อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2028 ตลกสิ้นดี!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2028 ตลกสิ้นดี!
น่าประหลาดใจที่แม้ทั้งคู่จะสังหารนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ไปถึง 3 คนแล้ว แต่ชายเสื้อคลุมสีดำที่เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์จากหอเทพเจ้าก็ยังไม่แสดงอาการว่าจะเข้าขัดขวาง เขายิ้มน้อยๆแล้วพูดว่า “คุณเป็นคนพิเศษจริงๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็วางแผนสังหารสมาชิก 3 คนของหอเทพเจ้าได้สำเร็จ ไม่แปลกใจแล้วที่หัวหน้าต้องการให้พวกเราจับคุณเป็นๆ”
จากนั้น นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ก็ย่างสามขุมเข้าหาจางเซวียน
“จับผมเป็นๆ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาเองก็สงสัยอยู่ว่าทำไมชายเสื้อคลุมสีดำพวกนั้นถึงไม่ชักอาวุธออกมาตั้งแต่แรก กลับกลายเป็นว่าพวกนั้นเกรงว่าจะพลั้งมือสังหารเขา แต่ลงท้ายก็รู้แล้วว่าไม่มีทางเอาชนะเขาได้หากปราศจากอาวุธในมือ
แน่นอนว่าแม้จะถูกบีบให้จนมุมแล้ว พวกเขาก็ยังไม่ระเบิดพลังจากวรยุทธหรืออะไรทำนองนั้นออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นเกรงว่าจะพลั้งมือทำอะไรรุนแรงเกินไป
“ใช่แล้ว” นักรบอมตะขั้นสูงสวรรค์ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “มันคือบททดสอบของพวกเขาสำหรับการจับตัวคุณเป็นๆ ซึ่งผมคิดว่าพวกนั้นจะทำได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือของผม บอกได้เลยว่าความแข็งแกร่งของคุณเหนือกว่าที่ผมคาดไว้มาก ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น คุณก็จะได้รับเกียรติให้เผชิญหน้ากับผม!”
“ต้องผ่านผมไปก่อนถ้าคิดจะเล่นงานเขา!” ผู้อาวุโสโฉวหั่วถลันเข้าขวางและคำราม
แม้จะไม่มีดาบในมือ แต่เจตจำนงเพลงดาบที่โอบล้อมร่างของเขาอยู่ก็หนักหน่วงจนดูเหมือนจะพุ่งทะลุผ่านมิติลี้ลับได้
“ผมได้ยินมานานแล้วว่าคนของหอเทพเจ้าล้วนเป็นนักรบผู้ไร้เทียมทาน จึงอยากพิสูจน์เรื่องร่ำลือเหล่านั้นให้เห็นกับตา”
“คุณน่ะหรือ?” นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ส่ายหน้าและหัวเราะหึๆ ราวกับจะเยาะเย้ยไอ้โง่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
เขากระดิกนิ้วเบาๆ
ฟึ่บ!
ร่างของผู้อาวุโสโฉวหั่วลอยขึ้นสู่กลางอากาศ เลือดพุ่งออกจากปาก ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้
นัยน์ตาของผู้อาวุโสโฉวหั่วเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง
ตอนที่เขาพบว่านักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ทั้งสองคนสู้กับเขาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ก็รู้แล้วว่า ชายผู้นี้จะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดนี้
สามารถสกัดกั้นพลังงานในร่างของเขาไว้ได้ทั้งหมดภายในกระบวนท่าเดียว ไม่เปิดช่องให้เขาถอยได้เลย…
“ดูเหมือนคุณก็ไม่เหลาเหย่เสียทีเดียวนะ” นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คำรามเยาะ
นับตั้งแต่วินาทีที่อีกฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหวจนกระทั่งพูดจบ ก็ไม่มีการหยุดชะงักเลย หรือพูดอีกอย่างก็คือ แม้เขาจะเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักดาบเมฆเหิน แต่ก็ไม่มีเวลาแม้จะได้สูดหายใจสักเฮือกก่อนจะถูกตรึงให้ไร้เรี่ยวแรงอยู่กลางอากาศ
ไม่แปลกใจแล้วที่ชายเสื้อคลุมสีดำไม่ยอมเคลื่อนไหวแม้นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ทั้ง 3 จะถูกสังหารไปก่อนหน้านี้ เพราะด้วยพละกำลังของอีกฝ่าย เขาไม่จำเป็นต้องผนึกกำลังกับใคร!
