อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1930 ให้อภัยไม่ได้!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1930 ให้อภัยไม่ได้!
ศิลปะเพลงดาบป้องกันตัวที่ทรงพลังขนาดนี้ถูกทำลายด้วยการโยนดาบ…เป็นความจริงหรือ?
“นักรบผู้นั้นเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการโจมตีหรือเปล่า?” เมื่อเห็นอวิ๋นเฟยหยางไม่มีทีท่าว่าจะโกหก ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นซักไซ้
“เอ่อ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น การโจมตีของเขาไร้เทียมทานมาก!” หวงเทาตอบพร้อมกับพยักหน้ายืนยัน
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังปวดใจที่ตัวเองถูกสังหารอย่างง่ายดาย ถ้าเกิดต้องเจอหมอนั่นในชีวิตจริงล่ะ?
“ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ น่าจะเป็นเพราะคุณรับมือกับเขาด้วยกระบวนท่าที่ผิด แม้กระบวนท่าน้ำไหลไร้ขอบเขตจะเป็นศิลปะเพลงดาบเพื่อป้องกันตัว แต่ความพยายามป้องกันตัวอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือก็ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก สุดท้าย คุณจะลงเอยด้วยการเผยจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้เข้าเล่นงานได้!” เมื่อรู้ว่าพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับการโจมตีอันทรงพลัง ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นค่อยๆเรียกความสุขุมกลับคืนมา
“หากเจอคู่ต่อสู้แบบนั้น คุณจะต้องฉวยโอกาสเปิดการโจมตีก่อนให้ได้เพื่อต้อนอีกฝ่ายให้จนมุม ถ้าคุณใช้ย่างก้าวดาวตกควบคู่ไปกับศิลปะเพลงดาบสลายต้นไผ่ของผม ก็น่าจะพลิกผันสถานการณ์กลับมาเอาชนะเขาได้สบาย”
“เรื่องนั้นน่ะ…ผู้อาวุโสลู่, ผมปะทะกับเขาแล้ว และได้สำแดงย่างก้าวดาวตกพร้อมกับศิลปะเพลงดาบสลายต้นไผ่ตั้งแต่แรกแล้วเช่นกัน…” ไม้ไผ่พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
นั่นคือสองกระบวนท่าที่เขาสำแดงออกไปเพื่อเล่นงานเจ้าโลกทันทีที่การดวลเริ่ม ซึ่งก็แน่นอนว่าทั้งสองกระบวนท่าถูกคิดค้นโดยผู้อาวุโสลู่อวิ๋น
“แล้วเป็นอย่างไร? คุณเอาชนะเขาได้ด้วยพละกำลังสูงสุดและทำให้เขาพ่ายแพ้ได้ในทันทีใช่ไหม?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นซักขณะจิบชาอีกอึกหนึ่ง
ไม้ไผ่เกาหัว “ยังไม่ทันที่ผมจะได้เข้าถึงตัว เขาก็เล่นงานผมแล้ว…”
พรวด!
คราวนี้เสื้อผ้าของหน้าเหลี่ยมเปียกโชกไปด้วย สีหน้าเสียอกเสียใจของเขาทำให้ใบหน้านั้นดูใหญ่กว่าเดิม
“ไม่ว่าพวกคุณจะใช้ยุทธวิธีโจมตีหรือป้องกันตัว ก็พ่ายแพ้ให้เขาในกระบวนท่าเดียว?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นวางถ้วยชาขณะลุกพรวดด้วยความประหลาดใจ
“ขอผมดูภาพที่บันทึกไว้ในหอนิรันดร์หน่อย”
รู้ดีว่าไม่มีทางที่ศิษย์สายตรงทั้ง 4 จะอาจหาญถึงขนาดรวมหัวกันโกหกเขา ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นสั่งการ
โดยปกติ เขาจะไม่เสียเวลาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหอนิรันดร์ที่อยู่ในดินแดนไกลปืนเที่ยงอย่างที่นี่ แต่ในเมื่อศิษย์สายตรง 3 ใน 4 คนของเขาถูกเล่นงานหมดรูป แถมคนเหล่านั้นยังใช้เทคนิคของเขาด้วย จึงต้องตรวจสอบเสียหน่อย
