อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1978 ช่างกล้านัก!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1978 ช่างกล้านัก!
หมอนั่นเป็นใครกันแน่?
โผล่มาจากไหน?
เมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ไป๋เหรินชิงตั้งคำถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
“ศิษย์พี่ไป๋ เรื่องเป็นอย่างนี้…” หลิวลู่จี่ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดให้ไป๋เหรินชิงฟัง
“ใครคนหนึ่งเอ่ยปากท้าทายศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนอย่างอาจหาญในหอนิรันดร์?” ไป๋เหรินชิง งงงันกับข่าวที่ได้รับ “ในสำนักนี้ยังมีใครบ้าบิ่นกว่าฉันอีกหรือ?”
สำนักดาบเมฆเหินมีศิษย์สายตรงฝ่ายในกว่าหมื่นคน…หมอนั่นท้าทายทุกคนพร้อมกันในคราวเดียว
บ้าไปแล้ว!
ไป๋เหรินชิงเคยคิดว่าตัวเธอคือผู้ที่อาจหาญและอวดดีที่สุดในสำนักเพราะมีท่านปู่คอยให้ท้าย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครคนหนึ่งเหนือชั้นกว่าเธออีก!
ที่สำคัญกว่านั้น ทั้งที่เล่นใหญ่ขนาดนี้ ก็ยังกล้าใช้สมญานามว่าผมน่ะถ่อมตัว…ราวกับจะเย้ยหยันทุกคน…
ช่างกล้านัก!
ไม่มีใครหลงตัวเองไปกว่าหมอนี่อีกแล้ว!
“ฉันอยากพบเขา!” ไป๋เหรินชิงลุกพรวด สัญชาตญาณการต่อสู้เป็นประกายอยู่ในดวงตาของเธอ
เหตุที่เธอได้รับการขนานนามว่าไดโนเสาร์ตัวเมียนั้นไม่ใช่เพียงเพราะอารมณ์หุนหันพลันแล่นของเธอเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญกว่านั้น ยังเป็นเพราะเธอชื่นชอบการต่อสู้ และทำได้ดีเสียด้วย!
จู่ๆก็มีผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน…แล้วเธอจะอยู่เฉยได้อย่างไร? ความกระหายการต่อสู้ของเธอถูกจุดประกายขึ้นแล้ว และจะไม่มีวันมอดดับจนกว่าเธอจะได้ดวลกับหมอนั่น!
“ศิษย์พี่ไป๋ คุณเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดนะ ถ้าคุณไปที่นั่น…จะเป็นการฝ่าฝืนกฎของสำนัก” หลิวลู่จี่หน้าแดงก่ำ
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นการต่อสู้ในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน คงดูไม่เหมาะสมหากศิษย์พี่ไป๋จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว
“ฉันแค่อยากไปดูให้เห็นกับตาว่าเขาเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่ปลอมตัวเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในเพื่อสร้างปัญหาหรือเปล่า?”
ไป๋เหรินชิงหาข้อแก้ตัวได้ทันควัน “อีกอย่าง ฉันก็แค่อยากเห็นว่าเขาใช้กระบวนท่าแบบไหน!”
“คือ…” หลิวลู่จี่ลังเลเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ เขาเคยพูดว่าผมน่ะถ่อมตัวไม่น่าจะเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่ถ้าเป็นจริงขึ้นมาล่ะ? หลังจากที่เขาสู้กับอีกฝ่ายแล้ว ความสงสัยนั้นก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ข้อแก้ตัวของไป๋เหรินชิงฟังขึ้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหากเธออยากไปดูสักหน่อย นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดปลอมตัวมาหรือเปล่า
ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริง การที่เขาพ่ายแพ้ให้หมอนั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ผมขอรบกวนคุณด้วย, ศิษย์พี่ไป๋” หลิวลู่จี่ตอบ
เขานำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลออกมา 2 อัน ยื่นอันหนึ่งให้ไป๋เหรินชิง ส่วนอีกอันเขาจะใช้เอง
เพื่อช่วยเรื่องการปลอมตัว ศิษย์สายตรงฝ่ายในส่วนใหญ่มักพกตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไว้กับตัวทีละ 2-3 อัน ก็เหมือนการที่ใครสักคนจะมีบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ทีละหลายบัญชีเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่ะ เมื่อฉันได้เห็นหมอนั่นแล้ว ฉันจะช่วยคุณค้นหาข้อบกพร่องในกระบวนท่าของเขาเพื่อที่คุณจะได้เอาชนะเขาได้ จากนั้นฉันก็อยากให้คุณช่วยฉันสืบเสาะว่าเขาเป็นใคร” ไป๋เหรินชิงพูดขณะชี้นิ้วไปที่ภาพวาด “ฉันไม่ชอบติดค้างบุญคุณกับใคร เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเราหายกัน!”
