อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2007 ผมยอมรับ!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2007 ผมยอมรับ!
ผู้อาวุโสไป๋เย่สูดหายใจลึกหลายเฮือกเพื่อบรรเทาความแน่นหน้าอกและป้องกันไม่ให้ความดันเลือดพุ่งปรี๊ดจนเส้นเลือดแตกตายไปเสียก่อน เขาโพล่งออกมา “ถ้าศิลปะเพลงดาบของคุณอ่อนด้อยจริงๆล่ะก็ คงไม่เหมาะนักที่ผมจะรับคุณเป็นศิษย์”
“แต่สิ่งที่ทุกคนรู้กันว่าดาบคือผู้นำของอาวุธทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่มีอะไรจะทดแทนอานุภาพของมันได้ ถ้าคุณอยากรับผมเป็นอาจารย์ของคุณล่ะก็ ผมสามารถสอนคุณได้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ผมเชื่อว่าภายใต้การชี้แนะของผม ไม่ช้าคุณก็จะเข้าถึงระดับเดียวกับไป๋เหรินชิงได้…”
“คือ…” จางเซวียนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังอยากรับเขาเป็นศิษย์ทั้งที่เขาลงทุนแสดงละครขนาดนี้แล้ว เล่นเอาพูดไม่ออก เขารีบโบกมือ “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก แต่ไม่กล้ารับข้อเสนอของคุณหรอก เพราะความอ่อนด้อยของผม ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้อย่างที่คุณคาดหวัง…ชื่อเสียงของผมจะด่างพร้อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คงไม่อาจทำให้ชื่อของผู้อาวุโสที่ 3 ต้องแปดเปื้อน!”
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ ผมเป็นหนี้บุญคุณที่คุณช่วยชีวิตผมไว้ การจะชดใช้ก็ถือว่าถูกต้องแล้ว หรือว่าคุณมีความสนใจในศิลปะการใช้อาวุธชนิดอื่น?”
ผู้อาวุโสไป๋เย่ไม่ได้คิดจะเล่นตลกกับจางเซวียน แต่เขาต้องการบีบบังคับให้อีกฝ่ายยอมรับตัวตนที่แท้จริงของผมน่ะถ่อมตัวให้ได้ ไม่อย่างนั้น ถ้าหมอนี่ยังยืนกรานกระต่ายขาเดียวต่อไป เขาก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เขาอาจใช้กำลังบังคับได้ แต่นั่นก็เสี่ยงกับการผลักดันให้นักดาบผู้ปราดเปรื่องผู้นี้หนีหายไปจากสำนัก
ส่วนจางเซวียนก็ตาโตเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสไป๋เย่ “ใช่แล้วล่ะ อันที่จริงผมไม่ได้มีความสนใจในศิลปะเพลงดาบเท่าไหร่…ไม่ได้จะหยาบคายนะ แต่ความชอบที่แท้จริงของผมอยู่ในวิถีทางของกระบี่!”
