อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2049 ต้องใช้ร่วมกับยานี้?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2049 ต้องใช้ร่วมกับยานี้?
“คุณคิดว่าผมจะรู้สึกขอบคุณสำหรับของกำนัลชิ้นนี้หรือ? ขอแนะนำให้คุณหยุดฝันกลางวันเสียที ผมไม่มีทางยอมจำนนให้คุณหรอก ยอมตายเสียดีกว่าจะต้องรับใช้มนุษย์!” อสูรหินไฟคำราม
“ทำไมคุณถึงดื้อดึงนักนะ? รู้หรือเปล่าว่าชีวิตของคุณอยู่ในกำมือผม?” เห็นอสูรหินไฟยังคงยืนกราน มู่ชู่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
“ความตายน่ะมีอะไรต้องให้ต้องกลัว? ต่อให้คุณฆ่าผม ผมก็เป็นอสูรหินไฟที่หยิ่งผยองมาถึง 18 ปีแล้ว ถึงจะต้องกลายเป็นผุยผง ผมก็จะไม่มีวันก้มหัวให้มนุษย์…ฆ่าผมเลยถ้าคุณต้องการ!”
จากนั้น อสูรหินไฟก็เบือนหน้าหนีและเงียบกริบ
“คุณ…” มู่ชู่จ้องอสูรหินไฟที่อยู่ตรงหน้า ดาบในมือของเขาสั่นเทา แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าหวั่นไหวแม้แต่น้อย ราวกับจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ปัญหา
เห็นอสูรหินไฟไม่คิดจะยอมจำนนให้ มู่ชู่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา เขาโยนดาบทิ้งและหันหลังกลับเพื่อออกจากห้อง “ผมหมดความอดทนกับความดื้อด้านของคุณแล้ว พรุ่งนี้ผมจะออกจากหอนานาอสูร ก็เชิญคุณตามสบาย…”
แต่ในตอนนั้น เสียงหนึ่งก็ดังกึกก้องอยู่กลางอากาศ
“เหล่าสมาชิกของหอนานาอสูร กรุณาฟังผม ผมมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าผมจะก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้า ซึ่งผู้สืบทอดตำแหน่งของผมคือผู้อาวุโสเจิ้งหยาง…”
“หัวหน้าฉิงสละตำแหน่งหรือ? แต่นั่นแหละ…ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรานี่ ถึงอย่างไรพรุ่งนี้เราก็จะออกจากหอนานาอสูรแล้ว…” มู่ชู่พึมพำอย่างหม่นหมอง
แต่ไม่นานหลังจากนั้น อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ผมได้ทำการปรับเปลี่ยนเทคนิคการฝึกอสูรที่พวกคุณได้ศึกษาก่อนหน้านี้ จึงอยากขอเชิญให้พวกคุณมารวมตัวกันที่ผู้อาวุโสหยิ่ง เพื่อรับการถ่ายทอดเทคนิคฉบับปรับปรุงใหม่ด้วย”
“ปรับเปลี่ยนเทคนิคการฝึกอสูร?” มู่ชู่ชะงักฝีเท้า “พรุ่งนี้เราก็จะไม่ได้เป็นศิษย์สายตรงของหอนานาอสูรแล้ว ก็ควรจะไปดูสักหน่อยตอนที่ยังพอทำได้…”
เขาไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากรับการถ่ายทอดเทคนิคการฝึกอสูรฉบับปรับปรุงใหม่
ครั้งแรกที่มู่ชู่ได้เห็นเทคนิคนั้น ก็ตาโตด้วยความประหลาดใจ อันที่จริงการปรับเปลี่ยนนั้นเรียบง่ายมาก ถึงขนาดที่แก่นสารของมันถูกรวบรัดไว้อย่างงดงามด้วยคำเพียงคำเดียว…
การใช้กำลัง
โดยทั่วไป นักฝึกอสูรจะใช้กำลังก็ต่อเมื่อใช้วิธีอื่นไม่ได้ผล พวกเขาจะพยายามซ้อมอสูรตัวนั้นจนร่อแร่ จากนั้นก็ยื่นข้อเสนอเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่เหมาะสมกับมันเพื่อให้มันสนใจ
“วิธีการซ้อมอสูรแบบนั้นน่ะใช้ไม่ได้ผลหรอก…”
ไม่ช้ามู่ชู่ก็อ่านรายละเอียดจนจบ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ที่หอนานาอสูรมีวิธีการจัดการให้อสูรยอมจำนนด้วยการซ้อมเช่นกัน ซึ่งเขาก็ทดลองแล้ว แต่ไม่มีวิธีไหนได้ผล ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำให้อสูรหินไฟโกรธเกรี้ยวจนแทบจะฆ่าตัวตาย
การใช้กำลังอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือไม่อาจแก้ปัญหาใดๆได้ทั้งนั้น
“เดี๋ยวก่อน เทคนิคการฝึกอสูรแบบใหม่ของหัวหน้าหอนานาอสูรจะต้องใช้ร่วมกับยานี้” ผู้อาวุโสหยิ่งที่ทำหน้าที่แจกจ่ายเทคนิคการฝึกอสูรยื่นขวดหยกใบหนึ่งให้
“ต้องใช้ร่วมกับยานี้?”
