อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1970 นี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1970 นี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่?
“เฮ่ออออ…ดูเหมือนเราจะเข้าใจผิดมหันต์จริงๆ ถ้าเขารู้สักหน่อยว่ามันแย่แค่ไหนเวลาที่ทุกคนหันมาสนใจล่ะก็ เขาคงจะเห็นใจเราบ้าง…” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
เขารู้สึกไม่ค่อยดีที่กำลังจะได้เงินก้อนใหญ่จากจูเหยียนจื่อ ในเมื่ออีกฝ่ายลงทุนมากมายขนาดนี้ มันจะไม่หยาบคายไปหน่อยหรือหากเขารีบจบการดวลรวดเร็วเกินไป?
นี่มันสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายมีแต่ได้!
ตัวเขาได้เงิน ส่วนจูเหยียนจื่อก็ได้ฝึกฝนเทคนิคของตัวเองและได้ความภาคภูมิใจ
หลังจากเสาเส่ายอมแพ้ สาวน้อยเสื้อคลุมสีเทา, แสงสนธยาก็กระโจนขึ้นมาบนสังเวียนประลอง
“ฉันยอมแพ้ คุณเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังมาก…” แสงสนธยามองจางเซวียนพร้อมกับหรี่ตาอย่างระแวง
แผนการเดิมของพวกเขาคือเล่นงานอีกฝ่ายและบีบให้เขาสำแดงกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ซึ่งจากสิ่งนั้น ทั้งคู่จะสันนิษฐานได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของหมอนี่เป็นใคร
แต่ตอนนี้ก็เห็นชัดแล้วว่าแผนการของทั้งคู่ล้มเหลว พวกเขาไม่คิดเลยว่าจูเหยียนจื่อจะพ่ายแพ้โดยไม่อาจทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ความกดดันทั้งหมดก็ตกอยู่ที่เธอ
“ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากขอร้อง” แสงสนธยาพูด “ฉันหวังว่าคุณจะไม่ออมมือให้ฉัน อยากให้คุณใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณเล่นงานฉันเลย”
“คุณอยากให้ผมใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด?”
คำขอนั้นทำให้จางเซวียนลังเลเล็กน้อย
“ใช่!” แสงสนธยาพยักหน้า
ขอแค่อีกฝ่ายใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ต่อให้เธอแพ้ อย่างน้อยที่สุดเธอก็ยังจะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย
“เอ่อ…อย่างนั้นก็ได้” เห็นความจริงใจในแววตาของแสงสนธยา ในที่สุดจางเซวียนก็ยินยอม
“เริ่มเลย!”
แสงสนธยาสูดหายใจลึกและขับเคลื่อนพลังปราณ เธอเงื้อแขนขึ้นและกำลังจะพุ่งเข้าใส่ ก็พอดีกับที่ทุกอย่างพร่าเลือน ยังไม่ทันที่เธอจะรู้ตัว ดาบเล่มหนึ่งก็มาจ่ออยู่ที่ลำคอแล้ว ประกายคมปลาบของมันสะท้อนเข้าตา เธอรู้สึกราวกับว่าจะถูกสังหารในทันทีหากกล้าขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
แสงสนธยาถึงกับจังงัง ทำอะไรไม่ถูกกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
บ้าแล้ว!
พี่ชาย นี่มันตั้งแต่เมื่อไหร่?
ฉันยังไม่เห็นแม้แต่กระบวนท่าของคุณด้วยซ้ำ ทำไมจู่ๆก็มีดาบมาจ่อคอ?
แสงสนธยาเคยคิดว่าถึงอย่างไรเธอก็น่าจะคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ แต่ถึงขนาดที่ดาบของชายหนุ่มมาจ่อที่คอของเธอแล้ว เธอก็ยังไม่เห็นแม้แต่กระบวนท่าของเขา นับประสาอะไรจะคาดเดาศิลปะเพลงดาบที่เขาใช้!
คุณจะต้องว่องไวขนาดนี้เลยหรือ?
“คุณแพ้แล้ว” จางเซวียนพูดเสียงเรียบ
เขาเคยคิดว่าจะยื้อการดวลให้ยืดยาวออกไปสักหน่อยเพื่อให้คุ้มค่าเงิน แต่ในเมื่อสาวน้อยยื่นคำขอแบบนั้น เขาก็ควรจะทำตาม การให้บริการที่ดีมันต้องเป็นแบบนี้!
