อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1951 ทำไมถึงดูไม่เหมือนเดิม?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1951 ทำไมถึงดูไม่เหมือนเดิม?
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่น้องของผม…ในที่สุดผมก็ล้างแค้นให้พวกคุณได้แล้ว…”
ไม่ช้า ศีรษะของเฉว่เหยาก็หลุดออกจากบ่า ความรู้สึกทั้งหมดที่ตั้นเฉี่ยวเทียนเก็บกลั้นไว้พรั่งพรูออกมา
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เขาต้องเก็บงำทุกอย่างไว้ในใจ แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว ตั้นเฉี่ยวเทียนสะอึกสะอื้นออกมาเหมือนเด็กเล็กๆ แต่แล้วความหนักอึ้งที่เขาแบกรับมาตลอดก็ค่อยๆบรรเทาลง ในที่สุดเขาก็เป็นอิสระ
เมื่อระบายความคับแค้นใจจนหมดสิ้น ก็เห็นท่านอาจารย์ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ไกลๆ
ตั้นเฉี่ยวเทียนประหลาดใจจนต้องรีบลุกขึ้นและเดินไปหาอีกฝ่าย
ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนี้ เขาคงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ คงเป็นแค่ดวงวิญญาณน่าสมเพชอีกดวงหนึ่งที่ถูกเจ้าเมืองสังหาร
พูดได้เลยว่าทุกอย่างที่เขามีอยู่ในเวลานี้คือผลงานของท่านอาจารย์
เขาอยากจะตะโกนบอกทั้งโลกและบอกทุกคนว่าชายผู้นี้คืออาจารย์ของเขา และทุกความสำเร็จของเขาก็มาจากคำชี้แนะของท่านอาจารย์ แต่รู้ดีว่าอีกฝ่ายอยากถ่อมเนื้อถ่อมตัวและเก็บตัวเงียบ จึงได้แต่ยับยั้งคำพูดไว้
แต่ขณะที่กำลังรีบเดินไปหาท่านอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพ ก็เห็นชายหนุ่มที่กำลังสั่นสะท้านยื่นมือออกไปหาอวิ๋นเฟยหยางกับพรรคพวกและพูดว่า “ตอนนี้ตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในของสำนักของพวกคุณแล้ว ในฐานะศิษย์สายตรงฝ่ายนอก พวกคุณไม่คิดจะมอบยาเม็ดอมตะ ขั้นต้นสัก 2-3 เม็ดให้เขาเพื่อเป็นการแสดงความยินดีหรือ? นี่ไม่ใช่ของกำนัลนะ แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต เพราะทันทีที่เขาเหยียบย่างเข้าสู่สำนัก ต่อไปพวกคุณก็จะได้รับประโยชน์มาก…”
“….” ตั้นเฉี่ยวเทียนที่กำลังรีบร้อนเดินเข้าไปถึงกับหยุดกึก
ท่านอาจารย์…กำลังพยายามเรียกค่าคุ้มครองจากอวิ๋นเฟยหยางกับพรรคพวกหรือ?
นี่คือท่านอาจารย์ผู้เก็บเนื้อเก็บตัว เคร่งครัด และเที่ยงธรรมของเราใช่ไหม?
ทำไมถึงดูไม่เหมือนเดิม?
อวิ๋นเฟยหยางกับคนอื่นๆก็จังงัง
ตอนที่พวกเขาเห็นระดับวรยุทธของตั้นเฉี่ยวเทียนพุ่งพรวดถึงสองขั้นภายใน 1 ชั่วโมง ก็คิดว่าคงเป็นผลงานของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า จึงพากันกระแซะเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อหวังจะซักถามรายละเอียด ใครจะไปคิดว่าหมอนี่จะเอ่ยปากขอยาเม็ดจากพวกเขา…
เรื่องนั้นทำลายภาพลักษณ์ดีงามของชายหนุ่มที่อยู่ในหัวสมองของพวกเขาออกไปจนหมด
ดูเหมือนตั้นเฉี่ยวเทียนคงเป็นนักปราชญ์โบราณอยู่แล้วจริงๆ และหมอนี่ก็แค่ใช้ศาสตร์ลับบางอย่างเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายฟื้นคืนพละกำลังดังเดิม
เพราะผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจขนาดนี้จะทำตัวหน้าไม่อายถึงขนาดเรียกเก็บค่าคุ้มครองต่อหน้าผู้คนมากมายหรือ?
