อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1936 การดวลน่าจะสิ้นสุดแล้ว…
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1936 การดวลน่าจะสิ้นสุดแล้ว…
“คุณ…”
เฉว่ชิงโมโหเดือด
เธอคือนายหญิงน้อยที่ 2 แห่งสำนักท่านเจ้าเมือง ได้รับความเคารพและเป็นที่รักใคร่ไม่ว่าจะไปที่ไหน…ตอนนี้มาถูกใช้เป็นเดิมพัน ทั้งยังต้องไปเป็นคนรับใช้ของคนอื่น นี่คือการหยามหน้ากันอย่างเกินจะรับไหว!
“เธอไม่ใช่ลูกน้องของผม ผมไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ” หัวเจียงเหอตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
“อย่างนั้นหรือ? ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้ เจ้าหนุ่ม 3 คนที่มาก่อนหน้าคุณน่ะไม่ได้มีความท้าทายเลยสักนิด ใช้แค่กระบวนท่าเดียวก็จอด ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ และผมว่าคุณก็คงไม่ต่างอะไรกับพวกเขา ถ้าอย่างนั้น เราอย่าเสียเวลาดีกว่า ยกเลิกการดวลเสียดีไหม?” จางเซวียนยืดหลังบิดขี้เกียจขณะพูด
หัวเจียงเหอจ้องหน้าจางเซวียนอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ “ในฐานะผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบ คุณคืนคำง่ายๆแบบนี้หรือ?”
“เมื่อครู่นี้ผู้หญิงคนนั้นดูถูกผม ผมหงุดหงิดกับการกระทำของเธอมาก รู้สึกคับข้องใจจนถึงตอนนี้ ถ้าเธอไม่มาเป็นคนรับใช้ของผม ผมก็ไม่มีทางหาย ด้วยสภาวะของผมเวลานี้ ผมไม่คิดว่าจะสามารถดึงเอาพละกำลังสูงสุดของศิลปะเพลงดาบของผมออกมาได้ ซึ่งจะทำให้การดวลหมดความหมายไปอย่างสิ้นเชิง…ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ คุณไม่คิดว่าผมควรจะพิจารณามันอย่างรอบคอบหรือ?”
จางเซวียนเอาสองมือไพล่หลังขณะเชิดหน้ามองหัวเจียงเหอ ราวกับกำลังมอบความปรานีให้อีกฝ่าย “ไม่ใช่ว่าผมอยากจะหาเรื่องแม่สาวที่อยู่ข้างคุณหรอกนะ แต่เรื่องนี้ก็เพื่อประโยชน์ของการดวล ผมมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เป็นการดูถูกคู่ต่อสู้ของตัวเองมากไปกว่าการเผชิญหน้ากับเขาในสภาวะที่เขากำลังอ่อนแอ คุณเข้ามาด้วยความจริงใจ ผมจึงเชื่อว่าคุณคงอยากดวลกับผมในสภาวะที่ผมมีพละกำลังแข็งแกร่งสูงสุดมากกว่าจะเอาชนะขณะที่ผมกำลังอ่อนแอ…ชัยชนะแบบนั้นคงไม่เป็นผลดีกับคุณเช่นกัน ถูกไหม?”
กร๊อบบบบ!
ข้อนิ้วของหัวเจียงเหอลั่นกราว
หมอนี่พล่ามเรื่องเหลวไหลออกมาโดยไม่รู้สึกอับอายสักนิดได้อย่างไร? ถ้าเขาทำได้ เขาอยากจะซ้อมอีกฝ่ายเหลือเกิน!
สรุปว่า…คุณกำลังบอกผมว่าตราบใดที่ผมยังไม่ยอมรับเดิมพัน ก็เท่ากับผมรังแกคุณ ต่อให้ผมชนะ นั่นก็จะเป็นเพราะผมเอาเปรียบคุณในสภาวะที่คุณกำลังอ่อนแอ อย่างนั้นใช่ไหม?
