อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2003 น่าอับอายเหลือเกิน!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2003 น่าอับอายเหลือเกิน!
“คุณจะต้องล่อมันด้วยอาหาร ยั่วให้มันเปิดเผยตัวเองให้ได้ หาโอกาสเล่นงานมันด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว!” เสียงของจางเซวียนดังต่อเนื่อง
“สถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นแบบเดียวกัน ถ้าคู่ต่อสู้อยากเอาชนะคุณให้ได้ สุดท้ายเขาก็จะต้องเคลื่อนไหว ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำก็คือใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้อีกฝ่ายเข้ามา การโจมตีของเขาจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการตอบโต้…ผมชี้ทางให้คุณแล้วนะ ส่วนคุณจะเอาชนะได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”
“ได้ อาจารย์ลุง!” ไป๋เหรินชิงตอบอย่างสำนึกบุญคุณ
เธอรู้ดีว่านี่คือบททดสอบที่อาจารย์ลุงมอบให้
เขาชี้แนะวิธีการรับมือกับการต่อสู้ให้เธอแล้ว หากเธอยังไม่อาจเอาชนะได้ ต่อให้ได้รับการจับตาจากใครต่อใครในฐานะผู้ท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับ 1 แต่ก็คงจะสูญเสียความสนใจจากใครๆไปอย่างรวดเร็ว
ขอแค่เธอเอาชนะการดวลครั้งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะเพลงดาบหรือสภาวะจิต ก็ล้วนแต่จะถูกยกระดับขึ้นสู่การพัฒนาครั้งใหม่ เธอจะกลายเป็นนักรบที่ไม่มีศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนไหนเทียบชั้นได้เลย!
สิ่งนี้เหมือนกับศิลปะเพลงดาบของชี้เหมิงชุยเฉว่ แม้จะมีพละกำลังไร้เทียมทาน แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นหมายเลขหนึ่ง แต่หลังจากที่เขาสังหารเย่กู่เฉิง สภาวะจิตของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อเวลาผ่านไป สุดท้ายเขาก็กลายเป็นเทพดาบในยุคสมัยของเขา ก้าวขึ้นสู่การเป็นบุคคลที่ไม่มีใครในโลกเอาชนะได้!
นั่นคือสถานการณ์แบบเดียวกันกับที่อยู่ตรงหน้าไป๋เหรินชิง
เธอเอาชนะในการดวลได้ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยคำชี้แนะของอาจารย์ลุง แต่นั่นมีแต่จะทำให้เธอต้องพึ่งพาเขาอยู่ร่ำไป ถ้าเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างนี้เรื่อยๆ ความคิดที่จะเกิดขึ้นในใจของเธอก็คือเธอไม่อาจเอาชนะการต่อสู้ใดๆได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ดังนั้น เธอจึงต้องคว้าชัยชนะด้วยตัวเองให้ได้โดยเร็วเพื่อจะได้เกิดความมั่นใจขึ้นมา พร้อมกับพัฒนาศิลปะเพลงดาบของตัวเองด้วย
รู้ดีว่าอาจารย์ลุงทำทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของเธอเอง ไป๋เหรินชิงพุ่งเข้าใส่เหอจิ้งชวนอย่างไม่ลังเล
“นั่น..เหรินชิงตั้งใจจะใช้ตัวเธอล่อเหอจิ้งชวนหรือ?” ผู้อาวุโสไป๋เย่หรี่ตา
เป็นที่รู้กันว่าตัวเขาในฐานะหนึ่งในสามผู้อาวุโสใหญ่ย่อมมองเห็นข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของเหอจิ้งชวนได้เช่นกัน เพียงแต่…ไม่คิดว่าหลานสาวของตัวเองจะเปิดการโจมตีอย่างมั่นอกมั่นใจขนาดนี้
ใครๆก็รู้ว่าการพุ่งเข้าใส่แบบนั้นไม่ต่างอะไรกับการเปิดเผยตัวเองให้กับคู่ต่อสู้ หากประมาทเพียงนิดเดียวก็อาจถึงแก่ความตายได้ทันที!