มู่ชู่เปิดจุกขวดหยกเพื่อดูสิ่งที่อยู่ภายใน แต่แล้วก็งงหนักกว่าเดิม
มันเป็นแค่ยาฟื้นฟูร่างกายทั่วๆไป แม้แต่จะใช้กับอสูรระดับเซียนขั้น 9 ก็แทบไม่ได้ผล นับประสาอะไรกับอสูรที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ…อสูรระดับนักปราชญ์โบราณคงมองว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยามพวกมัน!
“แค่ลองดูน่ะ” ผู้อาวุโสหยิ่งแนะนำ
มู่ชู่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า ถึงอย่างไรพรุ่งนี้เขาก็จะถูกขับออกจากหอนานาอสูรแล้ว โอกาสไหนที่คว้าได้ก็ควรคว้าไว้ก่อน เขากัดฟันกรอดขณะตัดสินใจ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย!
มู่ชู่กลับไปที่ห้องพร้อมขวดหยกในมือ และเริ่มสำแดงกรรมวิธีการฝึกอสูรแบบอัดให้น่วมที่เพิ่งร่ำเรียนมาจากหนังสือกับอสูรหินไฟ
หลังจากเกิดเสียงโครมครามหลายครั้ง อสูรหินไฟก็นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น มีบาดแผลโชกเลือดทั่วทั้งตัว ดูพร้อมจะตายได้ทุกขณะ
“คุณดูถูกผม ถ้าคุณปล่อยให้ผมยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ผมสาบานเลยว่าจะกลับมาเอาคืนเป็นสิบเท่า!” อสูรหินไฟตวาดก้องด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
นี่มันเกินไป!
“อีกสักดอกเถอะ!” มู่ชู่พึมพำขณะยัดยาเข้าปากอสูรหินไฟ
ในเมื่อเขามาไกลขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องใส่ใจอีก แค่สวดภาวนาว่ามันจะได้ผลก็พอ
“แก ไอ้สารเลว แกเอาอะไรให้ฉันกิน? ฉันจะฆ่าแก…” อสูรหินไฟสาปแช่งอย่างโกรธเกรี้ยว
แต่ขณะที่มู่ชู่คิดว่าทุกอย่างคงจบเห่แล้ว ร่างของอสูรหินไฟก็สั่นสะท้านอย่างหนัก ครู่ต่อมามันก็มองเขาด้วยสีหน้าประหลาด
“นายท่าน ผมคือไฟน้อยแสนรักของคุณ อย่าไปไหนนะ ผมจะเป็นอสูรที่แสนดี…”
“ฮะ?” มู่ชู่ผงะ
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
แต่มู่ชู่ก็รีบทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณ ไม่ช้าเขาก็ส่งโทรจิตหาอสูรหินไฟได้ ด้วยการสื่อสารผ่านทางโทรจิต เขาสามารถทำได้แม้แต่สังหารมันด้วยการใช้ความคิดแวบเดียว
ทั้งที่ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว แต่เขาก็ยังสงสัย เขาพยายามทำให้อสูรหินไฟยอมจำนนมาแสนนาน ซึ่งก็ไม่เคยสำเร็จ แต่ทันทีที่ทำตามคำแนะนำของหัวหน้าคนใหม่ ก็ทำได้ภายในเวลาเพียง 10 นาที…
อะไรคือแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังเทคนิคการฝึกอสูรแบบนี้?