เป็นไปไม่ได้ที่ชายผู้ไร้ยางอายขนาดนี้จะสามารถปฏิบัติภารกิจอันน่าทึ่งได้สำเร็จ ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด!
“แค่ก แค่ก!”
ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นทนดูภาพนั้นไม่ไหว เขาไอออกมาเบาๆเพื่อกลบเกลื่อนความกระอักกระอ่วนก่อนจะเอ่ยปาก “เฉี่ยวเทียน ศิษย์สายตรงฝ่ายในได้รับอนุญาตให้นำคนรับใช้เข้าสู่สำนักพร้อมกับพวกเขาได้ ผมเชื่อว่าคงไม่มีอะไรผูกมัดคุณไว้กับเมืองชวนเจียงแล้ว ทำไมเราไม่มุ่งหน้าไปสำนักดาบเมฆเหินพร้อมกันเสียตอนนี้เลยล่ะ?”
“ขอรับ ผู้อาวุโสลู่” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบ
เมื่อล้างแค้นสำเร็จแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาต้องอ้อยอิ่งอยู่ในเมืองชวนเจียงอีก ถึงเวลาที่เขาควรจะก้าวสู่โลกกว้างและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆเสียที
“ผมอยากพาผู้อาวุโสอี้กับพี่จางไปด้วย” ตั้นเฉี่ยวเทียนรายงาน
แน่นอนว่าเขาต้องพาท่านอาจารย์ไปกับเขาด้วย ส่วนผู้อาวุโสอี้ก็รับใช้เขามาเนิ่นนานหลายปี จึงไม่อาจละทิ้งอีกฝ่ายไว้ข้างหลังได้ สำหรับเขา มีแค่ 2 คนนี้ก็มากเกินพอ เขาไม่ต้องการศิษย์สายตรงระดับล่างคนไหนให้มารับใช้
อีกอย่าง ท่านอาจารย์ของเขาก็ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมาก คงจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายหากเขาพาคนไปด้วยมากกว่านี้
“ได้สิ คุณควรกลับไปเตรียมตัวให้เรียบร้อย เราจะออกเดินทางในอีก 2 ชั่วโมงนับจากนี้!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูด
ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหาท่านอาจารย์ เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่ามีร่องรอยของความผิดหวังจางๆอยู่ในสีหน้าที่ดูจะเรียบเฉยของอีกฝ่าย
เห็นได้ชัดว่าท่านอาจารย์ไม่ได้รับค่าคุ้มครองที่เรียกร้องไว้เมื่อครู่
“ท่านอาจารย์ กลับบ้านกันสักครู่หนึ่งเถอะ ผมต้องเก็บข้าวของและสั่งลาบ้านของผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกเดินทางสู่สำนักดาบเมฆเหิน” ตั้นเฉี่ยวเทียนพูด
ในเวลานั้นพวกเขาอยู่ห่างจากผู้อาวุโสลู่และคนอื่นๆแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตน
จางเซวียนพยักหน้ารับ
อันที่จริง เหตุผลที่เมื่อครู่นี้เขาเรียกร้องค่าคุ้มครองก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลตามนั้น เขาไม่ผิดหวังสักนิดที่ไม่ได้อะไรกลับคืนมา!
“สงสัยเหลือเกินว่าจะต้องปกปิดตัวตนของเราในสำนักดาบเมฆเหินไปอีกนานแค่ไหน บางที…การเป็นคนเก่งกาจเกินไปก็น่าท้อใจเหมือนกัน!” จางเซวียนกุมขมับขณะใช้ความคิด
ถ้าเขาเลือกได้ ก็ไม่อยากหลอกลวงใคร แต่ผู้คนก็พากันวี้ดว้ายกระตู้วู้ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ!
ฟึ่บ!
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิดหนัก จอมโจรเฉาเฉิงลี่ก็พุ่งปราดเข้ามาและทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้า นัยน์ตาของอีกฝ่ายเปี่ยมด้วยความจริงใจและความคาดหวัง
“นายน้อย ได้โปรดรับผมไว้ด้วย เป็นเกียรติสูงสุดของผมที่จะได้เป็นคนรับใช้ผู้นอบน้อมของคุณ!”