“ผู้อาวุโสที่ 3, ผมไม่กล้าโกหกคุณหรอก มันคือความปรารถนาจากใจจริงของผมที่จะได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงกระบี่ วิถีทางของเพลงกระบี่ที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางด้วยพละกำลังมหาศาลของมัน…ผมพบว่ามันเหมาะสมกับบุคลิกและสภาวะจิตของผม…” เห็นความแคลงใจในสายตาของอีกฝ่าย จางเซวียนเสริมด้วยสีหน้าที่ดูจริงใจสุดขีด
ดาบอันว่องไวและกระบี่อันทรงพลัง; เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไปว่าไม่มีทางที่นักรบคนไหนจะเชี่ยวชาญในศิลปะการใช้อาวุธพร้อมกันทั้ง 2 ชนิดได้
ในเมื่ออีกฝ่ายจงใจจะให้เขาร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบ ก็ไม่มีข้อแก้ตัวไหนจะดีไปกว่าการกล่าวอ้างว่าความปรารถนาที่แท้จริงของเขาอยู่ในวิถีทางของเพลงกระบี่ และเขาก็ไม่ใช่ศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินด้วย จึงไม่ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎของสำนัก
ขอแค่เขาแสดงให้ผู้อาวุโสไป๋เย่ได้เห็นว่าตัวเขามีทักษะในวิถีทางของเพลงกระบี่ ก็น่าจะโน้มน้าวใจให้อีกฝ่ายล้มเลิกการจะรับเขาเป็นศิษย์ได้สำเร็จ
“แค่ก แค่ก! ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คุณจะช่วยสำแดงศิลปะเพลงกระบี่ของคุณหน่อยได้ไหม? ผมสนใจและอยากรู้ว่าคุณพัฒนาวิถีทางของเพลงกระบี่ไปได้ถึงไหนแล้ว” ผู้อาวุโสไป๋เย่สูดหายใจลึกอีกครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะตั้งคำถาม
ผมรู้ดีว่านักรบผู้ไร้เทียมทานระดับคุณย่อมไม่อยากเป็นศิษย์ของผมแน่ แต่มีข้อแก้ตัวตั้งมากมาย คุณกลับเลือกจะบอกผมว่าคุณปรารถนาร่ำเรียนวิถีทางของเพลงกระบี่แทนอย่างนั้นหรือ?
ก็ได้! ขอผมดูหน่อยว่าคุณทำอะไรได้บ้าง?
แต่ถ้าผมจับร่องรอยของเจตจำนงเพลงดาบในศิลปะเพลงกระบี่ของคุณได้ล่ะก็ มาดูกันว่าหลังจากนั้นคุณจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร!
พูดกันตามตรง เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรมากมายหากจางเซวียนจะปฏิเสธเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่ด้วยการลงทุนจัดฉากแสดงละครครั้งแล้วครั้งเล่าและใช้ข้อแก้ตัวเหลวไหลมาพล่ามใส่เขา…ก็คงจะเป็นการพูดโกหกหากจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกหงุดหงิด
“ผมเกรงว่าตอนนี้ผมจะไม่มีกระบี่อยู่กับตัว…”
“ไม่ต้องห่วง ผมมีเล่มหนึ่ง”
จางเซวียนกำลังจะโบกมือปฏิเสธผู้อาวุโสไป๋เย่ ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายชักกระบี่ออกมา
แม้ผู้อาวุโสไป๋เย่จะมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในศิลปะเพลงดาบ แต่เขาก็มีอาวุธชนิดอื่นๆติดตัวอยู่บ้าง มันคือส่วนหนึ่งของการฝึกฝนศิลปะเพลงดาบเช่นกัน
วิธีการที่ใช้ได้ผลในการทำความเข้าใจพละกำลังและขีดจำกัดของศิลปะเพลงดาบของตัวเองก็คือทดลองใช้อาวุธชนิดอื่นๆด้วย โดยเมื่อได้เผชิญหน้ากับอานุภาพของอาวุธชนิดอื่นๆ ผู้นั้นก็จะได้พบหนทางที่แตกต่างออกไปในการสำแดงศิลปะเพลงดาบของตัวเอง
สิ่งนี้เหมือนกับการที่เก้าดาบของตู๋กูสามารถทำให้กระบี่ แส้ ลูกธนู และฝ่ามือยอมจำนนได้…
“…อย่างนั้นก็ได้!”
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือก จางเซวียนรับกระบี่มาและกวัดแกว่งมันเบาๆ เจตจำนงเพลงกระบี่อันทรงพลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา ทำให้เขากลายเป็นกระบี่ที่ทรงพลังอย่างไม่มีใครเทียบ สามารถสร้างบาดแผลให้เกิดขึ้นได้แม้แต่กับสวรรค์ที่อยู่เบื้องบน
ผู้อาวุโสไป๋เย่กับไป๋เฟิงหรี่ตา ถึงกับพูดไม่ออก
ในชั่วพริบตานั้น ทั้งคู่รู้สึกว่าเจตจำนงเพลงดาบในร่างกายของพวกเขาถูกเจตจำนงเพลงกระบี่ของอีกฝ่ายกดข่มเสียจนทำไม่ได้แม้แต่จะโงหัว!
