อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2006 นี่มันกฎบ้าบออะไร?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2006 นี่มันกฎบ้าบออะไร?
มันเรื่องอะไร ผู้เชี่ยวชาญที่ไร้เทียมทานระดับนี้ถึงลดตัวลงมาขนาดที่ยอมสังหารศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดทุกคนเพียงเพื่อให้ได้เงิน?
ไป๋เหรินชิงส่ายหน้า จากนั้นก็นำตราหยกอันหนึ่งออกมา เธอชำเลืองดูมันก่อนจะตอบ “พวกเขาใช้หนี้ฉันแล้ว รวมแล้วก็ราวๆ 100,000 เหรียญสำนักดาบ!”
“100,000 เหรียญ?” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ “ดูเหมือนศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดก็ร่ำรวยไม่เบานะ!”
เขาสังหารบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในไปกว่าครึ่ง ได้เงินมาแค่ 200,000 เหรียญสำนักดาบ แต่เพียงเล่นงานศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด 5 คน ก็ทำเงินได้ถึง 100,000 เหรียญสำนักดาบแล้ว…ดูเหมือนความเหลื่อมล้ำของความมั่งคั่งระหว่างสองฝ่ายจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย!
เอาเถอะ ดูเหมือนเราจะพบบ่อเงินบ่อทองที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเงินได้แล้ว…
ไม่ช้าไป๋เหรินชิงก็นำเงินทั้งหมดออกมา จางเซวียนอดไม่ได้ที่จะไชโยโห่ร้องอย่างลิงโลดในใจกับโชคลาภขนาดย่อมๆที่เขาหาได้ภายในเวลาเพียงวันเดียว
ครู่ต่อมา เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไป๋เหรินชิง “ศิลปะเพลงดาบของคุณไม่เลวนะ แต่เทคนิคการโยนดาบที่คุณเรียนจากตั้นเฉี่ยวเทียนยังมีปัญหาอยู่หลายข้อ ผมจะแก้ไขให้คุณเดี๋ยวนี้ และหลังจากนั้น ผมอยากให้คุณกลับสู่สังเวียนประลองเพื่อหาเงินมาให้ผมอีก เข้าใจไหม?”
“….” ไป๋เหรินชิง
เธอเองก็สับสนพอตัวว่าควรจะมีความสุขหรือยินดีปรีดาหรือไม่ที่อาจารย์ลุงให้คำชี้แนะกับเธอเป็นการส่วนตัว หรือว่าแท้ที่จริงแล้วเธอถูกใช้เป็นเครื่องมือหาเงิน แต่สุดท้าย…ความปรารถนาที่จะพัฒนาศิลปะเพลงดาบของตัวเองให้ก้าวหน้าก็มีน้ำหนักมากกว่า
ไป๋เหรินชิงรีบลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวฟังการถ่ายทอดคำสอนของท่านอาจารย์ ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงเคาะประตูรัวชุดใหญ่ดังมาจากประตูทางเข้า จากนั้นเฉาเฉิงลี่ก็ตะโกนลั่น “คุณเป็นใคร?”
“พวกเรามาขอพบจางเซวียน!” เสียงหนึ่งตอบ
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ไป๋เหรินชิงขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัว เธออุทานออกมาด้วยริมฝีปากสั่นเทา “อาจารย์ลุง…นั่นท่านปู่ของฉัน! เขามาที่นี่แล้ว!”
“ท่านปู่ของคุณ?” จางเซวียนชะงัก “คุณหมายถึงผู้อาวุโสไป๋เย่หรือ?”
เท่าที่เขารู้ ผู้อาวุโสไป๋เย่คือ 1 ใน 3 ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักดาบเมฆเหิน เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงคนหนึ่งของทวีปแห่งนี้
ทำไมจู่ๆผู้ทรงเกียรติระดับนี้ถึงมาเคาะประตูบ้านของเขา?
หรือว่าการจัดฉากเล่นละครที่เขาเคยแสดงยังไม่แนบเนียนพอที่จะทำให้อีกฝ่ายไม่อยากรับเขาเป็นศิษย์? คงเป็นอย่างนั้นแน่ ใช่ไหม?