“ดูสิ เราโดดเด่นเสียจนแม้แต่หัวขโมยยังอดไม่ได้ที่จะหลงเสน่ห์ของเรา…” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
คนอื่นอาจไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของจางเซวียน แต่เฉาเฉิงลี่เห็นตั้นเฉี่ยวเทียนเรียกขานอีกฝ่ายว่า ‘ท่านอาจารย์’ กับตา
ทำให้นักรบระดับเซียนขั้น 6 ไม่ได้เรื่องได้ราวคนหนึ่งที่ทำไม่ได้แม้แต่จะฝึกฝนวรยุทธกลายเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 1 โลกจารึกได้ภายในวันเดียว…ขนาดเขาเห็นกับตาก็ยังแทบไม่อยากเชื่อ
ถ้าเขาได้ติดตามคนแบบนี้ วรยุทธของเขาจะต้องพุ่งผงาดแน่!
อีกอย่าง ลูกน้องของเขาก็ถูกฆ่าตายเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ตัวคนเดียวในเมืองใหญ่ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็คงถูกสังหารโดยฝูงชนที่กำลังโกรธเกรี้ยวตั้งแต่ยังไม่ทันได้ออกจากเมือง
เฉาเฉิงลี่ทำเรื่องเลวร้ายไว้มากตลอดหลายปีที่เขากุมอำนาจเหนือภูเขานอกเมือง มีผู้คนมากมาย ที่ยิ่งกว่ายินดีปรีดาที่จะถลกหนังเขาทั้งเป็น
“คุณอยากเป็นลูกน้องของผมหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว “คิดจริงๆหรือไงว่าผมจะรับคุณเป็นลูกน้อง ช่วยหยุดความคิดเลวไหลนั้นเถอะ!”
เหตุผลเดียวที่เขาไว้ชีวิตเฉาเฉิงลี่จนถึงตอนนี้ก็เพราะอีกฝ่ายสามารถเปิดโปงพฤติกรรมชั่วร้ายของเฉว่เฉินได้ ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว เขาจะมาเสียเวลาไว้ชีวิตจอมโจรผู้หนึ่งที่ทำเรื่องชั่วร้ายมาทั้งชีวิตเพื่ออะไร?
ผมดูเหมือนเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคุณหรือ?
“นายท่าน ผมจะคุกเข่าอยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะรับผม!” เฉาเฉิงลี่ยืนกรานอย่างเด็ดเดี่ยว
“งั้นก็คุกเข่าไปจนกว่าจะตายก็แล้วกัน” จางเซวียนโบกมืออย่างไม่แยแส
“นายท่าน!” เฉาเฉิงลี่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธดื้อๆแบบนั้น เขาร่ำร้องด้วยความเสียอกเสียใจ “ใช่ว่าผมจะอยากเป็นจอมโจร ผมไม่มีทางเลือกจึงต้องทำแบบนี้ ผมเคยเป็นนักธุรกิจผู้ซื่อตรงและมีน้ำใจ แต่อยู่มาวันหนึ่ง ผมก็ดื่มจนเมามายโดยไร้เหตุผล จากนั้นเมียผมก็ไม่ยอมให้ผมเข้าบ้าน”
“ด้วยเหตุนี้ ผมจึงต้องหลับอยู่ในเกี้ยวที่อยู่ข้างนอก แต่มันหนาวเกินไป ผมต้องซมซานไปเปิดห้องในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความเมามายของผม ผมเรียกผู้หญิงมาถึง 7 คนพร้อมกัน คืนนั้นเป็นคืนที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย แต่หลังจากนั้น…”
“พอได้แล้ว! เลิกตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเสียที ท่านอาจารย์ของผมคือผู้สูงส่งที่รังเกียจการกระทำชั่วร้ายของคุณ การรับคุณเป็นลูกน้องมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของท่านอาจารย์ด่างพร้อย ไสหัวไปซะ! ไม่อย่างนั้นผมจะตัดหัวของคุณเสียเดี๋ยวนี้!” ตั้นเฉี่ยวเทียนตะโกนก้อง
เฉาเฉิงลี่เห็นท่านอาจารย์เป็นอะไร?