“ได้ ศิษย์พี่ไป๋!” หลิวลู่จี่พยักหน้า
ทั้งสามเปลี่ยนสมญานามและรูปลักษณ์ใหม่ ไป๋เหรินชิงไม่ลืมที่จะปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ใครจดจำเธอได้
หลังจากปลอมตัวเสร็จ พวกเขาก็มุ่งหน้าสู่สังเวียนประลอง
ตอนที่ไปถึง มีผู้คนกลุ่มใหญ่ออกันอยู่ทั่วบริเวณ
ตอนที่หลิวลู่จี่กับหวังเจี้ยนตงไม่อยู่ ข่าวก็แพร่สะพัดออกไปในหมู่ศิษย์สายตรงราวกับไฟป่า ผู้ที่ไม่ได้ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ต่างรีบเข้าสู่หอนิรันดร์ บรรยากาศของความตึงเครียดและความกระหายการต่อสู้อบอวลไปทั่ว
เมื่อหลิวลู่จี่กับพรรคพวกกลับไปที่นั่นอีกครั้ง มีศิษย์สายตรงฝ่ายใน 12 คนกำลังอยู่บนสังเวียนประลอง แต่ก็ถูกผมน่ะถ่อมตัวสังหารในชั่วพริบตา ครู่ต่อมา อีกกลุ่มหนึ่งก็ก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลอง ดูเหมือนคลื่นที่ซัดสาดอย่างไม่มีวันหยุด
หลิวลู่จี่คว้าตัวศิษย์สายตรงที่อยู่ใกล้ๆคนหนึ่งมาซักไซ้ “ตอนนี้มีคนถูกกำจัดไปเท่าไหร่แล้ว?”
“ราวๆ 200 คนนะ ผมคิดว่าอย่างนั้น…ผู้ที่ขึ้นสู่สังเวียนประลองมักถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา ไม่มีใครยืนหยัดอยู่ได้เกินกว่า 1 กระบวนท่า แม้แต่ศิษย์พี่หลิวลู่จี่ก็ยังถูกฟันหัวแบะเป็น 2 ซีก” ศิษย์สายตรงผู้นั้นตอบอย่างตื่นเต้น
แม้เขาจะไม่พอใจคำท้าอันแสนอวดดีของหมอนั่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังจริงๆ
ขนาดผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ในหมู่ศิษย์สายตรงก็ยังถูกสังหารอย่างง่ายดาย จึงไม่มีทางที่คนอื่นๆจะสู้กับเขาได้!
พวกเขาได้แต่ส่งกองกำลังไปเพิ่ม และหวังว่าจะใช้จำนวนคนที่มากกว่าเอาชนะหมอนั่น
เมื่อหมอนั่นค่อยๆหมดเรี่ยวแรงไป ก็ค่อยใช้ไม้ตายขั้นเด็ดขาด
“เขาฆ่าคนไป 200 คนแล้วหรือ?” หลิวลู่จี่เลิกคิ้ว
ตัวเขาเพิ่งออกจากหอนิรันดร์ไปได้นานแค่ไหน? 3 นาที? 5 นาที?
แต่หมอนั่นกำจัดคนได้ถึง 170 คนภายในระยะเวลาอันสั้นแค่นั้น?
บ้าแล้ว!
นี่มันเกินไป!
ในสายตาของอีกฝ่าย บรรดาศิษย์สายตรงคงไม่ต่างอะไรกับฝูงมด!
หลิวลู่จี่หันไปถามไป๋เหรินชิง “ศิษย์พี่ไป๋ หมอนั่นคือศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดปลอมตัวมาหรือเปล่า?”
“เอ่อ…หลังจากประเมินชายบนสังเวียนประลองได้ครู่หนึ่ง ไป๋เหรินชิงส่ายหน้า “ในหมู่พวกคุณ…ไม่มีใครบีบให้เขาสำแดงไม้ตายขั้นสูงสุดออกมาได้เลย ฉันจึงไม่แน่ใจ!”
