อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 1987 เรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไป!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1987 เรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไป!
เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าถือเป็นสุดยอดของศิลปะเพลงดาบทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืม ถ้าใครสักคนทำความเข้าใจมันได้สำเร็จ อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะมาจากศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ไม่น่าเป็นไปได้ที่ผู้นั้นจะเป็นแค่ศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่ง
“ที่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายใน เขาเอ่ยปากท้าทายศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคน และสังหาร พวกนั้นไปถึง 5,000 คนภายในครึ่งชั่วโมง…” ผู้อาวุโสมู่รีบทบทวนเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลังจากได้ยินว่าผู้นั้นสังหารศิษย์สายตรงฝ่ายในรวดเดียวถึง 3,000 คน และในที่สุดก็ได้ชัยชนะ เสียงออกความเห็นอย่างเข้มข้นก็ดังขึ้นในสภาผู้อาวุโส
เมื่อไม่นานมานี้ ผู้อาวุโสเหอเพิ่งแจ้งว่ามีใครคนหนึ่งสามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ และจากนั้น นักดาบผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวและสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ เป็นไปได้ไหมว่าทั้งคู่จะเป็นคนเดียวกัน?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้เป็นการทำลายชื่อเสียงของศิษย์สายตรงฝ่ายใน กลับตรงกันข้าม บรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในควรได้รับการยกย่องที่มีนักรบผู้ทรงพลังคนหนึ่งปรากฏตัวในหมู่พวกเขา!
การพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบจากสวรรค์ได้เช่นเดียวกับผู้ก่อตั้ง ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย แต่ถือเป็นเกียรติ!
“เขาเล่นงานศิษย์สายตรงฝ่ายในภายในหอนิรันดร์ได้ถึง 5,000 คนภายในเวลาครึ่งชั่วโมง? คุณแน่ใจนะ?”
ผู้อาวุโสบางคนลุกขึ้นยืนขณะตั้งคำถามถึงความถูกต้องในข้อมูลของผู้อาวุโสมู่
เรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไป!
มีกฎกำหนดไว้ชัดเจนว่านักรบทุกคนที่เข้าสู่หอนิรันดร์จะมีวรยุทธระดับเดียวกัน นอกเสียจากข้อสงสัยที่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะสังหารคนถึง 5,000 คน ก็ยังแน่ใจได้เลยว่าการที่เขาสร้างวีรกรรมนี้ได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงเป็นเรื่องเหลวไหลอย่างสิ้นเชิง!
เป็นไปได้หรือที่ใครสักคนจะทรงพลังกว่านักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกันโดยอาศัยทักษะของเขาเพียงอย่างเดียว?
“ผมมีบันทึกภาพของการต่อสู้” ผู้อาวุโสมู่พูดขณะแสดงผลึกบันทึกต่อหน้าสภาผู้อาวุโส
หอนิรันดร์ของสำนักดาบเมฆเหินมีแผนกบันทึกภาพเหมือนกับหอนิรันดร์ที่อื่นๆ นักรบสามารถซื้อหาบันทึกภาพการต่อสู้ได้ในราคาไม่สูงนัก
เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผู้อาวุโสมู่จึงซื้อบันทึกภาพการดวลระหว่างผมน่ะถ่อมตัวกับบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในไว้ล่วงหน้า
ด้วยการเคาะนิ้ว 1 ครั้ง ผลึกบันทึกก็เปิดเผยรายละเอียดของการดวลที่เพิ่งเกิดขึ้น เนื่องจากมีเวลาจำกัด ผู้อาวุโสมู่จึงข้ามการดวลในช่วงแรกๆไป แล้วแสดงภาพในช่วงท้าย ตอนที่กระแสดาบฉีนับสายไม่ถ้วนแปรสภาพเป็นศิลปะเพลงดาบที่ตัดศีรษะของศิษย์สายตรงฝ่ายใน 3,000 คนพร้อมกันในชั่วพริบตา
ภาพนี้ทำให้ทุกคนเลิกคิ้วด้วยความอัศจรรย์ใจ
แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจสําแดงพละกำลังน่าทึ่งแบบนี้ได้หากต้องลดระดับวรยุทธลงเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 1 แต่ชายผู้นี้ทำได้อย่างง่ายดาย เขาจะต้องมีความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบที่ล้ำลึกขนาดไหน?
