันจากความว่างเปล่าค่อยๆหายไป นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตัวเขาในเวลานี้สูญเสียเลือดไปเกือบหมดและใกล้หมดความอดทนเต็มที ไม่ช้าไม่นาน พลังชีวิตเสี้ยวสุดท้ายในร่างของเขาก็จะเหือดแห้ง ร่างของเขาคงกลับสู่พื้นดิน กลายเป็นศพไร้ชีวิต
เมื่อรับรู้ความเป็นจริง ขงซือเหยาครุ่นคิดอย่างหมดหวัง น้ำตาปริ่มขอบตาขณะที่ฉนวนยังคงสกัดกั้นเธอไว้ แต่ด้วยพละกำลังของเธอในตอนนี้ เธอไม่มีเรี่ยวแรงพอจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้
ในเวลาเดียวกัน เหยียนเฉว่ก็เบือนหน้า ไม่อยากเห็นความตายของบุคคลที่เขาเคารพมาชั่วชีวิต
ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเองที่ทุกอย่างเริ่มยุ่งเหยิง
ขณะที่ค่ายกลกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆภายใต้กระแสเลือดพลุ่งพล่านของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง รอยร้าวดูเหมือนจะสมานตัวได้หมดในไม่ช้า แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น มือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากรอยแยกที่กำลังสมานตัว ภาพนั้นเหมือนภาพของเทพเจ้าที่ลงมาจากสวรรค์ เหมือนกันกับที่จางเซวียนเคยเห็นก่อนหน้านี้เมื่อครั้งต่อสู้กับอำมาตย์เฉินหลิง
พลั่ก!
มือนั้นสะบัดข้อมือเบาๆ ร่างของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงทรุดฮวบลงกับพื้น การถ่ายทอดกระแสเลือดหยุดชะงักไป
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
พร้อมกันนั้น บรรดานักปราชญ์โบราณที่คอยเสริมกำลังให้นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็กระอักเลือดออกมาเพราะแรงตีกลับและทรุดลงไปกองกับพื้น
ผู้เชี่ยวชาญขั้นผู้ทำลายล้างมิติ…จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด
แน่นอนว่าเจ้าของมือนั้นแข็งแกร่งกว่าเทพเจ้าที่เขาเคยใช้หน้าหนังสือสีทองสังหาร
แม้จะไม่มีแท่นบูชาเพื่อสร้างการเชื่อมต่อ แต่มือนั้นก็สามารถทำลายปราการของมิติและฉีกกระชากทางเดินแห่งมิติได้ด้วยพละกำลังมหาศาล
หรือว่าความว่างเปล่านั้นคือเส้นทางนำไปสู่มิติเบื้องบนที่จางเซวียนตามหามาตลอด?
ขณะที่เขากำลังสงสัย มือที่อยู่กลางอากาศนั้นก็กวาดไปมา ทำให้การเสริมกำลังค่ายกลอ่อนแรงไป ค่ายกลเริ่มจะหมดสภาพ
“เราต้องยับยั้งเขาไว้!”
นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงไม่ทันระมัดระวังตัวกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างปุบปับ เขาคำรามกร้าวก่อนจะโผขึ้นสู่กลางอากาศ ด้วยการสะบัดข้อมือ นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงจ้วงแทงกระบี่ในมือของเขาเข้าใส่มือนั้น
เขารู้ดีว่าถ้าอยากรักษาค่ายกลไว้ ก็ต้องเล่นงานมือนิรนามนั้นให้ได้ หรือไม่…ทุกอย่างที่พวกเขาทำลงไปจะต้องสูญเปล่า
“ฮึ่มมม!”
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเกรี้ยวกราดของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง เจ้าของมือนั้นแบมือออกและประกบนิ้วเข้าด้วยกัน
กระบี่ของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถูกสองนิ้วนั้นคีบไว้ ราวกับคีมที่ไม่อาจง้างออกจากกันได้ ไม่ว่านักปราชญ์โบราณเหยียนชิงจะออกแรงฉุดดึงแค่ไหน ก็ไม่สามารถชักกระบี่ของเขาคืน
“เราต้องร่วมมือกันแล้ว!”
