อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2002 ฆ่าเต่า…
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2002 ฆ่าเต่า…
“หัวใจของศิลปะเพลงดาบปีศาจอยู่ที่การหลบซ่อนอย่างลับๆล่อๆ มันคือศิลปะเพลงดาบที่มีเจตนาเพื่อการลอบสังหาร ผู้เชี่ยวชาญมากมายมองมันอย่างดูถูกเหยียดหยาม เห็นศิลปะเพลงดาบนี้เป็นการเล่นตุกติกใต้เข็มขัด แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธพละกำลังของมันได้” ชายชราผู้นั้นพูดอย่างสุขุม “ผมว่าหลานสาวของคุณน่าจะแพ้แล้วล่ะ”
“มันเกินความสามารถของไป๋เหรินชิงในตอนนี้จริงๆที่จะเอาชนะกระบวนท่านี้ได้…” ผู้อาวุโสไป๋เย่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
การที่ไป๋เหรินชิงเลือกจะล่าถอยตั้งแต่แรกก็หมายความว่าเธอมองเห็นการโจมตีของหูเฉินแล้ว แต่ สิ่งที่น่าสะพรึงอย่างแท้จริงในย่างก้าวของเซียนดาบปีศาจก็คือการที่ไม่สามารถแกะรอยกระบวนท่าของมันได้เลย ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีวิธีไหนที่ทำให้เธอเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้
เพราะกว่าเธอจะจับทางของคู่ต่อสู้ได้ ก็คงถูกสังหารไปแล้ว!
พูดได้เลยว่าลำพังแค่กระบวนท่านี้ก็เกินพอที่จะทำให้หูเฉินกลายเป็นผู้ที่แทบไม่มีนักรบในระดับเดียวกันคนไหนเทียบชั้นกับเขาได้
อันที่จริง เหตุผลที่ผู้รั้ง 3 อันดับต้นเอาชนะเขาได้ในครั้งนั้น ก็เพราะคนเหล่านั้นว่องไวพอที่จะเปิดการโจมตีก่อน และเล่นงานเขาได้ตั้งแต่แรก
แต่ส่วนหลานสาวของเขา, ไป๋เหรินชิง เพิ่งเริ่มเรียนได้เพียง 2 กระบวนท่าเท่านั้น คือการฟาดฟันในแนวราบและการโยนดาบ ไม่มีกระบวนท่าไหนมีประโยชน์พอจะใช้การได้ในสถานการณ์แบบนี้
ขณะที่ทั้งสองหารือกันอยู่ ไป๋เหรินชิงก็ถอยไป 7 ก้าว ทั้งยังมองไม่เห็นหูเฉิน แต่ก็ไม่ใส่ใจ เธอกัดฟันแล้วตัดสินใจโยนดาบไปทางซ้ายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ฟิ้วววว!
ดาบนั้นพุ่งออกไปราวกับดาวตก
ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดไม่ออก
เขารู้ดีว่าโอกาสที่หลานสาวของเขาจะเอาชนะได้มีน้อยเต็มที แต่การโยนดาบของตัวเองออกไปต่อหน้าต่อตาทุกคนแบบนั้น…ต่อให้เธอยอมแพ้และถอดใจต่อโชคชะตาแล้ว มันก็ดูออกจะเหลวไหลเกินไป!
ผู้อาวุโสไป๋เย่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากำลังจะยกมือขึ้นปิดตา ก็พอดีกับที่บรรยากาศในสังเวียนประลองเปลี่ยนแปลงไปอย่างปุบปับ ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเพราะพละกำลังของดาบที่ถูกโยนออกไป
“ตายซะ!” หูเฉินตวาดก้องขณะพุ่งเข้าใส่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาออกไปสักก้าว ดาบนั้นก็ตรงเข้าแทงทะลุศีรษะของเขา
“เวรแล้ว…”
เขาทำได้แค่ก่นด่าสาปแช่งออกมาก่อนที่ร่างจะแหลกสลายและหายวับไป
ฝูงชนที่อยู่โดยรอบต่างเงียบกริบ
มันคือการเอาชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้อีกครั้ง!
