อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2061 หมอนี่พูดจริงๆหรือเปล่า?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2061 หมอนี่พูดจริงๆหรือเปล่า?
ทุกวันนี้การให้บริการสำคัญยิ่งกว่าตัวผลิตภัณฑ์เสียอีก ในเมื่อเขากำลังจะได้เงินก้อนโต ก็ต้องทำให้อีกฝ่ายแน่ใจว่าจะได้รื่นรมย์กับกระบวนการทั้งหมด
“มีไม่มากนัก?” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกัดฟันกรอดด้วยความโมโห
คุณกำลังบอกผมว่าถึงผมจะแข็งแกร่ง แต่คุณก็มีหลากหลายวิธีการที่จะเอาชนะผมใช่ไหม? ก็ได้…มาดูกันว่าคุณจะทำได้แบบนั้นหรือเปล่า!
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวโมโหจนตัวแทบระเบิด เขากำลังจะพูดต่อ ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายขัดขึ้น
“เอาจริงๆนะ รวมแล้วก็มี 173 ทางเลือก มีแพ็คเกจ ‘ทุบศีรษะ’, แพ็คเกจ ‘ใช้พลังฝ่ามือระเบิดศีรษะ’, แพ็คเกจ ‘กระแสดาบฉีเชือดคอ’, แพ็คเกจ ‘ลูกเตะกระแทกหัวใจ’, แพ็คเกจ…ถ้าวิธีการพวกนี้ยังไม่ดีพอจะทำให้คุณพอใจล่ะก็ ผมขอเสนอบริการทำลายหัวสมองและจิตวิญญาณด้วย ไม่ทราบว่าคุณอยากได้แบบไหน?”
“173 ทางเลือก?” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวแทบกระอักเลือด
ตอนที่อีกฝ่ายพูดว่ามีไม่มาก เขาคิดว่าก็คงน้อยกว่าสิบ แต่ดูเหมือนเขาจะมองโลกในแง่ดีเกินไป
หมอนี่พูดจริงๆหรือเปล่า?
ผู้ที่เอาชนะเขาได้ในการต่อสู้นั้นนับได้เพียงแค่ใช้นิ้วมือจากสองมือ ต่อให้มีวรยุทธระดับเดียวกันก็ตาม แต่หมอนี่กำลังบอกให้เขาเลือกว่าอยากได้วิธีตายแบบไหน?
“ถ้าคุณเก่งขนาดนั้น ทำไมไม่ฆ่าผมเสียเลยล่ะ?”
ถึงตอนนี้ เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวไม่อยากเสียเวลาเจรจากับอีกฝ่าย เขารวบรวมพลังงานเข้าสู่ฝ่ามือและปล่อยมันเข้ากดดันคู่ต่อสู้
นี่คือเทคนิคการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา…หมู่เมฆสายฟ้าฟาด!
การสำแดงเทคนิคนี้ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นราวกับสายฟ้าฟาด นักรบคนไหนก็ตามที่สำเร็จความเชี่ยวชาญในภาพรวมของเทคนิคนี้แล้วจะทำได้แม้แต่ทำลายสายฟ้าฟาดและหมู่เมฆด้วยการปล่อยพลังจากฝ่ามือเพียงครั้งเดียว
เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวไม่ค่อยได้สำแดงพลังฝ่ามือนี้เพราะไม่มีใครในสำนักดาวเจ็ดดวงต้านทานมันได้
แต่เขาทนความโอหังของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจใช้ไม้ตาย
ฟึ่บ!
ฝ่ามือของเขาพุ่งลงมาราวกับภูเขาลูกใหญ่ 2 ลูก ทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง มิติโดยรอบดูจะกลายเป็นน้ำแข็งเพราะแรงกดดันหนักหน่วงนั้น ทำให้ผู้ที่อยู่ในเส้นทางของมันไม่อาจหลบหนีได้
แต่จางเซวียนยืนหัวเราะหึๆ ดูจะไม่สะทกสะท้านกับความยิ่งใหญ่ของพละกำลังนั้น
“คุณอยากถูกฆ่าตอนนี้เลยใช่ไหม? ง่ายนิดเดียว”
แล้วเขาก็เปิดการโจมตี
ฟึ่บ!
ตรงกันข้ามกับกระบวนท่าของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว การโจมตีจากฝ่ามือของจางเซวียนดูจะเหยาะแหยะและอ่อนแอเหมือนสายลมเบาบาง
ยังไม่ทันที่ 2 ฝ่ามือจะปะทะกัน ฝ่ามือของจางเซวียนก็ไปอยู่เหนือศีรษะของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวแล้ว อีกฝ่ายหน้ามืดขณะที่ฝ่ามือนั้นเล่นงานหัวสมองของเขาอย่างจัง
พลั่ก!
