อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1961 คุณคงไม่ได้หมายถึง…
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1961 คุณคงไม่ได้หมายถึง…
สำหรับพวกเขา ถึงตั้นเฉี่ยวเทียนจะเป็นอัจฉริยะ แต่สำนักดาบเมฆเหินก็ไม่เคยขาดแคลนคนแบบนี้ มีศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมากมายที่สามารถปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้ไกลถึง 2 ลี้
แน่นอนว่าพวกเขาประหลาดใจกับความสามารถของตั้นเฉี่ยวเทียน แต่ก็แค่นั้น ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่เหมือนกับนักดาบผู้สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า การปรากฏตัวของเขาไม่ได้ทำให้สำนักดาบเมฆเหินเกิดความเปลี่ยนแปลง
ทุกคนรีบออกจากห้อง เหลือแต่ผู้อาวุโสเหอกับผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ย
“คุณจะส่งข้อความหาท่านเจ้าสำนักไหม?” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยตั้งคำถาม
“ส่งสิ เรื่องนี้สำคัญมาก ต้องรายงานท่านเจ้าสำนักโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” ผู้อาวุโสเหอตอบรับพร้อมกับพยักหน้า
“ตอนนี้ท่านเจ้าสำนักกำลังอยู่กับผู้นำคนอื่นๆของ 5 สำนักใหญ่เพื่อหารือกันในรอบ 1 ศตวรรษของ ‘สะพานเบื้องบน’ เราควรขัดจังหวะด้วยการติดต่อเขาในเวลานี้หรือ?” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างกังวลใจ
“ผมคิดว่าต้องเป็นอย่างนั้น เพราะต่อให้เราไม่รายงานท่านเจ้าสำนักตอนนี้ ไม่ช้าสำนักอื่นๆก็จะต้องได้ข่าว คงไม่ดีแน่หากท่านเจ้าสำนักไม่ได้รู้เรื่องเป็นคนแรกจากพวกเราโดยตรง” ผู้อาวุโสเหอตอบ
เขานำตราหยกพิเศษอันหนึ่งออกมาและจารึกข้อความลงไปบนนั้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเสร็จสิ้น ตราหยกพิเศษอันนั้นก็มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ก่อนจะหายวับไป
…..
หมู่เมฆขาวลอยเอื่อยอย่างสงบสุขอยู่บนยอดเขาที่มีความสูงอย่างน่าทึ่ง เสียงร้องของฝูงนกกระเรียนสวรรค์ดังมาจากที่ไกลๆ ลำธารสายเล็กๆไหลอยู่ไม่ห่างออกไปนัก กลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติอบอวลอยู่ในอากาศ
เมื่อมองจากที่ไกลๆ สถานที่นี้ดูไม่ต่างอะไรกับสวรรค์
ใต้ต้นสนโบราณ คนกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงกัน
สาวสวยคนหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสง่างามก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันขอเสนอให้พวกเรายึดกฎเกณฑ์เดิม ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาถกเถียงเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก”
“กฎเกณฑ์เดิมที่เราเคยใช้ยุติธรรมและมีเหตุผลดีอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่เคยประสบความสำเร็จแม้จะพยายามมาเนิ่นนานหลายปี ผมเกรงว่าการยึดติดกับวิธีเดิมๆจะทำให้เราไปไม่ถึงไหน” ชายชราคนหนึ่งพูด
“อ้อ? อย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนคุณจะมีแผนการดีๆอยู่ในใจนะ ทำไมไม่พูดออกมาล่ะ เผื่อพวกเราจะได้พิจารณา!” สาวสวยคำราม