พุดอีกอย่างก็คือ…เจตจำนงเพลงกระบี่ของจางเซวียนทั้งบริสุทธิ์และทรงพลังกว่าเจตจำนงเพลงดาบของพวกเขามาก!
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาน่าจะเป็นผู้ที่ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่เจตจำนงเพลงกระบี่ของเขาจะไร้เทียมทานขนาดนี้?
ดูเหมือนความพากเพียรฝึกฝนวรยุทธเนิ่นนานหลายปีของทั้งคู่จะสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง…
ส่วนจางเซวียนก็ประเมินอาการตกตะลึงของสองผู้อาวุโสอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ เท่าที่เห็น ดูเหมือนเขาจะโน้มน้าวใจผู้อาวุโสไป๋เย่ได้สำเร็จ
“อย่างที่บอกไว้ ความเชี่ยวชาญที่แท้จริงของผมอยู่ที่ศิลปะเพลงกระบี่ ไม่ใช่ศิลปะเพลงดาบ…” จางเซวียนพูดขณะกวัดแกว่งกระบี่อีกครั้งและถอนเจตจำนงเพลงกระบี่ของเขากลับ
เขาลงทุนทำขนาดนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสไป๋เย่!
“คุณมีทักษะเก่งกาจในศิลปะเพลงกระบี่จริงๆ…” ผู้อาวุโสไป๋เย่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเขาไปไม่เป็นแล้ว จึงตัดสินใจพูดความจริง “บอกคุณตามตรงนะ เหตุผลที่ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อรับคุณเป็นศิษย์ของผม แต่มาเพื่อยืนยันตัวตนของคุณให้แน่ใจและนำตัวคุณไปที่สภาผู้อาวุโส!”
“ยืนยันตัวตนของผม?” จางเซวียนใจหายวาบ แต่รีบกลบเกลื่อนไว้ด้วยสีหน้าที่ดูงุนงง “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณคือผมน่ะถ่อมตัวและผมน่ะหล่อมาก ถูกไหม?” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งคำถาม
“ฮะ? ขอโทษทีเถอะ แต่ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าคุณพูดอะไร” จางเซวียนตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่ยังรักษาสีหน้าเรียบเฉยและงุนงงไว้ได้ “ไอ้ที่ว่าถ่อมตัวและหล่อมากน่ะ หมายความว่าอย่างไร?”
“คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเรื่องนี้แล้วล่ะ ผมรู้จักหลานสาวของผมดี เธอไม่เคยมีความอดทนในเรื่องไหนๆและมีนิสัยหุนหันพลันแล่น ทั้งยังไม่เคยเอาจริงเอาจังในการร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบด้วย…ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่อยู่แค่ระดับนี้หรอกทั้งที่ฝึกฝนมาก็เนิ่นนานหลายปีแล้ว แต่เพียงชั่วเวลาไม่นานหลังจากที่เธอได้พบคุณ ก็มีพละกำลังสูงส่งจนสามารถเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดได้ นอกเสียจากผมน่ะถ่อมตัว…อัจฉริยะที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครอื่นในโลกนี้ที่สร้างวีรกรรมแบบนี้ได้!” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูด
“ผม…”
อาการตื่นตระหนกของจางเซวียนเปลี่ยนเป็นความอับอาย ก่อนในที่สุดจะกลายเป็นความโกรธเกรี้ยว
บ้าสิ้นดี!
ถ้าคุณรู้ตัวตนของผมตั้งแต่แรกแบบนี้ แค่พูดออกมาก็พอไหม?
คุณทำให้ผมต้องลงทุนจัดฉากเล่นละครและสำแดงศิลปะเพลงกระบี่ของผมออกมา เห็นผมเป็นลิงที่ใช้แสดงละครลิงเพื่อความบันเทิงหรือไง?