เพราะถึงอย่างไร เขาก็เพิ่งเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินได้เพียงวันเดียว และแน่ใจว่าเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบมาตลอด ยังไม่ได้ทำอะไรที่โดดเด่นออกนอกหน้าอย่างจริงๆจังๆ จึงไม่น่าจะมีเหตุผลใดที่ผู้อาวุโสไป๋เย่จะอยากพบเขา!
“ใช่!” ไป๋เหรินชิงพยักหน้า
“ผมคิดว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่น่าจะเป็นเพราะเขายังอยากรับผมเป็นศิษย์อยู่ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น…คุณก็ช่วยเล่นละครหน่อย ทำเป็นว่ากำลังถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบให้ผม คุณจะต้องตำหนิติเตียนผมเรื่องทักษะที่อ่อนด้อย และแสดงความผิดหวังที่ผมไม่สามารถทำตัวให้เป็นไปตามความคาดหวังของท่านปู่ของคุณได้…” จางเซวียนพูด
“เอ่อ…” ไป๋เหรินชิงทำตัวไม่ถูก
เธอแสดงละครไม่เก่ง ตบตาใครก็ไม่เป็น!
“ตกลงตามนั้นนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อย่าหวังว่าผมจะถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบใดๆให้คุณอีก!” จางเซวียนสำทับ
“ก็ได้…” ได้ยินคำนั้น ไป๋เหรินชิงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมทำตามคำขอของเขา
เธอยอมทำทุกอย่างหากจะได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบกับอาจารย์ลุง เพราะศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายนั้นไร้เทียมทานจริงๆ!
เธอเพิ่งเรียนศิลปะเพลงดาบไปแค่ 2 ชนิด แถมยังเป็นกระบวนท่าพื้นฐานที่สุด แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอต่อสู้กับศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับ 1 จนผลการดวลออกมาเสมอได้ ถ้าเธอได้เรียนมากกว่านี้อีกหน่อย แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่กล้าจินตนาการว่าเมื่อถึงตอนนั้นเธอจะทรงพลังขนาดไหน!
นี่คือโอกาสที่จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้!
ขณะที่ทั้งคู่ยังคงหารือกัน ไป๋เฟิงก็ก้าวออกมาและแสดงตราสัญลักษณ์ของเขาต่อเฉาเฉิงลี่
“ทำไม? คุณคิดว่าจะเข้ามาได้ด้วยการแสดงตราสัญลักษณ์ของคุณให้ผมดูหรือ?” เฉาเฉิงลี่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
เขายังโมโหที่ถูกทุบศีรษะ จึงมีทีท่าไม่สบอารมณ์นักต่อแขกทั้งสอง
เอาตราสัญลักษณ์มาโชว์ขณะที่ผมกำลังตั้งคำถาม คุณคิดว่ามันใช่เวลาสำหรับการโชว์ตราสัญลักษณ์หรือไง? ทำอย่างกับโอ้อวดตัวเองเป็นอยู่คนเดียวอย่างนั้นแหละ!
“ผมคือผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน มาขอพบนายน้อยของคุณ, จางเซวียน”
เห็นอีกฝ่ายไม่รู้จักตราสัญลักษณ์ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสไป๋เย่อธิบายอย่างสุขุม
เพราะตั้นเฉี่ยวเทียน จางเซวียน และคนอื่นๆเพิ่งเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินได้เพียงวันเดียว จึงพอเข้าใจได้ที่พวกเขาจะไม่เคยเห็นตราสัญลักษณ์ของผู้อาวุโสระดับสูงมาก่อน
“คุณคือผู้อาวุโสของสำนักดาบเมฆเหินหรือ?” เฉาเฉิงลี่ยังคงโมโหเดือด แต่แล้วคำนั้นก็ทำให้เขาหวาดกลัวแทบขาดใจ เขาหน้าซีดขณะก้มลงโค้งคำนับอย่างงาม “ขออภัยด้วยที่ผมแสดงกิริยาไม่สุภาพ ชะ-เชิญทางนี้เลย…”
เฉาเฉิงลี่ไม่เหมือนซุนฉาง ในฐานะจอมโจร เขาผ่านสถานการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายมามาก จึงมีความระแวดระวังต่อการโจมตีของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่กล้าแสดงอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าผู้อาวุโสของสำนักดาบเมฆเหิน
ถ้าอีกฝ่ายเล่นงานเขา เขาคงตายไม่รู้ตัว!
ทำปากเก่งต่อหน้าคนระดับนี้หรือ? ลืมได้เลย!