“ตู้ชิงหย่วน, สำนักคว้าดาวของคุณเป็นสำนักเดียวใน 6 สำนักใหญ่ที่สามารถติดต่อกับหอนิรันดร์ได้ คุณควรจะรู้ว่าเหตุผลหลักที่พวกเรามารวมตัวกันที่นี่ก็เพื่อฟังความคิดเห็นของคุณที่มีต่อเรื่องนี้ หรือว่าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตแทนที่จะหาทางออกไป ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด อายุขัยของคุณใกล้สิ้นสุดแล้วนี่ ใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับสาวสวยพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ก็จริงอยู่ที่พวกเราติดต่อกับหอนิรันดร์ได้ แต่คุณก็ควรรู้ว่าหอนิรันดร์เป็นอย่างไร เพียงแค่เราติดต่อกับหอนิรันดร์ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเรามีความเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้ อีกอย่าง ถึงอายุขัยของฉันใกล้จะสิ้นสุดแล้ว แต่คุณคิดว่าตำหนักคว้าดาวของเราจะล่มสลายเพียงเพราะเรื่องนั้นหรือ? จะลองดูก็ได้ ฉันยิ่งกว่าเต็มใจที่จะดวลกับคุณที่นี่ เดี๋ยวนี้!” สาวสวยที่ชื่อตู้ชิงหย่วนคำรามอย่างเย็นชา
“เอาเถอะ ใจเย็นก่อน เรามาที่นี่เพื่อหารือกันนะ ไม่ได้มาสู้กันเอง!” ชายชราที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้รีบไกล่เกลี่ย “เจ้าสำนักชิง, คุณควรสงบสติอารมณ์สักนิด…เจ้าตำหนักตู้, คุณก็รู้ว่าเจ้าสำนักชิงออกจะพูดเกินเลยไปสักหน่อยเสมอ เพราะฉะนั้นก็อดทนกับเขาหน่อยสิ ผมไม่คิดว่าพวกเราจะหาข้อสรุปได้หรอกหากใช้วิธีแบบนี้ จึงประสานงานกับหัวหน้าขงแห่งหอนิรันดร์ไว้แล้ว เขาคงจะมาถึงในไม่ช้านี่แหละ…”
ยังไม่ทันที่ชายชราจะพูดจบ ชายวัยกลางคนหน้าตาเฉลียวฉลาดคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าทุกคนในที่นั้น เขายิ้มบางๆ
“ดูเหมือนพี่หานจะเข้าใจผมดี…”
การมาถึงของชายวัยกลางคนทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นลุกขึ้นยืนทันที
พวกเขาอาจเป็นผู้นำของ 6 สำนักใหญ่ แต่ต่างก็รู้ดีว่าสถานภาพของตัวเองยังเหลื่อมล้ำหากจะเปรียบเทียบกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า
6 สำนักใหญ่เปรียบเหมือนจักรวรรดิใหญ่ 6 จักรวรรดิ แต่ละจักรวรรดิกินอาณาบริเวณกว้างใหญ่ แต่หอนิรันดร์คือสิ่งที่มีอานุภาพครอบคลุมทั่วทั้งโลก ที่ไหนก็ตามที่มีมนุษย์อยู่ ก็จะต้องมีหอนิรันดร์และตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล
แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของดินแดนใด แต่อิทธิพลของหอนิรันดร์ก็แผ่ขยายไปทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืม
แถมยังไม่มีใครรู้ด้วยว่าแท้ที่จริงแล้วชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีพละกำลังมากแค่ไหน
นักรบทั่วไปมีอายุขัยจำกัด แต่ดูเหมือนความแก่ชราจะไม่ย่างกรายมาสู่ชายวัยกลางคนผู้นี้เลย เขามีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน จนกระทั่งไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้จักเขา แต่นับจากตอนนั้น ก็ดูเหมือนตัวเขาจะไม่ได้เปลี่ยนไปสักกี่มากน้อย
แม้ทุกคนจะเป็นกลุ่มอำนาจหลักที่ถือเป็นสุดยอดของโลกใบนี้ แต่ก็ยังมีความยำเกรงในตัวอีกฝ่าย
พวกเขาประสานมือและทักทาย “คารวะหัวหน้าขง!”
“ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก” หัวหน้าขงหัวเราะหึๆขณะหาที่นั่ง
“เหตุผลที่พวกเรารบกวนหัวหน้าขงให้เดินทางมาที่นี่ก็เพื่อหารือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสะพานเบื้องบน ไม่ทราบว่าพวกเราควรทำตามข้อตกลงที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ หรือรื้อทิ้งและจัดระเบียบข้อตกลงใหม่?” ชายชราที่ถูกเรียกขานว่าพี่หานตั้งคำถาม
“จริงด้วย เมื่อสี่พันปีก่อน คุณบุกเข้าไปที่สะพานเบื้องบนและเอาชนะเหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้าได้ ทำให้ได้ตัวอักษรคำว่า ‘นิรันดร์’ มา ด้วยตัวอักษรนั้น คุณได้ก่อตั้งหอนิรันดร์ขึ้น คุณมีความเข้าใจอย่างดีในหอเทพเจ้า เข้าใจลึกซึ้งมากกว่าใครๆที่นี่ ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าคุณอีกแล้วที่จะช่วยไขความกระจ่างให้พวกเรา” เจ้าสำนักชิงพูด
“ผมได้เข้าสู่หอเทพเจ้าก็จริง แต่ความน่าสะพรึงที่อยู่ในนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะใช้คำเพียงไม่กี่คำอธิบายได้ สะพานเบื้องบนปรากฏขึ้นทุก 100 ปี แต่ในอดีตตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ ถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยนอะไรสักเล็กน้อยแล้วล่ะ” หัวหน้าขงพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ
เขากำลังจะพูดต่อ ก็พอดีกับที่พี่หานสะบัดข้อมือ ตราหยกอันหนึ่งปรากฏในมือของเขา
หลังจากก้มลงมอง พี่หานตาโต
“มีอะไรหรือพี่หาน?” เจ้าสำนักชิงตั้งคำถาม
“ผมเพิ่งได้รับรายงานจากสมาชิกในสำนักของผม มีอัจฉริยะผู้หนึ่งที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบที่ผู้ก่อตั้งของเราทิ้งไว้ได้!” พี่หานพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ
“เจตจำนงเพลงดาบที่ผู้ก่อตั้งของคุณทิ้งไว้? คุณคงไม่ได้หมายถึง…เจตจำนงเทพดาบหรอกนะ?” หัวหน้าขงถึงกับชะงัก
“นั่นแหละ” พี่หานพยักหน้า
“ว่ากันว่าเจตจำนงเทพดาบคือสิ่งที่มีแต่เทพเจ้าเท่านั้นที่จะทำความเข้าใจและสำแดงมันออกมาได้ ผู้ที่ทำความเข้าใจมันได้สำเร็จจะต้องมีอนาคตที่รุ่งเรืองอย่างมากแน่!” หัวหน้าขงตาโตขณะถามยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าสมาชิกผู้นั้นชื่ออะไร?”
“เอ่อ…ผมคิดว่าเหล่าผู้อาวุโสกำลังสืบเสาะเรื่องนั้นอยู่ ในเวลานี้ พวกเขาเพียงแค่รับรู้ได้ถึงการปรากฏขึ้นของเจตจำนงเพลงดาบที่ผู้ก่อตั้งทิ้งไว้เท่านั้น” พี่หานตอบ
“เข้าใจแล้ว!” หัวหน้าขงพยักหน้า “ในเมื่อบุคคลระดับนั้นปรากฏตัว ผมก็เชื่อว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสะพานเบื้องบน แต่แน่นอนว่าเราจะหารือเรื่องนี้กันหลังจากคุณพบตัวนักดาบผู้ปราดเปรื่องผู้นั้นแล้ว พี่หาน…เราต้องหาตัวนักดาบผู้นั้นให้ได้ และต้องแน่ใจว่าเขามีความเก่งกาจแบบไหนเพื่อจะได้วางแผนการที่รัดกุมต่อไป ดีไหม?”