ในแง่ของรูปร่างหน้าตาและบุคลิก ไป๋เหรินชิงนึกไม่ออกว่ามีศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนไหนที่ใกล้เคียงกับผมน่ะถ่อมตัว แต่ก็นั่นแหละ อีกฝ่ายย่อมปลอมตัวมาแล้วก่อนเข้าสู่หอนิรันดร์ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะสันนิษฐานจากสิ่งที่เห็น วิธีที่ดีที่สุดในการค้นหาตัวตนของเขาก็คือต้องบีบให้อีกฝ่ายเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงออกมา!
ผมน่ะถ่อมตัวต่อสู้มาสักพักหนึ่งแล้ว แต่กระบวนท่าที่เขาใช้ก็ล้วนไม่ต่างอะไรกับการตบแมลงวัน ด้วยการกวัดแกว่งดาบแต่ละครั้ง เขาจะสังหารคู่ต่อสู้ได้ไม่ 1 ก็ 2 คน ไม่มีทางประเมินอะไรจากกระบวนท่าเรียบง่ายแบบนั้นได้เลย ถึงเธอจะคุ้นเคยกับบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดดี แต่ก็ไม่มีทางจดจำอีกฝ่ายได้จากการกวัดแกว่งดาบอย่างง่ายๆแบบนั้น!
“เขาทรงพลังเกินไป พวกเราสร้างแรงกดดันอะไรให้เขาไม่ได้เลย” หลิวลู่จี่ตั้งข้อสังเกตพร้อมกับยิ้มแห้งๆ
พวกเขาเคยคิดว่าหวังเจี้ยนตงน่าจะบีบให้อีกฝ่ายเผยไม้ตายได้ แต่หวังเจี้ยนตงก็ถูกฆ่าตายด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ส่วนเมื่อถึงตาหลิวลู่จี่ ก็ถูกฟันจนหัวแบะเป็นสองซีก ทั้งคู่เป็นถึงศิษย์สายตรงฝ่ายในอันดับ 1 และอันดับ 3! ถ้าแม้แต่พวกเขายังทำไม่สำเร็จ แล้วคนอื่นๆจะมีหวังอะไร?
อีกอย่าง หมอนั่นสังหารศิษย์สายตรงฝ่ายในไปกว่า 200 คนแล้ว แต่ก็ดูไม่เหน็ดเหนื่อยสักนิด ด้วยทักษะของอีกฝ่าย ก็ดูไม่น่าแตกต่างอะไร ต่อให้จะมีคู่ต่อสู้ขึ้นสู่สังเวียนประลองสักกี่คนก็ตาม
“ไม่ต้องห่วง ฉันขอลองดู!” ไป๋เหรินชิงนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
ในฐานะศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดและหลานสาวของ 1 ใน 3 ผู้อาวุโสใหญ่ เธอมีความเข้าใจอันล้ำลึกในศิลปะเพลงดาบตั้งแต่อายุยังน้อย ถ้าอยู่ในโลกของความเป็นจริง เธอน่าจะเล่นงานผมน่ะถ่อมตัวได้สบาย สังหารอีกฝ่ายได้ด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว แต่ด้วยร่างอวตารที่ทางหอนิรันดร์กำหนดให้ใช้ เธอไม่มีพลังชีวิตหรือพลังปราณมากพอจะฆ่าผู้คนมากมายและยืนหยัดจนถึงวินาทีสุดท้ายได้
พูดอีกอย่างก็คือ มีความเป็นไปได้สูงที่ชายซึ่งอยู่บนสังเวียนประลองจะแข็งแกร่งกว่าเธอมาก เมื่อเจอกับผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ จึงเป็นธรรมดาที่ไป๋เหรินชิงย่อมอยากพิสูจน์ตัวเอง!
“ศิษย์พี่ไป๋…” หลิวลู่จี่กับหวังเจี้ยนตงสบตากันอย่างลำบากใจ “คุณเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดนะ ถ้าถูกจับได้ว่าเข้ามาก้าวก่ายความขัดแย้งในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายในล่ะก็…”
จริงอยู่ว่าพวกเขายังสงสัยว่าผมน่ะถ่อมตัวอาจเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด แต่ก็มีโอกาสเช่นกันที่อีกฝ่ายอาจเป็นแค่ศิษย์สายตรงฝ่ายในสักคนที่ฝึกฝนวรยุทธอย่างหนักมาหลายปี จึงสามารถ เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากมายได้ในคราวเดียว หากพวกเขานำศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนหนึ่งเข้ามายุ่งเกี่ยว ชื่อเสียงก็จะต้องด่างพร้อย
เพียงแค่ความอับอายก็เกินพอจะฆ่าพวกเขาแล้ว!