แต่ไม่ว่าแนวคิดนั้นจะเป็นอะไร การที่มันใช้ได้ผลก็เกินพอที่จะบ่งบอกถึงความมีประสิทธิภาพของมันแล้ว
ดูเหมือนหัวหน้าคนใหม่จะเก่งกาจไม่เบา! มู่ชู่คิด เขาอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงความขมขื่นใจที่เกาะกุมตัวเขามานาน
พลั่ก! มู่ชู่เข่าอ่อน
ยังไม่ทันจะรู้ตัว น้ำตาก็ไหลอาบแก้ม
เขาสาบานว่านับจากวันนี้ไปจะขอรับใช้หัวหน้าคนใหม่ด้วยหัวใจ จะไม่มีวันตั้งคำถามกับคำสั่งของอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาด
ภาพนี้เกิดขึ้นทั่วทั้งหอนานาอสูร
มีสมาชิกจํานวนหนึ่งที่คิดว่าหัวหน้าคนใหม่เป็นแค่นักฝึกอสูรที่เก่งกาจอีกคน ซึ่งการสถาปนาเขาขึ้นมาก็ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างอะไรกับหอนานาอสูร แต่ความคิดนั้นก็หายไปโดยเร็ว
ด้วยปาฏิหาริย์ของกรรมวิธีการฝึกอสูรแบบอัดให้น่วม เหล่าสมาชิกของหอนานาอสูรเริ่มเข้าใจว่าทำไมหัวหน้าฉิงถึงเลือกสละตำแหน่งให้หัวหน้าเจิ้งอย่างกะทันหัน
ภายใต้การนำของผู้ที่มีความสามารถ หอนานาอสูรจะต้องแข็งแกร่งกว่าเดิมแน่!
เรายังคงเสียใจกับผลที่ออกมา แต่ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่ายังห่างไกลนักหากจะเทียบชั้นกับเขา ถือเป็นพรจากสวรรค์แล้วที่หอนานาอสูรได้หัวหน้าเจิ้งมาเป็นหัวหน้า…ผู้อาวุโสหยวนคิดอย่างตื่นเต้น
ถ้าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง เขาก็มีโอกาสจะได้เป็นหัวหน้าหอนานาอสูรคนต่อไป ด้วยเหตุนี้ จึงอดรู้สึกเสียใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายมาฉกฉวยในสิ่งที่ควรจะตกเป็นของเขา
แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วทั้งหอนานาอสูร ความรู้สึกแบบนั้นก็หายไปหมด
รากฐานของหอนานาอสูรคือความเก่งกาจเหนือชั้นในทักษะการฝึกอสูร ดังนั้น วิธีที่มั่นคงและได้ผลที่สุดในการพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้าก็คือเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญในการฝึกอสูรให้มากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือเหตุผลที่หัวหน้าหอนานาอสูรรุ่นแล้วรุ่นเล่าได้รับเลือกโดยพิจารณาจากความเชี่ยวชาญด้านการฝึกอสูรของพวกเขา
ผู้อาวุโสหยวนรู้ดีว่าเขาไม่มีทางทำแบบที่เจิ้งหยางทำได้ ถึงอย่างไร ก็โชคดีแล้วที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแบบนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า มาดูกันว่าต่อไปหานเจี้ยนชิวจะกล้าคุยโวโอ้อวดต่อหน้าผมอีกไหม หอนานาอสูรของเรา ก็มีอัจฉริยะเหมือนกัน!” ผู้อาวุโสฉิงหย่วนอุทานอย่างตื่นเต้น
เมื่อ 2-3 วันก่อนนี้เองที่หานเจี้ยนชิวประกาศว่าที่สำนักดาบเมฆเหินมีอัจฉริยะผู้หนึ่งที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ พูดกันตามตรง เขารู้สึกอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนั้น แต่ตอนนี้ หอนานาอสูรก็ได้พบอัจฉริยะที่มีความสามารถทัดเทียมกันแล้ว…
หานเจี้ยนชิวจะคุยโวโอ้อวดไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว!