เพื่อบรรเทาความหงุดหงิดของจางเซวียน ผู้อาวุโสไป๋เย่รีบเสริม “ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อคุณนะ ถ้าผมคิดอย่างนั้นล่ะก็ คงเล่นงานคุณไปแล้ว ถึงคุณจะสามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้ แต่ตอนนี้ระดับวรยุทธของคุณก็เป็นแค่นักรบเสมือนอมตะระดับล่างเท่านั้น ผมไม่ได้จะหยาบคาย…แต่ด้วยวรยุทธของคุณในเวลานี้น่ะ คุณทำอันตรายผมไม่ได้หรอก”
ผู้อาวุโสไป๋เย่ไม่รู้ว่าจางเซวียนใช้วิธีไหนถึงฝ่าด่านวรยุทธได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่การที่อีกฝ่ายเข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดได้ก็หมายความว่าเขาได้ยกระดับวรยุทธขึ้นเป็นนักรบเสมือนอมตะระดับล่างแล้ว
“ก็ได้ ผมยอมรับ!” จางเซวียนถอนหายใจอย่างรำคาญ สลัดทีท่านอบน้อมจนเกินพอดีออกไปหมดสิ้น
เขารู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นระดับวรยุทธที่แท้จริงของเขา แต่ก็ไม่ได้คิดจะแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง จางเซวียนไม่อยากทำอะไรลงไปจนกว่าจะรู้แน่นอนว่าผู้อาวุโสไป๋เย่กับสำนักดาบเมฆเหินมีเจตนาอย่างไร
หากเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนในฐานะผมน่ะถ่อมตัว แต่เพราะรู้สึกได้ถึงความมั่นอกมั่นใจของผู้อาวุโสไป๋เย่ อีกฝ่ายพูดแบบนี้ออกมาไม่ใช่เพียงเพราะจะหยั่งเชิงเขา
ในเมื่อเขาถูกเปิดโปงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริงอีกต่อไป ยอมรับมันเสียตามตรงจะดีกว่า อีกอย่าง สิ่งที่ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดก็มีส่วนจริง ตอนนี้เขาไม่รู้ว่านักรบอมตะขั้นสูงมีประสิทธิภาพการต่อสู้แค่ไหน แต่ด้วยวรยุทธขั้นเสมือนอมตะสรวงสวรรค์ ดูเหมือนเขาจะยังไม่มีโอกาสเอาชนะผู้อาวุโสไป๋เย่ได้ในตอนนี้ และสำหรับเวลานี้ ก็ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสไป๋เย่ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขา
“ใช่จริงๆ…” เห็นจางเซวียนยอมรับ ผู้อาวุโสไป๋เย่กำหมัดแน่น
ถึงเขาจะมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเอง แต่ก็อดใจเต้นตึกตักไม่ได้เมื่อรู้เรื่อง
ชายผู้สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว…
นับตั้งแต่สำนักดาบเมฆเหินก่อตั้งขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน นอกจากผู้ก่อตั้ง ก็ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าถึงเจตจำนงเพลงดาบระดับสูงขนาดนี้ได้!
“คุณเต็มใจจะไปที่สภาผู้อาวุโสกับผมไหม? ในฐานะผู้ที่ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ การปรากฏตัวของคุณจะมีความสำคัญอย่างยิ่งใหญ่ต่อสำนักดาบของเรา ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ มีโอกาสสูงที่คุณจะได้เป็นเจ้าสำนักของเราในอนาคตอันใกล้นี้!” ผู้อาวุโสไป๋เย่ประสานมือและพูดอย่างนอบน้อม
วิธีการเลือกเจ้าสำนักสำนักดาบเมฆเหินนั้นเรียบง่ายมาก ทุกอย่างจะถูกตัดสินกันที่ความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบ
ในฐานะผู้ที่ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ ขอแค่จางเซวียนยกระดับวรยุทธได้ถึงขั้น ไม่ช้าไม่นานเขาก็จะได้เป็นเจ้าสำนัก