ถ้าคนผู้นั้นเป็นนักดาบผู้ช่ำชอง เขาก็จะได้ความดีความชอบหากสามารถนำตัวหมอนั่นกลับมาได้ เพราะตัวเขาคือผู้อาวุโสอี้ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการเปิดรับศิษย์สายตรงที่นี่
หลังจากได้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่ซื้อมา ทั้ง 5 ก็เข้าสู่หอนิรันดร์และรีบซื้อวีดีโอที่บันทึกภาพการดวลก่อนหน้านี้ไว้
หอนิรันดร์จะบันทึกภาพการดวลทุกนัดบนสังเวียนประลองเพื่อวางขายและใช้เป็นหลักฐานอ้างอิง
ไม่ช้าทุกคนก็เสร็จสิ้นการตรวจสอบภาพการดวลระหว่างศิษย์สายตรงทั้ง 3 กับเจ้าโลก การดวลแต่ละนัดกินเวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเข้าใจทันทีถึงเหตุผลที่ทุกคนพ่ายแพ้ เขาส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “อีกฝ่ายมองเห็นข้อบกพร่องในกระบวนท่าของพวกคุณอย่างทะลุปรุโปร่ง นั่นคือเหตุผลที่เขาเล่นงานพวกคุณได้สบาย…”
ได้ยินคำนั้น อวิ๋นเฟยหยางกับคนอื่นๆก้มหน้าลงอย่างละอายใจ
พวกเขารู้ดีว่ามันคงเป็นอะไรทำนองนั้นเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะทำวิธีไหน ต่อให้เปิดการโจมตีก่อน หลบเลี่ยง หรือปัดป้อง หากพวกเขายังอยู่ในรัศมีของการโยนดาบนั่น ก็พบว่าไม่มีวิธีตอบโต้ไหนที่จะทำให้สถานการณ์พลิกผันได้เลย
กระบวนท่านั้นดูแสนจะเรียบง่าย เป็นแค่การโยนดาบโดยมีเป้าหมายที่ศีรษะของพวกเขา แต่ใครก็ตามที่ยืนประจันหน้ากับเจ้าโลกในสังเวียนประลองต่างรู้ดีว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น
“อวิ๋นเฟยหยางสำแดงกระบวนท่าน้ำไหลไร้ขอบเขตได้อย่างงดงาม แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ความลื่นไหลของกระบวนท่า ผู้ที่พอจะรู้อะไรสักหน่อยเกี่ยวกับศิลปะเพลงดาบย่อมมองเห็นข้อบกพร่องและเล่นงานมันได้ ส่วนย่างก้าวดาวตกและศิลปะสลายต้นไผ่ของหูปิง แม้ดูเผินๆจะทรงพลัง แต่ข้อบกพร่องก็คือคุณสามารถแสดงพละกำลังออกมาได้เพียง 1 ใน 10 ของประสิทธิภาพที่แท้จริงเท่านั้นหากวรยุทธของคุณถูกลดระดับลงเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 1 ในเมื่อเป็นแบบนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คุณทั้งคู่จะถูกสังหารอย่างง่ายดาย!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นคำราม
“คืนนี้ พวกคุณทุกคนต้องฝึกฝนศิลปะเพลงดาบทั้งสองศิลปะ รวมทั้งศิลปะการเคลื่อนไหวอีก 100 ครั้ง ถ้าพลาดแม้แต่ครั้งเดียวล่ะก็ อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก!”
“ขอรับ ผู้อาวุโสลู่!”
ทั้ง 4 คนพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด
“อีกอย่าง ผมต้องการให้พวกคุณจับตาดูหอนิรันดร์ให้ดี ถ้าเจ้าโลกปรากฏตัวอีกครั้ง รายงานผมทันที!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเอาสองมือไพล่หลัง แผ่รังสีของผู้นำที่ไม่อาจมีใครปฏิเสธได้ขณะพูดออกมา “หมอนั่นคิดว่าจะลอยนวลไปได้สบายๆหลังจากที่เล่นงานศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินอย่างนั้นหรือ? โลกนี้มีอะไรง่ายแบบนั้นด้วยหรือไง? ต่อให้เขาเก่งกาจแค่ไหน ผมจะต้องลิดรอนความหยิ่งผยองของเขาลงเสียก่อน และทำให้เขารู้ว่าศิลปะเพลงดาบของสำนักดาบเมฆเหินล้ำลึกและสูงส่งเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้!”