นี่คือหูเฉิน, ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 4 ของสำนักดาบเมฆเหิน ใครก็ตามที่รู้จักย่างก้าวของเซียนดาบปีศาจย่อมรู้ดีว่าเทคนิคนี้น่าสะพรึงขนาดไหน ถึงขนาดที่ผู้รั้ง 3 อันดับแรกก็ยังรับมือกับมันได้ยาก
แต่ไป๋เหรินชิงเอาชนะหูเฉินได้ในกระบวนท่าเดียว บ้าบอสิ้นดี!
“ฉันชนะจริงๆหรือ?” ไป๋เหรินชิงถึงกับสะพรึงกับวีรกรรมของตัวเอง
เธอเชื่อว่าตัวเองคงจบเห่แน่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเพียงเพราะเธอทำตามคำสั่งของอาจารย์ลุงอย่างเคร่งครัด
ดูเหมือนอาจารย์ลุงของเธอจะสามารถทำนายอนาคตและรู้กระบวนท่าต่อไปที่คู่ต่อสู้ของเธอจะสำแดงออกมา จึงสั่งการให้เธอเตรียมตัวล่วงหน้าได้
เมื่อเอาชนะการดวลถึง 2 นัดติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย ไป๋เหรินชิงมั่นอกมั่นใจกว่าที่เคย เธอหันไปพูดกับสาวน้อยคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน “ศิษย์พี่หลิว ตาคุณแล้ว!”
ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3, หลิวยู่เหลียน!
หลิวยู่เหลียนเป็นสาวน้อยหน้าตาหมดจด มีเสน่ห์ในแบบที่ใครๆชื่นชม ในแง่ของรูปร่างหน้าตา เธอไม่ได้เป็นรองไป๋เหรินชิงเลย
แต่ผู้ที่เคยสู้กับเธอก็รู้ดีเกินกว่าจะตัดสินความสามารถของเธอด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูนุ่มนวลนั้น
ศิลปะเพลงดาบสำหรับการป้องกันตัวของหลิวยู่เหลียนจัดได้ว่ารัดกุมถึงขนาดที่แม้แต่หูเฉินที่สำแดงย่างก้าวเซียนดาบปีศาจแล้วก็ยังทำลายปราการการป้องกันตัวของเธอไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ลงเอยด้วยการเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเอง ทำให้เธอเล่นงานเขาจนพ่ายแพ้ได้โดยไม่ลังเล
หลิวยู่เหลียนก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลองอย่างอาจหาญ
ไป๋เหรินชิงหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมานานแล้วว่าศิลปะเพลงดาบดอกบัวของคุณไร้เทียมทานมาก ศิษย์พี่หลิว…ฉันอยากเห็นกับตา”
เมื่อชูช่อขึ้นเหนือน้ำ ดอกบัวที่แสนจะภาคภูมิใจย่อมปฏิเสธไม่ให้น้ำแม้แต่หยดเดียวแปดเปื้อนผิวของมันได้ นั่นคือแนวคิดที่อยู่ในศิลปะเพลงดาบดอกบัวของหลิวยู่เหลียน
“ศิษย์น้องไป๋ คุณก็อกเกรงใจเกินไป ถ้าคุณทำลายปราการการป้องกันตัวของฉันได้ล่ะก็ ฉันจะยอมแพ้และมอบเหรียญสำนักดาบทั้งหมดของฉันให้คุณเลย” หลิวยู่เหลียนตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการท้าพนัน เธอจึงตัดสินใจพูดขึ้นเสียเอง
“ขอบคุณมาก ศิษย์พี่หลิว” ไป๋เหรินชิงพยักหน้า
โธ่…จากนี้ไป ชื่อเสียงของเธอคงป่นปี้ไม่มีเหลือแน่
เธอเริ่มต้นทุกอย่างด้วยเจตนาดี หวังแค่จะท้าทายบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดและไต่เต้าขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม แต่ตอนนี้เธอดูไม่ต่างอะไรกับจอมโจรผู้ละโมบโลภมากที่ตั้งใจจะฉกฉวยเงินทองจากทุกคน
การรักษาชื่อเสียงให้ดีงามตลอดเวลานั้นยาก แต่ทำลายมันได้โดยใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น
“เริ่มกันเถอะ”
หลิวยู่เหลียนสะบัดข้อมือ ภาพติดตามากมายนับไม่ถ้วนของดาบปรากฏอยู่รอบตัวเธอ มันเบ่งบานขึ้นเหมือนดอกบัวที่โผล่พ้นจากโคลนตม
ศิลปะเพลงดาบดอกบัว!