“ผมเคยคิดว่าเหตุผลที่หลานสาวของคุณเอาชนะในการดวลได้ครั้งแล้วครั้งเล่านั้นเป็นเพราะศิลปะเพลงดาบพิสดารพันลึกที่เธอร่ำเรียนมาจากใครสักคน ต่อให้เธอก้าวเข้าสู่ 3 อันดับแรกได้ แต่ก็คงรักษาตำแหน่งไว้ได้ไม่นาน เพราะเธอไม่ได้มีรากฐานของวรยุทธที่หนักแน่นเหมือนกับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนอื่นๆ พวกเขาย่อมเอาชนะเธอได้ทันทีที่พบข้อบกพร่องในศิลปะเพลงดาบของเธอ…แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดเสียแล้ว!” ชายชราที่อยู่ข้างผู้อาวุโสไป๋เย่พูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ
ไป๋เหรินชิงท้าทายตั้งแต่ผู้รั้งอันดับ 16 มาจนถึงอันดับ 2 ซึ่งกระบวนท่าที่เธอใช้ก็มีแค่การฟาดฟันในแนวราบกับการโยนดาบเท่านั้น ไม่ได้มีทักษะอันทรงพลังใดๆเลย เธอใช้ประสิทธิภาพของศิลปะเพลงดาบของเธอล้วนๆในการผลักดันตัวเองให้มาไกลได้ขนาดนี้
ต่อให้เธอเข้าถึงอันดับ 1 ก็แล้วใครจะจดจำเธอได้?
หรือตัวเธอเองก็เถอะ จะจดจำตัวเองได้หรือเปล่า?
เพียงชั่วพริบตา ไป๋เหรินชิงก็เห็นจุดอ่อนในศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายและตัดสินใจพุ่งเข้าใส่เพื่อเล่นงานเหอจิ้งชวนแม้จะต้องเสี่ยงตาย เพียงเท่านั้นก็เห็นได้ชัดแล้วว่าความเข้าใจในวิถีทางแห่งเพลงดาบของเธอได้เข้าสู่ระดับที่สูงกว่าเดิม เธอไม่ได้พึ่งพาแค่พละกำลังของศิลปะเพลงดาบเพียงอย่างเดียวแล้ว
ขณะที่ทั้งคู่ยังคงหารือกัน สถานการณ์บนสังเวียนประลองก็เปลี่ยนไป เหอจิ้งชวนมองเจตนาของไป๋เหรินชิงออก จึงถอนมาตรการป้องกันตัวและล่าถอยไปช้าๆ
เขายังไม่ยอมเปิดเผยจุดอ่อนใดที่จะทำให้ไป๋เหรินชิงฝ่าปราการการป้องกันตัวของเขาได้ เหอจิ้งชวนจะไม่ยอมเคลื่อนไหวใดๆโดยเด็ดขาดจนกว่าจะแน่ใจว่าจะได้ชัยชนะ
การต่อสู้แบบนี้ถือว่าไม่เลวเลย…จางเซวียนพยักหน้า
ดูเหมือนสัญชาตญาณของเหอจิ้งชวนจะเฉียบแหลมไม่น้อย ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เขารั้งอันดับ 1 ในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด สภาวะจิตของเขาถือว่าแข็งแกร่งทีเดียว
เหอจิ้งชวนในเวลานี้เหมือนนายพรานผู้มีน้ำอดน้ำทนที่ซุ่มรออยู่ในพงหญ้าเพื่อหาโอกาสเหมาะๆในการเล่นงานเหยื่อ
ถ้าเป็นคนอื่น ก็คงจะใช้โอกาสนี้กระโจนเข้าสู่การต่อสู้และกดดันไป๋เหรินชิงแล้ว แต่นั่นมีแต่จะเป็นการเปิดโอกาสที่ไป๋เหรินชิงรอคอยเพื่อจะได้ตอบโต้กลับ
แต่หากเขายื้อการต่อสู้ให้นานออกไป ไป๋เหรินชิงก็ย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากยื้อเวลาเช่นกัน ตอนนี้ทั้งคู่กำลังแข่งขันกันเรื่องความอดทน
ทั้งคู่มีการปะทะกันบ้าง 2-3 ครั้ง แต่ก็ล้วนเป็นการปะทะแบบผิวเผินที่ไม่เปิดช่องให้ใครเล่นงานใครได้ เมื่อเห็นว่าเหอจิ้งชวนไม่ยอมเคลื่อนไหวสักที ไป๋เหรินชิงเริ่มร้อนใจ
เธอไม่เคยมีน้ำอดน้ำทนตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว การต้องรอคอยบวกกับการปะทะแบบผิวเผินที่เกิดขึ้นทำให้เธอปวดประสาทมาก
ตอนนี้แหละ!