“ศิลปะเพลงดาบนั้นไม่ใช่เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าแบบผู้ก่อตั้งของเรา แต่การที่เขาสามารถฝึกฝนจนถึงระดับนี้ได้ก็หมายความว่าเขาคือคนที่เรากำลังตามหา” ผู้อาวุโสที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้ตั้งข้อสังเกต
แม้เขาจะประหลาดใจที่พบว่าผู้ที่มีความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบอย่างน่าทึ่งขนาดนี้เป็นแค่ศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่ง แต่หลักฐานทุกชิ้นก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน
“นั่นคือสิ่งที่ผมคิด…” ผู้อาวุโสเหอพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง “เพราะฉะนั้น ผมอยากรู้ตัวตนที่แท้จริงของผมน่ะถ่อมตัวและที่พำนักของเขา!”
“แต่การกระทำแบบนั้นเป็นการฝ่าฝืนกฎระเบียบของสำนัก บั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของหอนิรันดร์นะ” ผู้อาวุโสที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้ออกความเห็นพร้อมกับขมวดคิ้ว
หอนิรันดร์ให้ความสำคัญเรื่องการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของนักรบ ถึงรายละเอียดของการดวลจะถูกเปิดเผยไปแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพราะการอ้างอิงหลักฐานจากหยดเลือดที่ใช้สำหรับเปิดใช้งานตราสัญลักษณ์หอนิรันดร์พร้อมกันกับตราสัญลักษณ์ศิษย์สายตรงฝ่ายในเท่านั้น
ที่ก่อนหน้านี้มีข้อยกเว้นก็เพราะศิษย์สายตรงฝ่ายในจำนวนมากแสดงความจำนงให้เปิดเผยตัวตนของพวกเขา แต่ไม่ใช่กรณีของผมน่ะถ่อมตัว เรื่องนี้จึงควรพิจารณาแยกกัน
“ผมก็เข้าใจ จึงเชิญพวกคุณทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อหารือเรื่องนี้” ผู้อาวุโสเหอพูด “นี่คือสถานการณ์เร่งด่วน ถ้าเหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้าพบตัวเขาก่อนพวกเรา ก็จะนำมาซึ่งความยุ่งยากโดยไม่จำเป็น!”
“ในฐานะใครคนหนึ่งที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า ถ้าเขามีโอกาสได้พัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าต่อไป สุดท้ายก็จะมีพละกำลังในระดับที่ท้าทายได้แม้แต่อำนาจของเทพเจ้า ซึ่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้าจะต้องไม่ยอมแน่ มีความเป็นไปได้ว่าพวกนั้นจะชิงเล่นงานเขาก่อน”
“เรื่องแบบนี้เคยมีมาแล้วในประวัติศาสตร์ อัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องมากมายถูกหอเทพเจ้าสังหาร เพราะทางสำนักของพวกเขาไร้ความสามารถในการปกป้อง!”
บรรยากาศในห้องดูจะหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อยเพราะคำพูดของผู้อาวุโสเหอ
ผู้อาวุโสมู่ก็ตัวแข็งเพราะแรงกดดันนั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
แม้สถานภาพของเขาจะไม่สูงส่งพอให้ได้ล่วงรู้ความลับของทวีปที่ถูกลืม แต่จากการหารือของสภาผู้อาวุโส เขาก็พอปะติดปะต่อสถานการณ์ได้
เขาพลันเข้าใจทันทีว่าเรื่องนี้สำคัญแค่ไหน และทำไมถึงต้องถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด เพราะไม่อย่างนั้น หายนะครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้นกับสำนักดาบเมฆเหินแน่
ผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นยืนและเสนอแนะ “ผมเสนอให้พวกเรารายงานเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าสำนัก และให้เขาเป็นผู้ตัดสินใจ ผมคิดว่านี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้!”