ขณะที่ตรึงร่างของผู้อาวุโสโฉวหั่วไว้ด้วยนิ้วเดียว นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ก็หันไปถามจางเซวียนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณจะมากับผม หรือจะรอให้ผมลงมือ?”
ด้วยระดับพละกำลังของเขา เขาไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำรุนแรงเกรี้ยวกราด ไม่มีอะไรที่จะเสียงดังไปกว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริง!
แทนการตอบคำถามของอีกฝ่าย จางเซวียนจ้องหน้าชายเสื้อคลุมสีดำและถามว่า “ทำไมหัวหน้าของคุณถึงอยากจับผมเป็นๆ? เพราะผมทำความเข้าใจเจตจำนงของเทพเจ้าได้สำเร็จใช่ไหม?”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณจำเป็นต้องรู้” นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ผมก็คิดว่าคุณคงไม่บอกอะไรอยู่แล้ว…” จางเซวียนส่ายหน้าและถอนหายใจ “บอกตามตรงนะ ดูเหมือนคุณจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอในมิติเบื้องบนนอกเสียจากเจ้าสำนักหาน แต่คุณเทียบชั้นกับผมไม่ได้หรอก แค่ใช้ความคิดแวบเดียว ผมก็เล่นงานคุณได้แล้ว”
“ผมเทียบชั้นกับคุณไม่ได้?” นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์หัวเราะลั่น “คุณจะลองไหมล่ะ?”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ทรงพลัง อันที่จริง ชายหนุ่มน่าจะเอาชนะนักรบทุกคนในหอเทพเจ้าที่มีวรยุทธขั้นเดียวกันกับตัวเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่โชคร้ายที่วรยุทธของชายหนุ่มยังอ่อนด้อยไปหน่อย ถือว่ากระดูกคนละเบอร์
แถมยังกล้าอวดอ้างว่าตัวเขาเทียบชั้นกับตัวเองไม่ได้…
ตลกสิ้นดี!
ผู้อาวุโสโฉวหั่วที่ถูกตรึงไว้ก็พูดไม่ออกกับถ้อยคำเหลวไหลของจางเซวียน
น้องชาย…นี่มันความเป็นความตายนะ คุณจะช่วยจริงจังและหยุดโม้ก่อนได้ไหม?
ถ้าไอ้การโม้จะช่วยให้เอาชนะเขาได้ ผมคงโม้ไปนานแล้ว ไม่เห็นหรือไงว่าผมถูกตรึงไว้ตรงนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันโม้จบ?
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าคุณไม่เชื่อผม เราท้าพนันกันไหม?” จางเซวียนย้อนถาม
นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์หัวเราะหึๆและดูจะเกิดความสนใจขึ้นมา เขาตั้งคำถามโดยเอาสองมือไพล่หลังไว้ “คุณจะเดิมพันด้วยอะไร?”
ด้วยความแข็งแกร่งในระดับเขา เขาไม่เกรงกลัวความพยายามในการจัดฉากใดๆของจางเซวียนทั้งนั้น
“ง่ายนิดเดียว ผมอยากให้คุณยืนนิ่งอยู่กับที่ ห้ามเคลื่อนไหว ถ้าคุณต้านทานการโจมตีของผมได้ ผมจะไปกับคุณโดยไม่อิดออด แต่ถ้าไม่…ก็เกรงว่าคงต้องเป็นจุดจบของคุณแล้วล่ะ” จางเซวียนตอบ
“คุณกำลังท้าทายผมให้ต้านทานการโจมตีของคุณ?” นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์เลิกคิ้ว “คุณมีอาวุธระดับกึ่งสรวงสวรรค์อยู่กับตัวหรือ?”