โลกนี้ยังมีความสุขอีกมากมายให้ตักตวง เขายังไม่อยากตายตอนนี้
ผู้อาวุโสไป๋เย่พยักหน้าขณะยกเท้าขึ้นเพื่อจะก้าวเข้าสู่บ้านพัก แต่เฉาเฉิงลี่ก็รีบเข้ามายับยั้งเขาไว้
“ขอโทษเถอะ แต่นายน้อยของผมตั้งกฎไว้ว่าผู้ที่จะเข้าสู่บ้านพักหลังนี้ไม่อาจใช้ทั้งขาซ้ายหรือขาขวาได้ คงต้องขออภัยคุณสำหรับเรื่องนี้ด้วย!”
จากนั้น เขาก็ออกนำหน้าและกระโดดข้ามธรณีประตูไปโดยใช้ทั้งสองเท้า
“ฮะ?”
ผู้อาวุโสไป๋เย่กับไป๋เฟิงมองหน้ากันอย่างงงงัน
นี่มันกฎบ้าบออะไร?
“พวกอัจฉริยะมักมีความประหลาดพิสดารตามแบบของตัวเองเสมอ ในเมื่อเราเป็นแขก ก็ควรทำตามกฎของเขา…” ไป๋เฟิงพูด
ในครั้งนั้น เซียนดาบปีศาจก็เป็นที่เลื่องลือเรื่องอารมณ์และนิสัยอันแปลกประหลาดเช่นกัน ในเมื่อจางเซวียนเข้าถึงเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าแล้ว ก็พอเข้าใจได้ที่บุคลิกของเขาออกจะพิสดารพันลึกไปสักหน่อย
ตุ้บ! ตุ้บ!
ทั้งคู่กระโดดเข้าบ้านพัก
ทันทีที่เหยียบย่างเข้าสู่บ้านพัก ผู้อาวุโสไป๋เย่กับไป๋เฟิงกำลังจะตั้งคำถามว่าจางเซวียนอยู่ไหน ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงโวยวายดังออกมาจากห้องหนึ่ง
“ทำไมคุณถึงงี่เง่าได้ขนาดนี้? ฉันอธิบายให้คุณฟังกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว แต่ดูเหมือนยังไม่มีอะไรเข้าหูเลยสักนิด…คุณยังหวังจะให้ท่านปู่ของฉันรับคุณเป็นศิษย์อยู่หรือ? ฝันกลางวันแล้วล่ะ!”
แอ๊ดดดด!
ครู่ต่อมา ประตูห้องก็เปิดออก สาวน้อยคนหนึ่งเดินลงส้นเท้าออกมาอย่างขัดใจ
ที่ตามเธอมาต้อยๆคือชายหนุ่มคนที่กำลังก้มหน้าด้วยความอับอาย
ผู้อาวุโสไป๋เย่กับไป๋เฟิงมองหน้ากัน ต่างคนต่างพูดไม่ออก
บ้าแล้ว! คราวนี้ 2 คนนั่นคิดจะทำอะไรอีก?
“ท่านปู่กับท่านปู่เฟิง คุณสองคนมาที่นี่ทำไม?”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพยายามขบคิดว่าจางเซวียนกับไป๋เหรินชิงกำลังพยายามทำอะไร ไป๋เหรินชิงก็หันมามองพวกเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ราวกับเพิ่งเห็นว่าทั้งคู่มา เธอรีบเดินเข้ามาหา
“พวกเรามาเพื่อ…” ผู้อาวุโสไป๋กำลังจะเปิดเผยวัตถุประสงค์ที่เขามา ก็พอดีกับที่ไป๋เหรินชิงพูดแทรกอย่างหมดความอดทน
“ท่านปู่ คุณมาก็ดีแล้ว ชายผู้นี้คือจางเซวียน, ผู้ที่ขายยาให้ฉัน”
“ฉันสำนึกในบุญคุณของเขาอย่างมากที่ช่วยชีวิตท่านปู่ แต่ขอบอกเลยว่าศิลปะเพลงดาบของเขาไม่ได้เรื่องจริงๆ ฉันสั่งสอนเขามาก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจแม้แต่ศิลปะเพลงดาบขั้นพื้นฐานที่สุด!” ไป๋เหรินชิงบ่นพึมอย่างหงุดหงิด ราวกับไม่อยากเชื่อว่าจะมีศิษย์สายตรงคนไหนของสำนักดาบเมฆเหินที่งี่เง่าและไร้ประโยชน์ขนาดนี้
“ฉันจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ สำแดงศิลปะเพลงดาบที่ฉันเพิ่งสอนให้ต่อหน้าท่านปู่เสียตอนนี้ อย่างที่คุณรู้ ท่านปู่ของฉันคือ 1 ใน 3 ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนัก ถ้าคุณทำได้ดีล่ะก็ คุณก็จะได้ยอมรับท่านปู่ของฉันเป็นอาจารย์!”