“ขอรับ ผู้อาวุโสลู่”
ได้ยินคำนั้น อวิ๋นเฟยหยางกับพรรคพวกถอนหายใจอย่างโล่งอก
แน่นอนว่าผู้อาวุโสลู่ตัดสินใจจะเล่นงานหมอนั่น
แม้ผู้อาวุโสลู่จะเป็นแค่หนึ่งในผู้อาวุโสระดับรองที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการฝึกฝนศิษย์สายตรงฝ่ายนอก แต่ความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของเขาถือว่าไม่อาจสบประมาทได้ ต่อให้พวกเขาทั้ง 4 คนผนึกกำลังกัน ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้ผู้อาวุโสลู่หากอีกฝ่ายลดระดับวรยุทธลงมาเท่ากันกับพวกเขา
ถ้าผู้อาวุโสลู่อวิ๋นออกโรง โชคร้ายของเจ้าโลกก็เป็นอันเริ่มต้น
และความเป็นจริงก็คือ ไม่ใช่เฉพาะผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกับศิษย์สายตรงทั้ง 4 ที่รอคอยให้เจ้าโลกปรากฏตัวด้วยความคาดหวัง ทั้งเมืองแสงดาวและเหล่าผู้เชี่ยวชาญของเมืองชั้น 3 ก็ล้วนแต่รับรู้ข่าวนี้ ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากชายผู้เป็นตำนานปรากฏตัวอีกครั้ง
…..
“เขาเอาชนะศิษย์น้องอวิ๋นเฟยหยางได้ในกระบวนท่าเดียว? น่าสนใจ…”
ที่บ้านพักเจ้าเมืองชวนเจียง ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทากำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้ตัวหนึ่ง เขาเพิ่งได้ยินข่าวนั้น นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย
ชายผู้นี้คือคนเดียวกันกับชายหนุ่มเสื้อคลุมสีเทาที่จางเซวียนเคยพบที่ตลาดหงเหยียน เขาคือศิษย์พี่หมายเลข 1 ของบรรดาศิษย์สายตรงสายนอกแห่งสำนักดาบเมฆเหิน, หัวเจียงเหอ!
“ช่วยผมจับตาดูหอนิรันดร์ไว้ให้ดี ทันทีที่เจ้าโลกปรากฏตัว ไม่ว่าผมจะทำอะไรอยู่ รายงานผมได้ทันที…เจ้าบ้านนอกคอกนานั่นคิดจริงๆหรือว่าแค่การโยนดาบแบบสั่วๆอย่างนั้นจะถือเป็นศิลปะเพลงดาบ? ฮึ่มมม! ขอสั่งสอนบทเรียนให้หมอนั่นรู้หน่อยเถอะว่าศิลปะเพลงดาบที่แท้จริงเป็นอย่างไร!” หัวเจียงเหอลุกพรวด
ฟึ่บ!
เจตจำนงเพลงดาบเปล่งประกาย กระแสดาบฉีระเบิดออกจากร่างของหัวเจียงเหอ ตัดโต๊ะตัวหนาที่อยู่ตรงหน้าเขาแยกเป็น 2 ส่วน
“นำโต๊ะตัวใหม่มาด้วย!” หัวเจียงเหอสั่งการอย่างวางอำนาจก่อนจะก้าวยาวๆออกจากห้อง
…..
“นี่ นังคนใช้! เบาๆหน่อย!”
เพียะ!
เกิดเสียงตบดังสนั่น เฉว่ชิงจ้องหน้าสาวใช้ที่เธอเพิ่งตบไปด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว
เธอสั่งแม่นี่ให้นำยามาให้ แต่อีกฝ่ายกล้าทำให้เธอบาดเจ็บ ให้อภัยไม่ได้!
“นายหญิงน้อยที่ 2, โปรดเมตตาฉันด้วย!” คนรับใช้รีบทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นและร้องขอความเมตตา
“ออกไป!” เฉว่ชิงเตะเสยที่ยอดอกของคนรับใช้ก่อนจะสั่งองครักษ์ให้โยนอีกฝ่ายออกจากห้อง
จากนั้นเฉว่ชิงก็หันกลับมาส่องกระจก เห็นใบหน้างดงามนั้นบวมฉึ่ง เธอตัวสั่นด้วยแรงโทสะขณะจ้องสารรูปของตัวเองและคำรามลอดไรฟัน “ตั้น!เฉี่ยว!เทียน!”
เพราะเธอหมั้นหมายกับไอ้ขยะนั่น จึงถูกเพื่อนฝูงล้อเลียนเย้ยหยันตั้งแต่อายุยังน้อย
ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะเอาชนะใจศิษย์พี่หัวเจียงเหอและได้การยอมรับให้เป็นศิษย์สายตรงระดับล่างของสำนักดาบเมฆเหิน แต่ทุกอย่างก็พังทลายเพราะการเข้ามาแส่ของไอ้สารเลวตั้นเฉี่ยวเทียน
หมอนั่นไม่คิดจะปล่อยให้เธอมีชีวิตดีๆเลยใช่ไหม?
ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาผูกมัดการแต่งงาน เขาคงตายไปนานแล้ว ควรจะสำนึกบุญคุณเอาไว้บ้าง!