ในตอนนั้น แสงสนธยาตื่นตระหนกสุดขีด
เมื่อมีดาบจ่อคอ เธอก็ปฏิเสธความพ่ายแพ้ไม่ได้ ทุกอย่างจบแล้ว
การดวล 2 นัดผ่านไป ทั้งคู่ทำไม่ได้แม้แต่จะต้อนอีกฝ่ายให้ตกอยู่ในอันตราย นับประสาอะไรกับจะมองเห็นศิลปะเพลงดาบของเขา!
แต่นั่นยังไม่จบ พวกเขาไม่อาจระบุตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ด้วย แต่ก็พอบีบขอบเขตของตัวเลือกให้แคบลงมาได้
ในบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายใน มีไม่เกิน 5 คนที่มีความสามารถระดับนี้
แต่ด้วยความที่ทั้ง 5 มีประสิทธิภาพการต่อสู้และความปราดเปรื่องสูงส่ง ทางสำนักดาบเมฆเหินจึงให้ความสำคัญมาก พวกเขาไม่เคยขาดแคลนทรัพยากร และมีวิธีการที่ง่ายกว่านี้อีกมากในการหาเงิน คนทั้ง 5 ไม่มีทางลดตัวลงมารับคำท้าพนันเพียงเพื่อให้ได้เงินเป็นการแลกเปลี่ยน อีกอย่าง พวกเขาจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้ทำลายชื่อเสียงของตัวเองทำไมในเมื่อมีอนาคตรุ่งเรืองรออยู่ข้างหน้า?
แต่ชายหนุ่มที่พวกเขาได้เจอดูเป็นพวกหิวเงิน ทั้งคู่ออกจะสงสัยว่าถ้าพวกเขาโยนเหรียญสำนักดาบลงไปในน้ำ หมอนั่นจะรีบงมลงไปเก็บขึ้นมาทันทีหรือเปล่า?
นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงเลย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
หลังจากออกจากสังเวียนประลอง จางเซวียนเดินไปหาทั้งคู่และยื่นมือออกไป “พวกคุณแพ้แล้ว 720 เหรียญสำนักดาบ!”
เขารู้ตัวตนที่แท้จริงของชายหญิงคู่นี้แล้วในระหว่างการดวล จึงไม่กลัวว่าทั้งคู่จะชักดาบ
“นี่…”
เห็นแผนการของพวกเขาล้มเหลว จูเหยียนจื่อกับแสงสนธยาอับจนหนทาง รู้ดีว่าเจอของจริงเข้าให้แล้ว จึงได้แต่ควักเงินออกมาใช้หนี้
“ขอบคุณมากสำหรับอภินันทนาการของพวกคุณ อยากพนันอีกเมื่อไหร่ล่ะก็ เรียกหาผมได้เลย” จางเซวียนตอบอย่างลิงโลด
ถ้อยคำนั้นไม่อาจบรรยายความดีใจของเขาที่ได้พบกับเทพเจ้าและเทพธิดาแห่งโชคลาภ หลังจากเข้าสู่หอนิรันดร์ได้ไม่ถึง 20 นาที เขาก็ทำเงินได้ถึง 1,400 เหรียญสำนักดาบ!
เห็นแววตาจริงใจของอีกฝ่าย จูเหยียนจื่อกับแสงสนธยารู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ
ทำไมถึงดูเหมือนพวกเราเป็นคนดีที่มาคอยยื่นเงินก้อนนี้ใส่มือคุณ? ไม่ใช่นะ เรามาฉกฉวยเงินของคุณต่างหาก!
พวกเขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองกลายเป็นคนโง่
แต่คิดดูอีกที…ก็โง่จริงๆที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดที่มีภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที
“คุณบอกชื่อจริงของคุณมาได้ไหม?”
เห็นผมน่ะถ่อมตัวกำลังจะจากไป จูเหยียนจื่ออดไม่ได้
“ฮะ? คุณอยากรู้ชื่อจริงของผมหรือ?” จางเซวียนสบตาที่มีแววของความคาดหวังนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะปลดกิ๊บที่หนีบผมของเขาไว้แล้วรวบมันไปด้านหลัง เขาเอาสองมือไพล่หลังไว้ จากนั้นก็เปิดเผยตัวตนอันน่าทึ่งของเขา “เรียกผมว่า…เกาจิ้ง!”