ท่านอาจารย์ของเราอาจโลภมากไปสักนิด แต่ก็เป็นมังกรที่ผงาดอยู่กลางอากาศ คือผู้สูงส่งในโลกใบนี้ ชื่อเสียงของท่านอาจารย์มีแต่จะแปดเปื้อนหากรับจอมโจรอย่างคุณเป็นบริวาร
ต่อให้ท่านอาจารย์ของผมยินยอม ผมก็ไม่มีวันยอมหรอก!
อีกอย่าง คุณแน่ใจหรือว่ากำลังเล่าเรื่องน้ำเน่า?
ทำไมถึงดูเหมือนกำลังคุยโวเสียมากกว่า?
เห็นตั้นเฉี่ยวเทียนพร้อมจะเล่นงานเขาได้ทุกเมื่อ เฉาเฉิงลี่หน้าซีด แต่รู้ดีว่าคงไม่มีทางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หากไม่ได้เป็นลูกน้องของจางเซวียน จึงกัดฟันและยื่นไพ่ไม้ตาย
“นายท่าน ใครๆจะต้องฉีกผมเป็นชิ้นๆแน่หากคุณไม่รับผมเป็นลูกน้อง ในเมื่อถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ผมก็ขอมอบทุกสิ่งที่ผมมีให้คุณก็แล้วกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมเลือกปล้นเฉพาะนักธุรกิจที่ร่ำรวยเท่านั้น และเก็บงำทรัพย์สมบัติไว้ได้บางส่วน มียาเม็ดอมตะขั้นต้น 10 เม็ดอยู่ในแหวนเก็บสมบัติวงนี้ มันคือสมบัติทั้งหมดที่ผมมี ผมเต็มใจมอบทุกอย่างให้คุณ, นายท่าน…”
“อย่าคิดจะติดสินบนท่านอาจารย์ของผมด้วยสิ่งนี้ เขาไม่ตกหลุมพรางตื้นๆของคุณหรอก!” ตั้นเฉี่ยวเทียนคำราม
แต่ขณะที่เขากำลังจะผลักเฉาเฉิงลี่ออกไป ใบหน้าซีดเผือดของท่านอาจารย์ก็พลันมีสีเลือดขึ้นมาทันที เขาลุกพรวด และราวกับมีเวทมนตร์บางอย่าง แหวนเก็บสมบัติหายวับจากมือของเฉาเฉิงลี่ไปอยู่ที่ท่านอาจารย์ของเขาทันที
จางเซวียนขจัดรอยจารึกของจิตวิญญาณที่ฝังอยู่บนแหวนเก็บสมบัติก่อนจะมองดูข้าวของภายใน ครู่ต่อมาก็พยักหน้าอย่างพอใจขณะพูดว่า “ก็ได้ ผมรับคุณเป็นลูกน้องของผม มากับผมสิ!”
ยาเม็ดอมตะขั้นต้นแต่ละเม็ดมีราคาถึง 100,000 เหรียญนิรันดร์, 10 เม็ดก็จะมีสนนราคาอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญนิรันดร์ อีกทั้งพวกมันยังถูกเก็บรักษาไว้ในแหวนเก็บสมบัติที่มีราคาสูงลิ่วถึงวงละ 500,000 เหรียญนิรันดร์ด้วย ใครจะไปคิดว่าจอมโจรผู้นี้จะมีข้าวของอยู่กับตัวตั้งมากมาย?
ด้วยเงินมหาศาลก้อนนี้ เขาจะยอมละเว้นให้ครั้งหนึ่ง แล้วยอมรับเฉาเฉิงลี่เป็นลูกน้องของเขา
“ท่านอาจารย์!” ตั้นเฉี่ยวเทียนถึงกับผงะ
หมอนี่เป็นอาจารย์ของเราจริงๆหรือ?
ทำไมตอนนี้ถึงทำตัวน่าอับอายเหลือเกิน?
ผู้ที่ทำให้เขายกระดับวรยุทธได้ถึง 2 ขั้นภายใน 1 ชั่วโมง, มีทักษะอันล้ำเลิศทั้งเรื่องการรักษาโรคและศิลปะเพลงดาบ…เขาควรจะอยู่เหนือเรื่องราวทางโลกและไม่ใส่ใจใยดีในสมบัติพัสถานใดๆ ทำไมถึงถูกล่อลวงด้วยยาเพียงไม่กี่เม็ด?
เส้นแบ่งศีลธรรมของเขาอยู่ตรงไหน?
ศักดิ์ศรีของผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งหายไปไหนหมด?