เหอจิ้งชวนดูออกว่าไป๋เหรินชิงใกล้หมดความอดทนเข้าไปทุกขณะ การเคลื่อนไหวของเธอบ่งบอกอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่านี่คือโอกาสที่จะได้จัดการทุกอย่างให้ราบคาบ
ท่ามกลางความเงียบงันอย่างน่าประหลาดของการต่อสู้ เหอจิ้งชวนพุ่งเข้าเล่นงานไป๋เหรินชิงอย่างปุบปับราวกับนักล่าที่กำลังตะครุบเหยื่อ ความสุขุมเยือกเย็นที่มีอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตาที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว ทันทีที่การล่าของจริงเริ่มต้น ความเร็วของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับที่ผู้ชมมองตามแทบไม่ทัน
เขามาแล้ว! ไป๋เหรินชิงกัดฟันกรอดขณะโยนดาบของเธอออกไป
จริงอยู่ว่าเธอหงุดหงิดและโมโหมากขึ้นทุกทีเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป แต่ก็ไม่หลงลืมคำสอนของอาจารย์ลุง ตลอดระยะเวลานั้น เธอจับตามองการเคลื่อนไหวของเหอจิ้งชวนอย่างใกล้ชิด
ฉึกกกก!
ดาบของเหอจิ้งชวนแทงเข้าที่หน้าอกของไป๋เหรินชิง แต่ในเวลาเดียวกัน ดาบของไป๋เหรินชิงก็แทงทะลุศีรษะของเขา
เหอจิ้งชวนตายสนิท
แต่ไป๋เหรินชิงก็พ่ายแพ้เช่นกัน
การดวลครั้งนี้จบลงด้วยการเสมอ
เธอยังอ่อนด้อยเกินไป…จางเซวียนส่ายหน้า
เขาชี้ทางให้เธอแล้ว จึงคิดว่าเธอน่าจะเอาชนะได้ ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายจะจบลงด้วยการเสมอกัน
น่าอับอายเหลือเกิน!
โชคดีที่เธอไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขา ไม่อย่างนั้นคงจะต้องเทศนากันยาว
แต่พูดก็พูดเถอะ น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย ไป๋เหรินชิงควรจะมีโอกาสได้เงินจากศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับ 1 คนนี้ แต่เงินนั้นก็หลุดมือไปเพราะความอ่อนแอของเธอ
ตรงกันข้ามกับความหงุดหงิดของจางเซวียน ฝูงชนต่างเงียบกริบ ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าไป๋เหรินชิงจะเสมอกับเหอจิ้งชวนได้
ขณะที่เฝ้าดูทั้งสองร่างสลายตัวไป ชายชราหันไปพูดกับผู้อาวุโสไป๋เย่ “ยินดีด้วยนะ คุณมีหลานสาวที่เก่งกาจจริงๆ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนเธอพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตอบอย่างยินดีปรีดา
แน่นอนว่าเขาภาคภูมิใจที่หลานสาวเสมอกันกับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดผู้รั้งอันดับ 1 ได้
“เธอเก่งกาจไร้เทียมทานจริงๆ แต่มันไม่เข้าท่าเลยที่เธอท้าพนันกับบรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดเพื่อให้ได้เหรียญสำนักดาบของพวกเขา มันจะไม่เป็นผลดีกับคุณด้วยนะ!” ชายชราพูด
คงจะดีหากเป็นการดวลแบบธรรมดา แต่ดวลกันเพื่อเดิมพันเอาเงินนั้น…นั่นจะเป็นการบ่อนทำลายจิตวิญญาณและความมีน้ำใจนักกีฬาในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด
คุณเองก็เป็นถึง 1 ใน 3 ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักดาบเมฆเหิน แต่หลานสาวของคุณหิวเงินเสียจนเที่ยวท้าพนันกับใครต่อใครไปทั่ว ใครที่รู้เรื่องนี้คงคิดว่าคุณไม่อบรมสั่งสอนหลานสาวของตัวเอง!