จางเซวียนไม่แยแสสองร่างที่ยืนจังงังอยู่ตรงหน้า เขาเดินจากไปก่อนจะถอนจิตใต้สำนึกออกจากหอนิรันดร์
เหตุผลที่เขาเข้าสู่หอนิรันดร์ก็เพื่อหาเงิน ในเมื่อหาได้ถึง 1440 เหรียญสำนักดาบแล้ว ตอนนี้ก็ควรพอก่อน ไม่จำเป็นต้องอ้อยอิ่งอยู่ที่นั่นอีก
“เกาจิ้ง?”
“มีศิษย์สายตรงชื่อเกาจิ้งด้วยหรือ? เร็วเข้า รีบไปตรวจสอบ!”
ทั้งคู่รีบเปิดสมุดบันทึกข้อมูลแล้วตรวจสอบรายชื่อบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในที่ประมวลไว้ ครู่ต่อมา ก็ดูราวกับภูเขาไฟกำลังจะระเบิดทะลุดวงตาของพวกเขา
หมอนั่นโกหก!
“ไอ้สารเลว! ผมจะทำให้เขาคืนทุกอย่างที่เอาไปจากเราให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าเรียกผมว่าจูเหยียนจื่อ!”
ยิ่งคิด จูเหยียนจื่อก็ยิ่งโมโหเดือด
“แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เราจะทำอะไรเขาได้?” แสงสนธยาก็โมโหเดือดไม่แพ้กัน แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของความมีเหตุผลของเธอเตือนว่าทั้งคู่ไม่อาจทำอะไรผมน่ะถ่อมตัวได้มากนัก
“ง่ายนิดเดียว เขาอาจทรงพลังก็จริง แต่ไม่มีทางเทียบชั้นกับอัจฉริยะชั้นยอดของบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในได้หรอก ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราก็แค่แวะไปเยี่ยมเยียนคนพวกนั้นและบอกว่ามีนักดาบที่น่าสนใจคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในหอนิรันดร์ และยุให้พวกเขาจัดการ! ระหว่างนั้น เราจะยื่นคำท้าพนันกับหมอนั่นด้วย!” จูเหยียนจื่อพูดขณะนัยน์ตาเป็นประกายวาบ
“คุณพูดถูก เราทำแบบนั้นได้!” แสงสนธยาตาโตด้วยความตื่นเต้น “ตามนั้นเลย!”
“ถึงผมน่ะถ่อมตัวจะดูทรงพลัง แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะประชันขันแข่งกับบรรดาปีศาจที่รั้งอันดับต้นๆในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในได้หรอก ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็น่าจะขอความช่วยเหลือคนพวกนั้นให้สั่งสอนบทเรียนให้หมอนั่นสักหน่อย!”
…..
หลังจากกลับถึงห้อง จางเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไป
ระดับวรยุทธของเขาอยู่ในขั้นผู้ทำลายล้างมิติมาระยะหนึ่งแล้ว ได้เวลาที่จะก้าวขึ้นสู่วรยุทธขั้นต่อไปสักที
แต่การจะทำแบบนั้นได้ เขาต้องมีเทคนิควรยุทธในปริมาณมากพอ การซื้อหาเทคนิควรยุทธจากหอนิรันดร์ถือว่าแพงเกินไป เขาจึงได้แต่แค่หวังว่าจะได้เข้าสู่หอภูมิปัญญาเพลงดาบเพื่อดูหนังสือที่อยู่ในนั้นสักหน่อย
ถึงอย่างไร นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เขาผลักดันตั้นเฉี่ยวเทียนให้ได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในของสำนักดาบเมฆเหิน!
จางเซวียนเดินออกจากห้อง และขณะที่กำลังจะออกจากที่พัก ประตูก็พลันเปิดออก ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ในตอนนั้น รังสีของผู้อาวุโสลู่อวิ๋นดูล้ำลึกจนเกินหยั่ง ราวกับมีหมู่เมฆปกคลุมพละกำลังที่แท้จริงของเขาไว้
ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะตัวจริงได้สำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์!