“ศิษย์พี่ อย่าตกหลุมพรางการยั่วยุแบบตื้นๆของเขานะ!” เห็นหัวเจียงเหอกำลังใคร่ครวญใหม่ เฉว่ชิงหน้าซีดเผือดขณะอุทานอย่างร้อนใจ
“ดูเหมือนพวกคุณกำลังพยายามทำให้ผมเป็นผู้ร้าย…ก็ได้ เอาเถอะ! ต่อให้คุณไม่ยอมรับคำขอของผม ผมก็จะดวลกับคุณ ตกลงไหม? ที่คุณต้องการก็คือเอาชนะผม ใช่หรือเปล่า? ผมยังสงสัยอยู่ว่าคุณจะใส่ใจไหมว่าการดวลครั้งนี้ยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม…” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างหมดหวัง “ผมคิดว่าศักดิ์ศรีของเหล่าผู้เชี่ยวชาญของสำนักดาบเมฆเหินก็คงมีแค่นี้ พวกเขายอมลดตัวลงทำทุกอย่าง ตราบใดที่จะได้มาซึ่งชัยชนะ…”
“พอที! ผมยอมรับคำขอของคุณ พอใจหรือยัง?” หัวเจียงเหอตวาดก้อง
อาจดูเหมือนจางเซวียนกำลังพยายามคว้าฟางเส้นสุดท้าย แต่เรื่องจริงก็คือเขาจี้จุดอ่อนของหัวเจียงเหอเข้าอย่างจัง หัวเจียงเหอคือคนที่แสนจะหยิ่งในศักดิ์ศรี เขาทนไม่ได้กับการได้รู้ว่ามีใครคนหนึ่งข้องใจในความเก่งกาจของเขา
“ศิษย์พี่…” เฉว่ชิงถึงกับเซด้วยความตกตะลึง
เธอคือนายหญิงน้อยที่ 2 แห่งสำนักท่านเจ้าเมือง คือคนที่ได้รับพรจากสวรรค์ เธอได้การยอมรับให้เข้าสู่สำนักดาบเมฆเหิน และในอนาคตก็มีโอกาสที่จะได้ไต่เต้าไปสู่การเป็นผู้กุมอำนาจคนหนึ่งของทวีปแห่งนี้
นี่คือการเหยียดหยามกันอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ สำหรับการที่เธอถูกใช้เป็นเดิมพัน!
แต่ทันทีที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็บังเอิญสบตากับหัวเจียงเหอ นัยน์ตาของอีกฝ่ายเย็นเยียบ “คุณคิดว่าผมจะแพ้คนอย่างหมอนั่นหรือ?”
“ฉัน…” สายตาเชือดเฉือนนั้นทำให้เฉว่ชิงหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง “มะ-ไม่ ไม่แน่นอน…นักรบที่ทรงพลังอย่างคุณเอาชนะเขาได้สบายอยู่แล้ว…”
หัวเจียงเหอคว้าดาบที่เฉว่ชิงถือไว้และชักมันออกมา เกรงว่าหากพูดอะไรออกไปอาจต้องโมโหจนขาดใจตาย จึงพรวดพราดขึ้นไปบนสังเวียนประลองแล้วตะโกน “เร็วเข้าเถอะ รีบดวลให้มันเสร็จๆไป!”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!” จางเซวียนหัวเราะหึๆขณะกระโจนขึ้นไปบนสังเวียน
“ผมได้ยินว่าคุณใช้เทคนิคการโยนดาบในการดวลสองสามครั้งก่อนที่บรรดาศิษย์น้องของผมท้าทายคุณ ผมอยากเห็นพละกำลังของเทคนิคนั้นกับตา” หัวเจียงเหอพูด
ในเมื่อเขาต้องการกอบกู้ชื่อเสียงของสำนักดาบเมฆเหิน ก็ต้องเอาชนะเจ้าโลกให้ได้ขณะที่อีกฝ่ายกำลังสำแดงศิลปะเพลงดาบที่ทรงพลังที่สุด
“ได้สิ” จางเซวียนพยักหน้าขณะชักดาบออกจากรางอาวุธ
…..
“ผู้อาวุโส! ผู้อาวุโส! เจ้าโลกปรากฏตัวแล้ว!”
ที่คฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองในเมืองแสงดาว อวิ๋นเฟยหยางพรวดพราดเข้าไปในห้องอย่างรีบร้อน
ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นนั่งอยู่ในห้องนั้น เมื่อรู้ข่าวก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น เขานำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลออกมาและเพ่งสมาธิเข้าไปในนั้น
อวิ๋นเฟยหยาง หวงเทา และคนอื่นๆรีบตามไปติดๆ
ทันทีที่เข้าสู่หอนิรันดร์ พวกเขาก็ได้ยินเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ครั้งใหญ่ดังมาจากบริเวณสังเวียนประลอง ฝูงชนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังรุดหน้าไปที่นั่น
“เร็วๆหน่อย! การดวลระหว่างเจ้าโลกกับนัยน์ตาวารีใกล้จะเริ่มแล้ว!”