“ขะ-ขอรับ ศิษย์พี่ไป๋”
จางเซวียนเงื้อดาบขึ้นอย่างเงอะงะและฟันฉับลงไป
การเคลื่อนไหวของเขาขัดเขินอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีร่องรอยของกระแสดาบฉีแม้แต่น้อย จะเรียกว่าเป็นศิลปะเพลงดาบ…ก็ดูจะเป็นการดูถูกศิลปะเพลงดาบเกินไป
ผู้อาวุโสไป๋เย่มองหน้าไป๋เฟิงอีกครั้ง สีหน้าของเขาบ่งบอกความขัดใจ
ในสายตาของเจ้าพวกนี้ เราสองคนดูโง่มากหรือไง? ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าทั้งคู่กำลังตบตาหรือเยาะเย้ยพวกเรา ดูจะไม่ได้ลงทุนลงแรงในการจัดฉากแสดงละครเลย
ผมเริ่มจะโมโหขึ้นมาจริงๆแล้วนะ!
“ท่านปู่ ดูเอาเถอะ ทักษะของเขาน่ะไม่ได้เรื่อง ไม่มีความปราดเปรื่องในศิลปะเพลงดาบแม้แต่น้อย คนโง่เง่าแบบนี้ไม่คู่ควรกับการจะได้เป็นศิษย์ของท่านปู่หรอก ฉันรู้ว่าเขาคือผู้มีพระคุณของท่านปู่ และหนี้บุญคุณครั้งนี้ก็จะต้องถูกชดใช้ด้วยวิธีใดสักวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่ควรทำให้ชื่อเสียงของท่านปู่ด่างพร้อยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น…ทำไมเราไม่มอบเงินให้เขาแทนล่ะ?”
เห็นท่านปู่ของเธอกับท่านปู่เฟิงเงียบกริบ ไป๋เหรินชิงคิดว่าตัวเองจัดฉากเล่นละครตบตาทั้งคู่ได้สำเร็จแล้ว เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ท่องบทตามที่จางเซวียนจัดให้เมื่อครู่
“คนโง่เง่า?”
“ไม่คู่ควรกับการจะได้เป็นศิษย์ของผม?”
ผู้อาวุโสไป๋เย่แทบสำลัก
หากเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ชายหนุ่มผู้นี้ตัดหัวของเขาด้วยกระแสดาบฉีเพียงสายเดียว…หากจะมีใครสักคนไม่คู่ควรล่ะก็ น่าจะเป็นตัวเขาเอง!
โชคดีที่ไม่มีหลุมมีบ่ออยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นเขาคงมุดหัวลงไปเหมือนนกกระจอกเทศ
“ผมอับอายเหลือเกินกับความอ่อนแอของผม เกรงว่าคงจะไม่มีความปราดเปรื่องในวิถีทางของศิลปะเพลงดาบจริงๆ ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่ทำให้ผู้อาวุโสที่สามต้องผิดหวัง…” จางเซวียนก้มหน้าลงอย่างละอายใจ
ในส่วนลึกของดวงตาของเขามีทั้งความเสียใจและความไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ ดูราวกับนักดาบสักคนที่ได้เพียรพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ถูกความเป็นจริงตีแสกหน้าเอาอย่างโหดร้าย
เห็นภาพนั้น ผู้อาวุโสไป๋เย่กับไป๋เฟิงหายใจหายคอไม่ออก รู้สึกเหมือนกำลังจะได้รับความบอบช้ำภายในอย่างหนัก
นี่มันบ้าบออะไร?
กลับกลายเป็นว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ใช่แค่นักดาบผู้ปราดเปรื่อง แต่เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงด้วย!
ฉลาดเป็นกรดขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็คงเอาตัวรอด!