การที่อีกฝ่ายกล้าท้าพนันแบบนี้บ่งบอกชัดว่าเขามีไม้ตายบางอย่างซ่อนอยู่ เป็นไปได้ว่าอาจเป็นอาวุธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์
แต่ต่อให้มีอาวุธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่ในมือ ก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้ง่ายดายขนาดนั้น
“มันไม่ใช่อาวุธ แต่เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ถ้าคุณต้านทานน้ำหนักของหนังสือของผมได้ ผมจะยอมทำทุกอย่างที่คุณอยากให้ทำ แต่ถ้าไม่…ก็อย่าต่อว่ากันนะที่ผมไม่ออมมือให้คุณ” จางเซวียนตอบ
“หนังสือ?” นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์หัวเราะลั่น “คุณล้อผมเล่นแน่ๆ คิดจริงๆหรือว่าหนังสือเล่มหนึ่งจะฆ่าผมได้?”
“พนันกับผมสิ แล้วเราจะได้เห็นกัน” จางเซวียนพูด “เพราะต่อให้คุณปฏิเสธไม่รับคำท้าและใช้กำลังพาตัวผมไป ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพียงแต่มันออกจะดูเลวร้ายอยู่สักหน่อยที่นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์จากหอเทพเจ้าจะหวาดกลัวผมที่เป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงระดับล่าง เท่าที่เห็น ดูเหมือนหอเทพเจ้าจะไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่!”
“อมตะตัวจริงระดับล่าง?”
ได้ยินคำนั้น ผู้อาวุโสโฉวหั่วที่ถูกตรึงอยู่กลางอากาศรีบพิจารณาจางเซวียนอย่างถี่ถ้วน ตอนนั้นเองที่เขาพบว่าระดับวรยุทธของอีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงไป
เรื่องนี้ทำให้เขาจังงัง
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ส่งผลให้ตัวเขาตกอยู่ในอันตรายเสียจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น นึกไม่ถึงเลยว่าจางเซวียนจะฝ่าด่านวรยุทธได้ในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่ออกจากสำนักดาบเมฆเหิน
ถ้าข้อมูลที่พวกเขาได้มาเป็นเรื่องจริง ตอนที่จางเซวียนเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินเป็นครั้งแรก เขาน่าจะเป็นนักรบผู้ทำลายล้างมิติขั้นต้น แต่เพียงวันกว่าๆ วรยุทธของอีกฝ่ายก็พุ่งพรวดไปเป็นนักรบอมตะตัวจริงระดับล่างแล้ว
แต่…น้องชาย ไม่ว่าผมจะมองคุณอย่างไร ดูเหมือนสิ่งเดียวที่คุณสนใจก็คือการสร้างปัญหา หลังจากก่อความยุ่งยากเรื่องราวเรื่องเล่า คุณเอาเวลาที่ไหนไปฝึกฝนวรยุทธ?
เพียงแค่หายใจ ระดับวรยุทธของคุณก็เพิ่มสูงขึ้นแล้วใช่ไหม?
ที่สำคัญกว่านั้น คุณหมายความว่าอย่างไรที่ว่าจะสังหารอีกฝ่ายด้วยหนังสือเล่มหนึ่ง?
พูดจริงหรือเปล่า?
ผู้อาวุโสโฉวหั่วมีชีวิตมายาวนานกว่า 200 ปี อ่านหนังสือมาแล้วหลายแสนเล่ม แต่ก็ไม่เคยเห็นหนังสือเล่มไหนที่ฆ่าคนได้!
“มายั่วโมโหผมน่ะไม่มีประโยชน์หรอก” ชายเสื้อคลุมสีดำที่เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ตอบอย่างไม่แยแส
“ผมรู้ว่าคนทรงพลังอย่างคุณไม่ตกหลุมพรางการยั่วยุของผมแน่ แต่คุณก็ไม่ควรดูถูกความตั้งใจของผมนะ ถ้าไม่ตอบตกลงล่ะก็ ผมยอมจบชีวิตเสียตรงนี้ดีกว่าที่จะไปกับคุณ” จางเซวียนตอบ
“จบชีวิตของคุณ?” นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์หัวเราะลั่น “คุณคิดจริงๆหรือว่าอยู่ต่อหน้าผมแล้วจะมีโอกาสทำแบบนั้น?”