“ตอนนี้ฉันใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของคุณอยู่ ขอแค่พวกคุณไม่พูดอะไร ก็ไม่มีใครรู้หรอก” ไป๋เหรินชิงพูดพร้อมกับโบกมืออย่างวางมาด “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะเข้าไปทดสอบหมอนั่นและค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเขา ทันทีที่ฉันแน่ใจว่าเขาไม่ใช่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ก็จะยอมแพ้ทันที พวกคุณวางใจเถอะว่าฉันไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องนี้ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเขาเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดล่ะก็ ฉันจะกำจัดเขาทันทีตามกฎของสำนัก!”
“คือ…” หลิวลู่จี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับอย่างงาม “พวกเราขอรบกวนศิษย์พี่ไป๋ด้วย”
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาก็ฟังขึ้น ถ้าเธอเข้าสู่สังเวียนประลองเพียงเพื่อทดสอบทักษะของผมน่ะถ่อมตัว ก็ไม่ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎของสำนัก
“ศิษย์พี่ไป๋ ระวังตัวด้วยนะ ดาบของหมอนั่นว่องไวมาก” หวังเจี้ยนตงแนะ
“ว่องไว? ฮ่า…นั่นคือสิ่งที่ฉันไม่เคยกลัว ตั้งแต่ฉันอายุ 5 ขวบ ในทุกๆปีท่านปู่ไป๋เฟิงจะพาฉันไปยังดินแดนอันหนาวเหน็บที่อยู่ตอนเหนือสุดเพื่อให้ฉันฝึกฝนศิลปะเพลงดาบดงหิมะ นับจากตอนนั้นมาก็ 15 ปีแล้ว ซึ่งฉันก็เชี่ยวชาญเทคนิคนี้ถึงขั้นการประสบความสำเร็จในภาพรวม ด้วยศิลปะเพลงดาบดงหิมะ คุณคิดว่าฉันจะกลัวความว่องไวในเพลงดาบของหมอนั่นหรือ?” ไป๋เหรินชิงตอบอย่างภาคภูมิใจ
อีกฝ่ายอาจมีทักษะเก่งกล้า แต่เธอก็ไม่น้อยหน้า
เพราะการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วว่องไว จึงทำให้เธอสามารถเล่นงานจุดอ่อนของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนอื่นๆได้โดยที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว
“ศิลปะเพลงดาบดงหิมะ?”
หลิวลู่จี่กับหวังเจี้ยนตงเคยได้ยินว่าไป๋เหรินชิงเป็นนักดาบผู้ไร้เทียมทาน แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอฝึกฝนศิลปะเพลงดาบชนิดไหน เมื่อได้รู้ชื่อศิลปะเพลงดาบของเธอ ทั้งคู่พากันตาโตด้วยความตื่นเต้น
ศิลปะเพลงดาบดงหิมะเป็นที่ขึ้นชื่อในสำนักดาบเมฆเหิน ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งคิดค้นมันขึ้นมาเมื่อพันปีก่อนในวันที่หิมะตกหนัก หากนักรบคนไหนฝึกฝนจนถึงขั้นสูงสุดได้ ก็จะสามารถรับมือกับการจ้วงแทงได้ถึง 6 ครั้งในชั่วพริบตา เพียงแค่หิมะเกล็ดหนึ่งร่วง
เกล็ดหิมะที่ร่วงพรูนั้นไม่ต่างอะไรกับลูกบอลหิมะ ทำให้ตกลงมาได้อย่างรวดเร็ว นี่คือแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลังชื่อของเทคนิคนี้, ศิลปะเพลงดาบดงหิมะ
เกล็ดหิมะเป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องความเบา ถึงขนาดที่แม้แต่สายลมแผ่วๆก็สามารถพัดพามันไปได้ ดังนั้น ผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบชนิดนี้จึงต้องควบคุมพละกำลังของตัวเองให้ได้ในระดับที่ละเอียดอ่อนที่สุด อีกทั้งความเร็วในการสำแดงกระบวนท่าก็จะต้องสูงส่งอย่างน่าทึ่ง