“จริงด้วย การตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้ควรมาจากท่านเจ้าสำนัก…” ผู้อาวุโสอีกคนเห็นพ้อง
“ผมแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าสำนักรับทราบแล้ว นี่คือคำตอบของเขา” ผู้อาวุโสเหอพูดขณะยื่นตราหยกสื่อสารอันหนึ่งให้ทุกคนดู มี 6 คำอยู่บนตราหยกนั้น – ‘ทำตามที่คุณเห็นควร’
“เอ่อ…”
“ในเมื่อท่านเจ้าสำนักตัดสินใจแบบนี้ พวกเราก็ไปเสาะหาตัวตนและที่อยู่ของเขากันเถอะ”
“พวกเราจะได้ปกป้องเขาจากหอเทพเจ้าเหมือนอย่างที่ผู้อาวุโสที่ 1 พูด นี่เป็นโอกาสพิเศษ เราต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังทุกฝีก้าว”
เพราะท่านเจ้าสำนักไว้วางใจให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง ผู้อาวุโสคนอื่นๆรีบพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง
“เอาล่ะ ไปที่ศาลาเพลงดาบกัน!”
เมื่อเห็นว่าเสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน ผู้อาวุโสเหอลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้อง
คนที่เหลือพากันลุกขึ้นยืน จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังศาลาเพลงดาบ
ส่วนผู้อาวุโสมู่ เนื่องจากเขาบินไม่ได้ ผู้อาวุโสเหอจึงใช้กระแสพลังปราณห่อหุ้มร่างของอีกฝ่ายไว้แล้วดึงเขาไปพร้อมกับทั้งกลุ่ม
ในเมื่อมีความเป็นไปได้สูงที่อัจฉริยะผู้นั้นจะเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน จึงมีประโยชน์กว่าหากพาผู้อาวุโสมู่ไปด้วย
ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงศาลาเพลงดาบ
เหล่าผู้อาวุโสรีบทาบตราสัญลักษณ์ประจำตัวลงบนกำแพงโดยไม่ลังเล จากนั้นผู้อาวุโสเหอก็สั่งการ “เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของผมน่ะถ่อมตัว รวมทั้งที่พำนักของเขาด้วย!”
เกิดเสียงหึ่งเบาๆขณะที่มีแสงสว่างวาบบนกำแพงครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ผู้อาวุโสเหอขมวดคิ้ว
ตรงนี้มีผู้อาวุโสอยู่มากมาย พวกเขาควรมีอำนาจมากพอที่จะเปิดเผยตัวตนของผมน่ะถ่อมตัวรวมถึงที่อยู่ของอีกฝ่าย แล้วทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
“น่าจะเป็นเพราะตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่หอนิรันดร์ จึงไม่มีอะไรปรากฏบนกำแพง” ใครคนหนึ่งพูดออกมา
ทุกคนหันขวับไปทางต้นเสียง เห็นผู้อาวุโสคนหนึ่งร่อนลงมาช้าๆ
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน…เจ้าสำนักหาน!
ในที่สุดเขาก็กลับมา!
“คารวะท่านเจ้าสำนัก”
เหล่าผู้อาวุโสรีบโค้งคำนับอย่างงาม จากนั้นผู้อาวุโสเหอก็มองไปรอบๆก่อนจะตั้งคำถาม “เจ้าสำนักหาน เมื่อครู่นี้คุณพูดว่าผู้นั้นไม่ได้อยู่ในหอนิรันดร์ นั่นหมายความว่าอย่างไร?”
ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ไม่เคยใช้ศาลาเพลงดาบเพื่อค้นหาตัวตนและที่พำนักของใครสักคนมาก่อน จึงไม่รู้รายละเอียด
“หอนิรันดร์ใช้จิตใต้สำนึกในการระบุที่พำนักของกายเนื้อ แล้วถ้าจิตใต้สำนึกไม่ได้อยู่ในหอนิรันดร์ คุณจะรู้ที่อยู่ของผู้นั้นได้อย่างไร?” เจ้าสำนักหานตอบ
ผู้อาวุโสเหอกับคนอื่นๆตาโตเมื่อนึกได้
ก่อนหน้านี้ ที่ผู้อาวุโสมู่ตรวจสอบระดับวรยุทธของผมน่ะถ่อมตัวได้โดยปราศจากปัญหา ก็เพราะอีกฝ่ายยังคงต่อสู้กับศิษย์สายตรงฝ่ายในคนอื่นๆอยู่ แต่ในเมื่อตอนนี้ผมน่ะถ่อมตัวไม่ได้อยู่ที่หอนิรันดร์แล้ว การค้นหาจึงล้มเหลว
เห็นสีหน้าท้อใจที่อยู่โดยรอบ เจ้าสำนักหานหัวเราะหึๆก่อนจะพูดต่อ “อย่าห่วงน่ะ ก็แค่รอเขาอีกหน่อย ขอแค่ผมน่ะถ่อมตัวเข้าสู่หอนิรันดร์อีกครั้ง เราก็พบที่อยู่ของเขาได้ไม่ยาก”
ได้ยินคำนั้น ผู้อาวุโสคนอื่นๆพากันพยักหน้า
อีกฝ่ายสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ ทั้งยังได้ทรัพย์สินไปมากมายจากการดวล ไม่ช้าไม่นานเขาก็คงปรากฏตัวที่หอนิรันดร์อีกครั้ง ขอแค่รอสักหน่อย สุดท้ายจะต้องเจอตัวเขาแน่!
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราก็รออยู่ที่นี่ก่อน ผู้อาวุโสมู่…เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศิษย์สายตรงฝ่ายใน เพราะฉะนั้น คุณก็รักษาการณ์ที่นี่!” ผู้อาวุโสเหอออกคำสั่ง
“ขอรับ” ผู้อาวุโสมู่รีบพยักหน้า
จากนั้น เหล่าผู้อาวุโสที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของสำนักดาบเมฆเหินก็รอคอยอย่างอดทนอยู่ที่ศาลาเพลงดาบ รอให้จางเซวียนเข้าสู่หอนิรันดร์อีกครั้งหนึ่ง
ระหว่างนั้น เจ้าตัวปัญหาคือจางเซวียน ก็ไม่รู้สักนิดว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของสำนักดาบเมฆเหินกำลังควานหาตัว เขารีบร้อนมุ่งหน้าไปยังสนามประลองที่อยู่บริเวณยอดเขา
ฝูงชนกลุ่มใหญ่ออกันอยู่รอบบริเวณนั้น บรรดาศิษย์สายตรงราวหมื่นคนต่างยับยั้งการฝึกฝนวรยุทธไว้ชั่วคราวและรีบเดินทางมาทันทีที่ได้ข่าว
จางเซวียนไหลตามฝูงชนไปและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง ตรงนี้มีผู้คนมากมาย คงไม่มีใครจดจำคนธรรมดาแบบเขาได้แน่
“ผมเชื่อว่าพวกคุณส่วนใหญ่คงพอเดาออกว่าทำไมผมถึงเรียกให้พวกคุณมารวมตัวกันที่นี่!”
ชายชราคนหนึ่งยืนอยู่บริเวณใจกลางฝูงชน เสียงของเขาดังก้องไปทั่ว
เขาคือผู้อาวุโสที่มีตำแหน่งเป็นอันดับ 2 ของแผนกศิษย์สายตรงฝ่ายใน, ผู้อาวุโสหวงเหยา!
หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส ศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนต่างก้มหน้าด้วยความอับอาย
เพียงเมื่อครู่ก่อนที่จะมารวมตัวกัน พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับนักรบคนหนึ่งในหอนิรันดร์ ต่อให้ใครสักคนที่หัวสมองตื้อที่สุดก็ย่อมเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น