“หลังจากที่หัวหน้าของเราปฏิบัติภารกิจต่างๆของเขาที่ทะเลพลัดดาวเสร็จเรียบร้อย ผมจะจัดการพบปะระหว่างตัวเขากับเจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนใหม่ เจ้าสำนักดาบเมฆเหินผู้นั้นไร้เทียมทานถึงขนาดเอาชนะนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้ทั้งที่ตัวเขาเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริง แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะรับมือกับการตีวงล้อมของสี่อสูรอมตะพร้อมๆกันได้อย่างหัวหน้าเจิ้ง!” ผู้อาวุโสฉิงหย่วนหัวเราะลั่น
นับตั้งแต่วันนั้น หานเจี้ยนชิวก็คุยโม้เรื่องอัจฉริยะในสำนักของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่ต่างอะไรกับปู่ที่เห่อหลานชาย
แต่ไม่ว่าอัจฉริยะคนนั้นจะทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีทางรับมือกับการผนึกกำลังโจมตีของมังกรอสรพิษกับพรรคพวกได้อย่างแน่นอน
แถมตัวหัวหน้าเจิ้งหยางเองก็เป็นนักรบผู้ทรงพลังด้วย เขาแข็งแกร่งถึงขนาดรับมือกับอสูรอมตะขั้นสูงได้ทั้งที่ตัวเองเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์
พูดกันตามตรง เขาเคยสงสัยว่าเจิ้งหยางกับจางเซวียนอาจเป็นคนเดียวกัน แต่ด้วยอายุที่แตกต่าง รวมถึงชื่อแซ่และรูปร่างหน้าตา ก็แน่ใจได้เลยว่าทั้งคู่เป็นคนละคน
ทวีปที่ถูกลืมนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต จึงไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อที่จะได้พบอัจฉริยะผู้มีความปราดเปรื่องอย่างน่าทึ่งถึง 2 คนในเวลาไล่เลี่ยกัน
คอยดูเถอะ หานเจี้ยนชิว! มาดูกันว่าจางเซวียนของคุณจะเก่งกาจกว่า หรือเจิ้งหยางของเราจะแข็งแกร่งกว่า!
…..
ในวันที่ 2 หลังจากมาถึงหอนานาอสูร จางเซวียนก็เข้าพบผู้อาวุโสฉิงหย่วนด้วยสีหน้าที่ออกจะเหนื่อยอ่อน
เขาใช้เวลาทั้งวันก่อนหน้านี้ประมวลความเข้าใจเรื่องการฝึกอสูรของเขาเป็นหนังสือมากมายที่ถูกแจกจ่ายไปทั่ว ในเวลาเดียวกัน ก็ได้เข้าสู่หอสมุดของผู้อาวุโสด้วย
เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ที่นี่มีหนังสือเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงในจำนวนไม่มากพอที่จะประมวลเป็นเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับสมบูรณ์ แต่ก็ช่วยให้เขามีความเข้าใจในวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงที่ล้ำลึกขึ้นอีกมาก
“หัวหน้าเจิ้ง คุณคิดจะออกเดินทางตอนนี้หรือ?” ผู้อาวุโสฉิงเอ่ยปากถาม
“ใช่ ผมมีเรื่องด่วนต้องจัดการ เกรงว่าจะรอช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว” จางเซวียนตอบพร้อมกับพยักหน้า
“ผมเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นให้ผมเดินทางไปกับคุณนะ” ผู้อาวุโสฉิงพูด
“ไม่ต้องหรอก มีมังกรอสรพิษกับพรรคพวกไปด้วย ผมก็เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าโจมตีผม” จางเซวียนตบกระสอบอสูรที่ห้อยอยู่ที่เอวพร้อมกับยิ้มออกมา
หลังจากได้เป็นหัวหน้าหอนานาอสูร เขาก็ได้รับกระสอบอสูรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง กระสอบอสูรของเขามีขนาดใหญ่กว่าธรรมดา ทำให้เก็บทั้งสี่อสูรอมตะได้โดยไม่แออัดยัดเยียด
ผู้อาวุโสฉิงใคร่ครวญคำพูดของจางเซวียนครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
อีกฝ่ายพูดถูก มีสี่อสูรอมตะคอยปกป้อง คงไม่มีใครกล้าทำร้ายเขาแน่
อีกอย่าง ตัวตนของเจิ้งหยางยังถูกเก็บเป็นความลับ และผู้อาวุโสคนอื่นๆที่รู้เรื่องนี้ก็ถูกกำชับไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ต่อให้เขาออกเดินทางตอนนี้ คนอื่นๆก็คงคิดว่าเขาเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่น่าจะมีใครสงสัยว่าชายวัยกลางคนผู้นี้คือหัวหน้าคนใหม่ของหอนานาอสูร