“ดูเหมือนคุณจะถูกความหยิ่งผยองปิดหูปิดตาเสียหมด” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มให้ “ดาบระดับอมตะขั้นสูงพวกนั้นหายไปก่อนที่คุณจะทันรู้ตัวเสียอีก ไม่ใช่หรือ?”
คำพูดนั้นทำให้ชายเสื้อคลุมสีดำหรี่ตาด้วยความตกตะลึง
ก็จริง ด้วยพละกำลังของเขา เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดกับจางเซวียนเลย เขาสามารถจับตัวจางเซวียนและลากอีกฝ่ายไปที่หอเทพเจ้าได้อย่างง่ายดาย แต่เหตุผลที่เขาต้องลงทุนทำขนาดนี้ก็เพราะอาวุธระดับอมตะขั้นสูงเหล่านั้นหายไปอย่างประหลาดพิสดาร!
แม้เขาจะเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ตลอด แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดว่าน่าจะมีพลังที่แข็งแกร่งบางอย่างก่อตัวอยู่ในพื้นที่นี้ และเขาก็ทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปกับการเฝ้าระวังมัน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขามองลูกน้องของตัวเองถูกสังหารต่อหน้าต่อตาได้โดยไม่ยอมเคลื่อนไหว เพราะเกรงว่าหากเปิดเผยจุดอ่อนไป พลังนั้นอาจสังหารเขาได้ในชั่วพริบตา
นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์คำราม “ผมพนันกับคุณก็ได้ แต่คุณใช้ได้เฉพาะพละกำลังของคุณเองเท่านั้นนะ ถ้ามีใครเข้ามายุ่งเกี่ยวล่ะก็ ผมไม่รับประกันว่าผมจะรักษาคำพูด”
เขาเฝ้าดูการต่อสู้ของชายหนุ่มมาตลอด ซึ่งไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีไม้ตายแบบไหน ก็ไม่มีทางสังหารเขาได้ สิ่งเดียวที่เขากังวลก็คือ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ที่ทำให้ดาบทั้งหมดหายวับไป
ขอแค่ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ นั่นไม่ปรากฏตัว ก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น
แต่ก็แน่นอนว่าต่อให้ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ปรากฏตัวจริงๆ อีกฝ่ายก็ไม่น่าเทียบชั้นกับเขาได้ ในมิติแห่งนี้ เขาคือผู้ควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เว้นเสียแต่วรยุทธของอีกฝ่ายจะเข้าถึงขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ก็ไม่มีใครเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน
อันที่จริง เขาแทบไม่กังวลอะไร ต่อให้เจ้าสำนักดาบเมฆเหินมาปรากฏตัวตอนนี้ก็ตาม
“ผมไม่มีปัญหา” จางเซวียนพยักหน้า
แน่นอนว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำก็คือใช้ประสิทธิภาพของหน้าหนังสือสีทอง
เหตุผลที่จางเซวียนยอมเสียเวลาพูดอะไรมากมายก็เพราะมิติลี้ลับแห่งนี้ถูกปิดกั้นไว้จากสายตาของสวรรค์ เขาจึงไม่รู้ว่าสิ่งนั้นจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของเขาหรือไม่
อีกอย่าง ด้วยความทรงพลังของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ มีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะมีวิธีเอาตัวรอดมากมาย ถ้าอีกฝ่ายรับรู้ถึงพละกำลังมหาศาลของหน้าหนังสือสีทองล่วงหน้าแล้วหลบหนีไปเสียก่อนที่หน้าหนังสือสีทองจะได้เข้าใกล้ จางเซวียนก็อาจต้องลงเอยด้วยการสูญเสียหน้าหนังสือสีทองไปโดยไม่ได้อะไรกลับมา
นั่นเรียกได้ว่าเป็นหายนะ โดยเฉพาะเมื่อเขามีหน้าหนังสือสีทองเพียงหน้าเดียว ตอนนี้จางเซวียนมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสของการประสบความสำเร็จ
ถ้าการสัญญิงสัญญาครั้งนี้สามารถยื้อการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไปได้แม้เสี้ยววินาที ก็คุ้มค่าต่อความพยายามแล้ว!