มีแต่ผู้ที่เข้าถึงความสำเร็จโดยภาพรวมของศิลปะเพลงดาบแล้วเท่านั้นถึงจะทำให้ดอกบัวเบ่งบานอยู่โดยรอบได้
ไป๋เหรินชิงขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายสำแดงศิลปะเพลงดาบต่อหน้า ด้วยปราการของการป้องกันตัวที่ไม่อาจทะลุทะลวงได้ เธอไม่รู้จริงๆว่าควรเริ่มต้นอย่างไร
กระแสดาบฉีของอีกฝ่ายเรียงซ้อนกัน เกิดเป็นปราการอันซับซ้อนที่แทบมองไม่เห็นว่าสิ้นสุดตรงไหน หากสำแดงกระบวนท่าออกไปโดยไม่พิจารณาให้ดี ก็จะถูกปราการนั้นเล่นงานได้อย่างง่ายดาย
“โยนดาบของคุณออกไป!”
ขณะที่ไป๋เหรินชิงกำลังจนปัญญา เสียงของอาจารย์ลุงจางก็แว่วเข้าหูอีกครั้ง
คราวนี้เธอโยนดาบออกไปทันทีโดยไม่ลังเล
ฟึ่บ!
ดอกบัวที่เรียงรายกันอยู่หายวับไปทันทีขณะที่พุ่งเข้าปักศีรษะของหลิวยู่เหลียน นัยน์ตาของเธอเบิกโพลงราวกับลูกปัดเม็ดใหญ่ขณะจ้องหน้าไป๋เหรินชิงอย่างไม่อยากเชื่อ
จากนั้นศพของเธอก็ร่วงลงไปกองกับพื้น
ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 พ่ายแพ้แล้ว!
ฝูงชนพากันเงียบกริบ ไม่มีใครพูดออกมาแม้แต่คำเดียว
“นั่นใช่หลานสาวของคุณจริงๆหรือเปล่า? คุณแน่ใจนะว่าไม่ใช่คนอื่นปลอมตัวมา?” ชายชราหันไปตั้งคำถามกับผู้อาวุโสไป๋เย่
เขาเองก็รู้ระดับพละกำลังของไป๋เหรินชิงดี ต่อให้เธอได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบอันทรงพลัง 2 อย่างนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง ก็ไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขนาดเล่นงานหลิวยู่เหลียนได้แบบนั้น
นั่นหมายความว่าไป๋เหรินชิงมีประสิทธิภาพการต่อสู้เทียบเท่ากับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด 3 อันดับแรกหรือ?
ขยับจากอันดับ 17 มาอยู่ใน 3 อันดับแรกได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง…เท่านั้นก็เกินพอที่จะทำให้ชื่อของเธอถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสำนักดาบเมฆเหินแล้ว!
“ผม-ผมก็คิดอย่างนั้น…” ผู้อาวุโสไป๋เย่ออกจะงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาคาดว่าหลานสาวของเขาน่าจะได้รับการถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบจากผมน่ะถ่อมตัว แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะเชื่อว่าเพียงแค่ 2 กระบวนท่าก็เพียงพอจะทำให้เธอก้าวขึ้นสู่การเป็น 3 อันดับแรก!
หลังจากหลิวยู่เหลียนพ่ายแพ้ ศิษย์สายตรงผู้รั้งอันดับ 2 ก็ก้าวขึ้นสู่สังเวียนประลอง
พละกำลังของเขาใกล้เคียงกับหลิวยู่เหลียนมาก ด้วยเหตุนี้ ภายใต้คำชี้แนะของจางเซวียน เขาก็ถูกแทงเข้าที่ศีรษะอย่างจังจากเทคนิคการโยนดาบ
“ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 1 คือเหอจิ้งชวน เขาเป็นหลานชายของผู้อาวุโสที่ 1 เหอเทียน!”
“ดูเหมือนเรากำลังจะได้เห็นการต่อสู้อันแสนเร้าใจของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 1”
“ถึงไป๋เหรินชิงจะก้าวขึ้นสู่การเป็นสุดยอดของบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดในหอนิรันดร์ แต่เธอก็ยังไม่ใช่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ดี อีกอย่าง ระดับวรยุทธของนักรบทุกคนถูกลดลงมาเป็นนักรบเสมือนอมตะระดับล่างเมื่ออยู่ที่นี่ ผมรู้มาว่าแท้ที่จริงเหอจิ้งชวนสำเร็จวรยุทธขั้นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์แล้ว อีกก้าวเดียวก็จะได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูง!”