“เอ่อ…แล้วผมจะสั่งสอนเธอทีหลัง!” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตอบ
“นายท่าน ผมเกรงว่าถึงตอนนั้นจะสายไป…” ไป๋เฟิงพูดอย่างกังวล
คำนั้นทำให้ผู้อาวุโสไป๋เย่ครุ่นคิดหนัก
ก็จริง เรื่องนี้ลือกระฉ่อนไปทั่วแล้ว และความสำเร็จของหลานสาวของเขาก็จะต้องด่างพร้อยเพราะเรื่องที่เธอท้าพนัน
“คุณพูดถูก ผมควรจัดการเสียตั้งแต่ตอนนี้” ผู้อาวุโสไป๋เย่พยักหน้าขณะก้าวออกไปก้าวหนึ่งและเปิดการเจรจากับฝูงชน “ทุกท่าน กรุณาฟังผมด้วย!”
เสียงของเขาดังสนั่นและชัดเจน ดึงดูดทุกสายตาให้หันมาจับจ้องทันที
“เดิมพันที่ไป๋เหรินชิงประกาศไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเหรียญสำนักดาบของพวกคุณนั้นเป็นแค่การล้อเล่น ความตั้งใจที่แท้จริงของเธอก็เพื่อผลักดันให้พวกคุณสู้สุดกำลัง เพื่อจะได้เป็นการรับประกันความชอบธรรมของการดวล ซึ่งในเมื่อเป็นแค่การล้อเล่น พวกคุณก็ไม่ต้องถือเป็นเรื่องจริงจังหรอกนะ!” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ
“ไม่ต้องถือเป็นเรื่องจริงจัง?” ทันทีที่ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดจบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฝูงชน บ่งบอกความไม่พอใจอย่างหนัก “คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะบอกพวกเขาว่าไม่ให้ถือเป็นเรื่องจริงจัง? คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน?”
ผู้อาวุโสไป๋เย่หันขวับพร้อมกับขมวดคิ้ว เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
“อ๋อ…ผมเป็นแค่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่านั่นคือความคิดของไป๋เหรินชิงตอนที่เธอเสนอเดิมพันให้กับคู่ต่อสู้ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร?”
เห็นชายหนุ่มเผชิญหน้ากับเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ความรู้สึกแรกของผู้อาวุโสไป๋เย่คืออยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจปกปิดตัวตนไว้และแก้ไขสถานการณ์ก่อน
ในฐานะผู้อาวุโส ย่อมดีที่สุดหากเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจธุระของบรรดาศิษย์สายตรง เพราะไม่อย่างนั้นก็อาจส่งผลกระทบในแง่ร้ายต่อเขา
“ผมคือ ‘ผมน่ะหล่อมาก’ เป็นเพื่อนสนิทของไป๋เหรินชิง คำพูดของผมบ่งบอกเจตนาของเธอแล้ว!” จางเซวียนตอบ “ในเมื่อมันคือเดิมพัน แล้วจะมีความหมายอะไรหากอีกฝ่ายไม่ชดใช้? เรื่องนี้ไม่ใช่เดิมพันอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นความไว้เนื้อเชื่อใจขั้นพื้นฐานระหว่างมนุษย์ด้วยกัน หากเราเริ่มต้นด้วยการผิดสัญญา ต่อไปใครจะถือเอาอะไรเป็นเรื่องจริงจังได้อีก? แต่ถ้าคุณไม่อยากชดใช้ล่ะก็ ได้เลย! มาดูกันว่าดาบของผมจะเห็นด้วยหรือไม่!”
จะให้เขายอมทิ้งเงินที่หามาด้วยความเหนื่อยยากแบบนั้นได้อย่างไร?
คุณล้อผมเล่นแล้วล่ะ!
ใครที่บอกให้ผมทิ้งเงินจำนวนนี้ล่ะก็ เตรียมตัวถูกซ้อมยับได้เลย!