“พวกเราเห็นด้วย” คนอื่นๆพยักหน้ารับ
“ก็ดี ไว้ค่อยนัดหมายการประชุมครั้งต่อไปก็แล้วกัน!” หัวหน้าขงพูด
เจ้าสำนักทั้ง 6 แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง
พี่หานกำลังจะมุ่งหน้ากลับสำนักดาบเมฆเหิน ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงลมหอบใหญ่พุ่งมาหาเขา ครู่ต่อมา หัวหน้าขงก็มายืนอยู่ตรงหน้า
“หัวหน้าขง!” พี่หานประสานมือและโค้งคำนับ
“พี่หาน มีบางอย่างที่ผมอยากมอบหมายให้คุณจัดการ…บุคคลที่สามารถทำความเข้าใจจำนงเทพดาบได้จะต้องมีบทบาทสำคัญต่อสะพานเบื้องบน ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่รู้ว่าเขาทรงพลังแค่ไหน แต่ในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่ง ผมก็อยากมอบของกำนัลให้เขา นี่คือตราสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของผม ถ้าคุณพบนักดาบผู้นั้น กรุณามอบมันให้เขา ด้วยตราสัญลักษณ์นี้ เขาจะสามารถซื้อหาทุกอย่างในหอนิรันดร์ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสักแดงเดียว” หัวหน้าขงยิ้มขณะยื่นตราหยกอันหนึ่งให้พี่หาน
“ผมขอแสดงความขอบคุณแทนศิษย์สายตรงของผมด้วย” พี่หานประสานมือและโค้งคำนับอย่างงาม
หอนิรันดร์มีอำนาจและอิทธิพลที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งโลก ข้อเท็จจริงที่ว่าตราหยกอันนี้สามารถใช้ซื้อหาทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธได้โดยไม่ต้องใช้เงินสักแดงเดียว ก็หมายความว่ามันมีมูลค่าอย่างที่ประเมินไม่ได้!
พูดได้เลยว่าขอแค่นักรบคนหนึ่งมีตราหยกอันนี้ในมือ ทรัพยากรทุกชนิดที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมก็จะตกเป็นของเขา เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินทองและค่าใช้จ่ายใดๆอีก
ไม่มีของกำนัลใดจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว!
“คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป” หัวหน้าขงตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณก็รู้ว่าวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งหอนิรันดร์ก็คือเพื่อบ่มเพาะความแข็งแกร่งของเหล่านักรบ ผมถือเป็นความรับผิดชอบของผมที่จะต้องดูแลเหล่าผู้เชี่ยวชาญของโลกใบนี้”
“หัวหน้าขง คุณช่างมีใจเมตตากรุณาเหลือเกิน ผมยำเกรงในตัวคุณมาก แต่ขออภัยด้วยเถอะ มีบางเรื่องที่ผมต้องไปจัดการก่อนจะกลับสำนัก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ผมต้องขอตัวก่อน” พี่หานประสานมือก่อนจะรีบจากไป
หัวหน้าขงเอาสองมือไพล่หลังขณะมองร่างของพี่หานที่ลับตาไป ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ครู่ต่อมา เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อาจกำลังพูดกับใครสักคน หรือพึมพำกับตัวเองก็เป็นได้ “ผมรอมาเนิ่นนานเหลือเกิน และในที่สุด ความอดทนของผมก็ส่งผล…ออกมาเร็วๆเถอะ ผมไม่รู้ว่าผมจะรอได้นานแค่ไหน…”
ฟิ้ววววว!
เกิดลมพัดหอบใหญ่ ร่างของหัวหน้าขงหายวับไปจากสายตา
…..
จางเซวียนไม่รู้เรื่องรู้ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่สภาผู้อาวุโสหรือที่ภูเขา ในตอนนั้น เขากำลังจ้องหน้าเฉาเฉิงลี่ด้วยความหงุดหงิดสุดขีด
เขามอบหมายให้อีกฝ่ายออกไปหาข่าว แต่เฉาเฉิงลี่กลับมาด้วยใบหน้าบวมฉึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะกระแสพลังปราณเทียบฟ้าที่เขาเคยถ่ายทอดให้ไว้ก่อนหน้านี้ หมอนี่คงตายไปแล้ว
“ผมบอกให้คุณไปหาข่าวคราวเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไม่ใช่หรือ? แล้วไปทำอะไรมาถึงอยู่ในสภาพนี้?” จางเซวียนถามด้วยความหงุดหงิด
ขนาดซุนฉางซึ่งเป็นพ่อบ้านคนเก่าของเขาก็ยังมีประสิทธิภาพกว่านี้ เขารู้ดีว่าภารกิจใดๆก็ตามที่มอบหมายให้ซุนฉางทำจะต้องสำเร็จลุล่วงอย่างไร้ที่ติ ถึงซุนฉางจะชอบคุยโวโอ้อวด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยถูกซ้อมจนหมดสภาพภายใน 1 ชั่วโมงตั้งแต่ออกจากที่พัก!