“คุณน่ะมองอะไรตื้นๆเกินไปแล้วล่ะ ผมรู้มาว่าไป๋เหรินชิงก็สำเร็จวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงแล้วเช่นกัน ขอแค่เธอเอาชนะศิลปะเพลงดาบของเหอจิ้งชวนได้ ด้วยสถานภาพของผู้อาวุโสไป๋เย่ เขาน่าจะสรรหาทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนเพื่อให้เธอสามารถเข้าถึงวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น…”
“ก็จริง การยกระดับวรยุทธนั้นง่ายกว่าการขัดเกลาศิลปะเพลงดาบมาก…”
…..
ฝูงชนพากันซุบซิบออกความเห็นอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นตัวแทนของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้มีพละกำลังสูงสุดเดินเข้าสู่สังเวียน
หากเหอจิ้งชวนพ่ายแพ้ ก็คงไม่เป็นการเกินเลยหากจะพูดว่าไป๋เหรินชิงได้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นสุดยอดในบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดแล้ว
“ผมขอเดิมพันกับคุณแบบเดิม” เหอจิ้งชวนพูดอย่างสุขุม ไม่ได้สะทกสะท้านกับผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากมายก่อนหน้าเขา
“ขอบคุณที่คุณเข้าใจ ศิษย์พี่เหอ” ไป๋เหรินชิงพยักหน้า “เริ่มกันเถอะ!”
“ได้สิ”
เหอจิ้งชวนสูดหายใจลึกและก้าวออกไปก้าวหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของเหอจิ้งชวนไม่ได้ว่องไวนัก และศิลปะเพลงดาบนั้นก็ไม่ได้มีสีสันอะไรมากมาย แต่ความน่าประทับใจก็คือศิลปะเพลงดาบของเขาดูเหมือนกับเต่าที่มีกระดองสีดำ ไม่ว่าใครสักคนจะพยายามเล่นงานเขาสักแค่ไหน ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแทงทะลุปราการการป้องกันตัวของเขาได้
“มันคือศิลปะเพลงดาบวิญญาณเต่า!”
ใครคนหนึ่งจดจำกระบวนท่านั้นได้
“ศูนย์กลางของศิลปะเพลงดาบวิญญาณเต่าคือการป้องกันตัว ดูเหมือนศิษย์พี่เหอจะกลัวการโยนดาบของเธอ…”
“ใช่สิ เรื่องนั้นมันช่วยไม่ได้ ดาบนั้นไม่เคยพลาดเลย ทันทีที่ถูกโยนออกไป ก็จะตรงเข้าแทงทะลุศีรษะของอีกฝ่ายทันที ใครบ้างจะไม่ระแวงเทคนิคแบบนั้น?”
“จริงด้วย…พูดก็พูดเถอะ ผมคงตายแน่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับมัน”
เกิดการหารืออย่างอื้ออึงเซ็งแซ่ในหมู่ฝูงชน
แม้ศิลปะเพลงดาบวิญญาณเต่าจะมีศูนย์กลางอยู่ที่การป้องกันตัว แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเหอจิ้งชวนอ่อนแอ ในทางกลับกัน ทุกคนรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดีที่เขาเลือกใช้กระบวนท่านี้
เห็นศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายมีลักษณะเหมือนกระดองเต่า ทำให้เธอไม่มีโอกาสปล่อยการโจมตี ไป๋เหรินชิงถึงกับตระหนก
เธอจะเอาชนะการป้องกันตัวแบบนี้ได้อย่างไร? ถ้าฝ่าปราการการป้องกันตัวของเหอจิ้งชวนไม่ได้ แล้วจะเอาชนะได้ด้วยวิธีไหน?
ขณะที่ไป๋เหรินชิงยังคงจับจ้องสถานการณ์ตรงหน้าอย่างกังวล เสียงของอาจารย์ลุงก็แว่วเข้าหู “คุณเคยฆ่าเต่าไหม?”
“ฆ่าเต่า…” ไป๋เหรินชิงพึมพำทวนคำนั้น
เธอไม่เคยฆ่าเต่ามาก่อน แต่ก็พอได้ยินเรื่องนั้นอยู่บ้าง