1958 : ศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3ต้นฉบับ
“ยินดีด้วย ผู้อาวุโสลู่”
ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเข้ามาในบ้านพัก ตั้นเฉี่ยวเทียนเดินออกมา เขารู้สึกได้ทันทีถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้อาวุโสลู่ จึงประสานมือและกล่าวแสดงความยินดี
“ฮ่าฮ่า ขอบใจมากสำหรับคำอวยพรของคุณ” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นหัวเราะหึๆ “เอาล่ะ ผมเพิ่งกลับจากสภาผู้อาวุโส นี่คือตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตนของคุณ ด้วยตรานี้ ขอแค่คุณมีเหรียญสำนักดาบมากพอ ก็จะสามารถเข้าสู่หอสมุดและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆได้ มันจำเป็นนะหากคุณอยากเข้ารับการทดสอบเพื่อตามล่าหารางวัล”
“ส่วนแหวนเก็บสมบัติวงนี้เป็นของกำนัลจากผม ของกำนัลจากทางสำนักสำหรับการที่คุณได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในอยู่ภายในแหวนวงนั้น มียาเม็ดอมตะขั้นต้น 5 เม็ด, ยาฟื้นฟูร่างกาย 1 ขวด และยาเม็ดพลังปราณอีก 1 ขวด”
ตั้นเฉี่ยวเทียนรับตราสัญลักษณ์และแหวนเก็บสมบัติจากผู้อาวุโสลู่ เขาตาโต จากนั้นก็รีบกล่าวคำขอบคุณ
เมื่อเห็นว่าการได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในมีผลประโยชน์มากมาย จางเซวียนเลิกคิ้ว
แน่นอนว่าของกำนัลเหล่านี้ไม่ใช่ของฟรี การรับสิ่งเหล่านี้ไว้ย่อมหมายถึงการแบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับมัน ในโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าของฟรี!
แต่ถึงอย่างไรตัวเขาก็หาเงินในหอนิรันดร์ได้สบายอยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกอิจฉาตั้นเฉี่ยวเทียนหรือคิดอะไรมากมาย
“นี่คือเทคนิควรยุทธของสำนักและเคล็ดวิชาดาบเมฆเหิน คุณลองฝึกฝนเองก่อน ถ้ามีข้อสงสัยก็ไปพบผมได้ทุกเมื่อ” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูดขณะยื่นหนังสืออีก 2 เล่มให้
“เทคนิควรยุทธของสำนักดาบเมฆเหินมีชื่อว่าศิลปะเมฆเหิน เป็นที่ขึ้นชื่อทั่วทั้งทวีปแห่งนี้ในเรื่องพละกำลังอันน่าทึ่งของมัน ส่วนศิลปะเพลงดาบของเรานั้นก็แน่นอนว่าเป็นที่ 1 ในโลก แต่เพียงแค่มีเทคนิควรยุทธและศิลปะเพลงดาบที่ไร้เทียมทานก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะก้าวขึ้นเป็นสุดยอดได้ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือจะต้องขยันหมั่นเพียรศึกษาและพยายามทำความเข้าใจแก่นสารของทั้งสองเทคนิคนี้ให้ได้มากที่สุด!”
ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้ารับ
แค่เทคนิควรยุทธและศิลปะเพลงดาบที่แข็งแกร่งยังไม่ดีพอจะรับประกันได้ว่านักรบผู้หนึ่งจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นมีความสำคัญกว่า
“แต่สำนักดาบเมฆเหินก็ไม่ได้บีบบังคับศิษย์สายตรงให้เดินตามเส้นทางของเราอย่างเคร่งครัดหรอกนะ ถ้าคุณมีเทคนิควรยุทธหรือศิลปะเพลงดาบที่เหมาะสมกับคุณมากกว่า ก็ฝึกฝนได้ตามสบาย ขอแค่คุณผ่านการทดสอบประจำปีไปได้ ทางสำนักก็จะปล่อยให้คุณฝึกฝนวรยุทธอย่างอิสระ!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพูด
เทคนิคการโยนดาบของตั้นเฉี่ยวเทียนคือสิ่งที่แม้แต่หัวเจียงเหอยังรับมือไม่ไหว อันที่จริง ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพยายามทำตามแล้ว แต่แม้ตัวเขาก็ยังไม่มั่นใจนักว่าจะทำความเข้าใจมันได้
เห็นได้ชัดว่าตั้นเฉี่ยวเทียนมีความลับของตัวเขาเอง