“นัยน์ตาวารี? ใครกัน?”
“ผมก็ไม่รู้ แต่ได้ยินว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะเพลงดาบที่น่าทึ่งคนหนึ่ง ผมว่าการดวลครั้งนี้คงน่าตื่นเต้นทีเดียว!”
“กล้าท้าทายเจ้าโลกทั้งที่รู้สถิติของเขาแล้ว หมายความได้อย่างเดียวว่านัยน์ตาวารีคนนั้นคงไม่ใช่มือใหม่ ผมอยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะโค่นบัลลังก์ของเจ้าโลกได้หรือเปล่า…”
…..
“นัยน์ตาวารี? ใช่ศิษย์พี่หมายเลข 1 ของเราไหม?” อวิ๋นเฟยหยางตาโตด้วยความตื่นเต้น
“เจียงเหอก็อยู่ที่นี่หรือ? เขาคงรู้เรื่องความพ่ายแพ้ของพวกคุณและตั้งใจมากอบกู้ชื่อเสียงให้สำนักของเรา!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพยักหน้าด้วยอาการยอมรับขณะสันนิษฐานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คำพูดนั้นทำให้ทั้งสี่หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย “พวกเราขออภัยในความอ่อนซ้อม!”
น่าละอายเหลือเกินที่ศิษย์พี่หมายเลข 1 ต้องมาชดเชยความพ่ายแพ้ของพวกเขา
“เจียงเหอเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งมั่นคงเสมอ ผ่านประสบการณ์การต่อสู้มาก็มากมาย ผมเชื่อว่าเขาคงกอบกู้ชื่อเสียงให้สำนักของเราได้” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นลูบเคราขณะตั้งข้อสังเกต
แม้จะอยู่ในหอนิรันดร์ รูปลักษณ์ของเขาก็ยังคงเป็นผู้อาวุโสดังเดิม
“จริงด้วย ศิษย์พี่หมายเลข 1 ของเราออกโรงด้วยตัวเอง ผมเชื่อว่าต่อให้เจ้าโลกก็ไม่น่าจะเอาชนะได้หรอก”
“รีบไปดูกันเถอะ!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นร้องเรียก
ทั้งกลุ่มฝ่าฝูงชนเข้าไปจนถึงด้านหน้า แต่ทันใดนั้น เสียงเชียร์และโห่ร้องดังสนั่นก็ดังกึกก้องไปทั่วจนแทบทะลุหมู่เมฆ
“การดวลน่าจะสิ้นสุดแล้ว…” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเปรย
พวกเขารีบเดินหน้า มั่นใจว่าจะได้เห็นหัวเจียงเหอยืนจังก้าประกาศชัยชนะบนสังเวียนประลอง แต่กลับตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ ทุกคนเห็นร่างของนัยน์ตาวารีกองอยู่กับพื้น มีดาบปักอยู่ที่ศีรษะ
ไม่ช้าศพนั้นก็สลายตัวเป็นอากาศธาตุ
“ศิษย์พี่หมายเลข 1…”
อวิ๋นเฟยหยางกับพรรคพวกถึงกับจังงัง ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็พูดไม่ออก
การดวลเพิ่งเริ่มเมื่อครู่นี้ไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงดูเหมือนจบลงในชั่วพริบตา?
หรือว่าแม้แต่ศิษย์พี่หมายเลข 1 ของพวกเขาก็เทียบชั้นกับเจ้าโลกไม่ได้ และลงเอยด้วยการถูกสังหารภายในไม่กี่วินาที
ในตอนนั้น เฉว่ชิงตัวสั่นจนหยุดไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เธอแทบเป็นบ้า
การถูกใช้เป็นเดิมพันก็ทำให้เธอโมโหเดือดอยู่แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าศิษย์พี่ที่เธอแสนจะเคารพบูชาจะพ่ายแพ้ให้กับการโยนดาบเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจบเร็วเสียจนทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าหัวเจียงเหอร่วมมือกับเจ้าโลกเพื่อทรยศเธอ!