รู้ดีถึงความรุนแรงของสถานการณ์ นักปราชญ์โบราณคนอื่นๆรีบเข้ามา
ด้วยการผนึกพละกำลังกันของพวกเขา รอยแยกมากมายก่อตัวขึ้นรอบๆมิติที่เริ่มขาดความมั่นคง เปลวไฟสีดำหลายลูกร่วงลงมาจากความว่างเปล่า เกิดเป็นภูเขาไฟที่ปะทุไปทั่วบริเวณ
“เหยียนเฉว่ ปล่อยฉัน! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายกันหมดนะ!” ขงซือเหยาตะโกนใส่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างเธออย่างสิ้นหวัง
“ผม…” เหยียนเฉว่หน้าถอดสีอย่างลังเลขณะพยายามเอาชนะความขัดแย้งในใจ
“คุณมัวลังเลอะไรเล่า? ถ้ายังลังเลอยู่ล่ะก็ มรดกตกทอดหลายหมื่นปีของพวกเราจะหมดไม่มีเหลือ!” ขงซือเหยาคำรามเดือดเมื่อเหยียนเฉว่ยังคงรีรอ
“ก็ได้!” รู้ดีว่าสถานการณ์กำลังคับขัน เหยียนเฉว่รีบเคาะนิ้วลงบนฉนวนที่สกัดกั้นขงซือเหยาไว้และปลดปล่อยเธอ
แม้เหยียนเฉว่จะเป็นแค่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก แต่ก็มีต้นกำเนิดของพละกำลังจากจุดเดียวกันกับนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง จึงทำลายฉนวนนั้นได้อย่างง่ายดาย
ไม่ช้า ฉนวนที่สกัดกั้นขงซือเหยาไว้ก็สลายตัวไปหมด
“ฮึ่มมม!”
ขงซือเหยาเลิกคิ้วและคำราม ขณะที่พลังงานแรงกล้าก่อตัวขึ้นภายในร่างของเธออย่างรวดเร็ว เธอกระโจนขึ้นสู่กลางอากาศและชักดาบออกมา จากนั้นก็พุ่งไปด้วยความเร็วแสง
“น่าทึ่งจริงๆ!” จางเซวียนพยักหน้าเมื่อเห็นภาพนั้น
เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของขงซือเหยาจัดว่าไร้เทียมทานมากแม้จะอายุยังน้อย ก็เหมือนกับตัวเขา ความแข็งแกร่งของเธอเข้าถึงระดับของนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด
ดาบที่เธอถืออยู่ในมือนั้นทรงพลังมาก แข็งแกร่งกว่าหอกสวรรค์กระดูกมังกรเสียอีก และเมื่ออยู่ในมือของขงซือเหยา มันก็สามารถสำแดงพละกำลังที่เทียบได้กับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดโลกจารึก
แต่ถึงอย่างนั้น กระแสดาบฉีของเธอก็ทำได้เพียงแค่สร้างการปะทุเล็กๆที่มือนั้น
แต่เธอก็ยังคงกวัดแกว่งดาบใส่มือขนาดใหญ่นั้นต่อไปอย่างไม่ลดละ
“เจ้าพวกแมลงสาบทนทายาด!”
เมื่อเห็นว่าแมลงกระจ้อยร่อยจากมิติที่ต่ำต้อยกว่ากล้าเล่นงานเขา เจ้าของมือตวาดก้องอย่างโกรธเกรี้ยวขณะกระดิกนิ้ว
พลั่ก!
ขงซือเหยาถูกพละกำลังหนักหน่วงสอยกระเด็นไป ร่างของเธอกระแทกกับพื้นอย่างแรง เลือดไหลซึมออกจากมุมปาก
ช่องว่างระหว่างวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดกับขั้นผู้ทำลายล้างมิตินั้นห่างไกลกันมาก ในครั้งนั้น แม้เมื่อตอนที่จางเซวียนผนึกกำลังกันกับนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดอีกหลายคน แต่ก็ยังไม่อาจต่อกรกับเทพเจ้าที่อำมาตย์เฉินหลิงเรียกมาได้
ฟึ่บ!
หลังจากสอยขงซือเหยากระเด็นไป มือนั้นก็กระดิกนิ้วอีกครั้ง เกิดคลื่นความสั่นสะเทือนที่ทำให้นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆจนปัญญา รอยแยกในมิติที่กำลังขาดความมั่นคงขยายตัวกว้างขึ้น ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งแหวกมันออกมา จากนั้นศีรษะก็โผล่ตามมาด้วย
เหมือนกับเทพเจ้าที่เคยลงมาก่อนหน้านี้ เทพเจ้าองค์นี้ตั้งใจจะใช้กำลังเข้าเล่นงานทวีปแห่งปรมาจารย์!