แต่แทนที่จะชดใช้บุญคุณของเธอ หมอนั่นกลับรวมหัวกับเจ้ามัมมี่แล้วทำให้ศิษย์พี่หัวตบเธอต่อหน้าผู้คนมากมาย…วันนี้เกียรติยศศักดิ์ศรีของเธอป่นปี้ไม่มีเหลือ ไม่มีทางที่เธอจะยกโทษให้
“ตั้นเฉี่ยวเทียนต้องตาย เจ้ามัมมี่นั่นก็ต้องตาย และคนรับใช้ของมัน, ตั้นอี้ ก็ต้องตายตกตามกันไปให้หมด!” เฉว่ชิงสาปแช่งอย่างโหดเหี้ยม
ในตอนนั้น เฉว่เฉินเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ “วางใจเถอะ นายหญิงน้อยที่ 2, ผมควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไว้แล้ว ยืนยันกับคุณได้เลยว่าเจ้าพวกนั้นไม่มีวันได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นอีกแน่…”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี!” เฉว่ชิงตอบ เธอส่องกระจกอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ คุณว่าหน้าของฉันจะมีแผลเป็นไหม? ศิษย์พี่หัวจะหมดความสนใจในตัวฉันหรือเปล่าถ้าฉันขี้ริ้วขี้เหร่?”
“นายหญิงน้อยไม่ต้องกังวล ศิษย์พี่หัวเพิ่งส่งคนมามอบครีมเยียวยานี้ให้ อาการบวมของคุณจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากทาครีมนี้ที่ใบหน้า” เฉว่เฉินตอบขณะยื่นขวดหยกใบหนึ่งให้
“มาจากศิษย์พี่หัว?” เฉว่ชิงตาโตด้วยความตื่นเต้น “ดูเหมือนเขายังมีใจให้ฉันอยู่…”
จากน้ำเสียงของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตัวเองและการที่จะได้รับความสนใจจากศิษย์พี่หัวหรือไม่มากกว่าชีวิตของตั้นเฉี่ยวเทียน
…..
…..
เกี้ยวมุ่งหน้าไปตามถนน
เมื่อออกจากตลาดหงเหยียน ผู้อาวุโสอี้รู้สึกถึงความกดดันหนักอึ้งในหัวอกที่ไม่อาจบรรยายได้ ราวกับอันตรายใหญ่หลวงกำลังรอคอยพวกเขาอยู่
เพราะความรู้สึกนี้ที่ทำให้เขาไม่กล้าพักผ่อน เขากระตุ้นม้าให้มุ่งหน้าสู่บ้านพักตระกูลตั้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังจะอาศัยที่นั่นเพื่อความปลอดภัย
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในตอนนั้นเอง เสียงหวีดหวิวเป็นชุดก็ดังขึ้นกลางอากาศ ลูกธนูนับดอกไม่ถ้วนพุ่งออกจากสองฟากถนนราวกับห่าฝน
ลูกธนูโดยทั่วไปไม่อาจทำอันตรายนักรบระดับเซียนได้ แต่ลูกธนูเหล่านี้ถูกทำขึ้นเป็นพิเศษ ทุกดอกมีพละกำลังเทียบเท่ากับนักรบระดับเซียนขั้น 9 เมื่อมันพุ่งมาราวกับห่าฝน ต่อให้นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจต้านทานไหว
“ท่านอาจารย์…”
ตั้นเฉี่ยวเทียนรู้ดีว่านี่คือสัญญาณบ่งบอกชัดเจนว่าศัตรูเริ่มเล่นงานแล้ว เขากำหมัดแน่นและหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเพื่อขอคำชี้แนะ
“อย่าวอกแวก สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้ก็คือทำความเข้าใจศิลปะเพลงดาบที่ผมเพิ่งถ่ายทอดให้” จางเซวียนสั่งการอย่างสุขุม
“ขอรับ ท่านอาจารย์”
รู้ดีว่าอาจารย์ย่อมมีหนทางแก้ปัญหาอยู่ในใจแล้ว ตั้นเฉี่ยวเทียนหลับตาและเพ่งสมาธิกับคำสอนที่อีกฝ่ายเพิ่งถ่ายทอดให้ จากนั้น ความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
“กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายนายน้อยที่ 3, ข้ามศพผมไปก่อน!”
ผู้อาวุโสอี้ไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ทันทีที่เห็นท้องฟ้าดารดาษไปด้วยลูกธนู ก็ยับยั้งตัวเองไม่ไหว เขาคำรามก้อง จากนั้นก็เงื้อแส้ขึ้นหวดไปมา หวังจะปัดป้องลูกธนูที่มุ่งทำร้ายตั้นเฉี่ยวเทียน