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ…ก็หมายความว่าตอนนี้เธอคือคนรับใช้ของเจ้าโลกแล้วใช่ไหม?
ราวกับจะอ่านใจของเธอได้ ชายหนุ่มที่อยู่บนสังเวียนประลองร้องเรียก “คนรับใช้ของผมที่อยู่ตรงนั้นน่ะ มัวทำอะไรอยู่? มานวดหลังให้ผมที!”
“คุณ…” เฉว่ชิงหน้าร้อนผ่าว
ในชีวิตของเธอไม่เคยถูกเหยียดหยามขนาดนี้มาก่อน
อยากให้ฉันเป็นคนรับใช้ของคุณหรือ? ฝันไปเถอะ!
เฉว่ชิงกระโจนขึ้นสู่สังเวียนประลองและเงื้อมือขึ้น ตั้งใจจะตบหน้าจางเซวียน แต่ยังไม่ทันได้ตบ มือของอีกฝ่ายก็คว้าข้อมือของเธอไว้
เพียะ!
เฉว่ชิงเจ็บแปลบที่ใบหน้า แทนที่จะเป็นคนตบ เธอกลับถูกตบเสียเอง
มันเป็นแค่การตบครั้งเดียว แต่ไม่มีการยั้งมือเลย ใบหน้างดงามของเธอบวมฉึ่งขึ้นมาทันที แก้มซ้ายดูเหมือนกับขนมปังสีแดงก้อนใหญ่
แม้จะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่โลกของความเป็นจริง แต่ความเจ็บปวดและความอับอายที่เธอได้รับก็สมจริงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ถ้ามีหลุมมีรูอยู่กับพื้น เธอคงมุดลงไปแล้ว
เฉว่ชิงเคยคิดว่าด้วยการสนับสนุนของหัวเจียงเหอ เธอน่าจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดและทำตามความฝันของตัวเองได้ แต่ก็เหมือนกับฟองสบู่ล่องลอย ทุกอย่างแตกโพละในชั่วพริบตา…
เธอไม่เคยรู้สึกสมเพชชีวิตของตัวเองมากเท่านี้มาก่อน
“กล้ามากนะที่ลงไม้ลงมือกับเจ้านาย!” จางเซวียนคำราม
เขาไม่มีความปรารถนาดีแม้แต่น้อยให้กับหญิงสาวใจคอโหดเหี้ยมคนนี้ ถ้าไม่ติดที่ว่าเขาตั้งใจจะ เก็บเธอไว้ให้ศิษย์สายตรงของเขาจัดการ คงจะกำจัดเธอเสียแล้ว!
“ฉันจะฆ่าแก!” เฉว่ชิงคำรามด้วยนัยน์ตาแดงก่ำขณะพุ่งเข้าใส่จางเซวียน ตั้งใจจะเอาชีวิตเข้าแลก
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงตวาดเย็นเยียบก็ดังขึ้นในหมู่ฝูงชน “พอที ยังทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าไม่พออีกหรือ?”
เฉว่ชิงตัวแข็ง เธอหันกลับไป เห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามา
“ท่านพ่อ…” เธอพึมพำอย่างงุนงง
ด้วยความโล่งใจใหญ่หลวงที่ได้เห็นเสาหลักพักพิง สาวน้อยทรุดฮวบลงกับพื้นแล้วตั้งต้นสะอึกสะอื้น ความคับแค้นใจทั้งหมดของเธอพรั่งพรูออกมา
“เธอเรียกเขาว่าท่านพ่อ? หรือว่าเขาคือ…ท่านเจ้าเมืองชวนเจียง เจ้าเมืองเฉว่เหยา?”
“เจ้าเมืองเฉว่เหยาเป็นนักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ผู้ทำลายล้างมิติ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะ มาที่นี่…”
“เขาจะนิ่งเฉยได้อย่างไรหลังจากได้รู้ว่าลูกสาวกลายเป็นคนรับใช้ของชายอีกคนหนึ่งไปแล้ว!”
“ถ้าเจ้าเมืองเฉว่เหยาออกโรงด้วยตัวเอง เจ้าโลกจบเห่แน่…”
“จริงด้วย เจ้าโลกไม่เพียงดูถูกเฉว่ชิง ยังถึงกับตบหน้าเธอด้วยซ้ำ เพียงเท่านี้ก็ไม่มีใครช่วยชีวิตเขาได้แล้วล่ะ!”