ศพร่วงลงกับพื้น
“พิลึกเหลือเกิน ผมยื่นข้อเสนอจะให้บริการเขามากมาย แต่ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือถูกฆ่า รู้สึกว่าเจ้าพวกมาโซคิสต์พวกนี้รออะไรไม่ได้เลย” จางเซวียนพึมพำขณะเดินออกจากสังเวียนประลอง
พูดตามตรง พละกำลังของอีกฝ่ายถือว่าแข็งแกร่งมาก หากไม่ใช้หอสมุดเทียบฟ้า เขาก็ยอมรับว่าคงรู้สึกกดดันไม่น้อย
การเผชิญหน้ากับการลอบสังหารจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญของขอเทพเจ้าหลายครั้งทำให้จางเซวียนมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าเดิมมากในเรื่องการต่อสู้ แม้ไม่ใช้หอสมุดเทียบฟ้า ก็ไม่มีนักรบคนไหนในระดับวรยุทธเดียวกันที่เทียบชั้นกับเขาได้อีก
ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมนี้ที่ทำให้เขากล้าเข้าสู่สังเวียนประลองและเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากมาย
ที่หอนิรันดร์ ผู้อาวุโสที่มีใบหน้าซีดเผือดคนหนึ่งมองเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างๆพร้อมกับเอ่ยปากเร่ง “เร็วเข้า ไปตรวจสอบว่าผู้นั้นเป็นใคร!”
เขาคือผู้อาวุโสของหอนิรันดร์ที่เรียกร้องเงิน 20,000 เหรียญนิรันดร์จากจางเซวียนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการโดยสารไปกับอสูรอมตะของสำนักดาวเจ็ดดวงเพื่อมุ่งหน้าสู่ทะเลพลัดดาว มันออกจะเหลือเชื่ออยู่สักหน่อย แต่เขาเห็นกับตาว่าชายผู้นั้นเอาชนะการดวลได้ถึง 16 รอบติดต่อกันโดยไม่บอบช้ำสักนิด!
เขาไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ 2 คนสุดท้ายคือผู้อาวุโสที่ 1 กับเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง แต่จากเทคนิคการต่อสู้ของพวกเขา ก็พอสันนิษฐานอะไรได้บางอย่าง
พูดอีกอย่างก็คือ ใครคนหนึ่งเพิ่งเล่นงานสำนักดาวเจ็ดดวงจนราบคาบในหอนิรันดร์แห่งเมืองปี้หยวน!
แม้แต่เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวซึ่งเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ก็เทียบชั้นกับชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้…
เรื่องนี้จะต้องเป็นข่าวใหญ่ทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืมแน่!
“ผู้อาวุโส อีกฝ่ายดูจะใช้ค่ายกลปิดกั้นบางชนิดที่ทำให้เราแกะรอยตามตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของเขาไม่ได้ เราทำได้เพียงสันนิษฐานว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องส่วนตัวห้องใดห้องหนึ่งในหอนิรันดร์ของเรา แต่ก็ยังไม่อาจระบุตัวตนของเขา” เจ้าหน้าที่รายงาน
พวกเขาตรวจสอบตัวตนของชายหนุ่มทันทีที่เขาเอาชนะเมิ่งฮั่น, ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับ 1 ของสำนักดาวเจ็ดดวงได้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะคาดเดาไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จึงติดตั้งค่ายกลปิดกั้นไว้ล่วงหน้า พวกเขาจึงทำได้แค่ระบุตำแหน่งที่อยู่ของอีกฝ่ายอย่างคร่าวๆเท่านั้น
“ที่นี่มีห้องส่วนตัวทั้งหมด 13,700 ห้อง รีบตรวจสอบบันทึกและบีบกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงเป็นนักรบที่สำเร็จวรยุทธขั้นอมตะตัวจริงและมีช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะกับการมาถึงของหลิวหยางคนนั้น ผมต้องการรายชื่อของนักรบเหล่านั้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” ผู้อาวุโสสั่งการ
เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบห้องส่วนตัวเหล่านั้นทีละห้อง แต่ก็พอมีวิธีตีกรอบกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงได้
“หลังจากพบตัวเขาแล้ว ดูแลเขาอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม อย่าปล่อยให้เขาจากไป ผมจะรีบมาคารวะเขา” ผู้อาวุโสพูด
นักรบที่เอาชนะเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงได้จะต้องเป็นคนพิเศษ แม้วรยุทธของอีกฝ่ายจะเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงก็ตาม
เจ้าหน้าที่พยักหน้า แต่ขณะที่เธอกำลังจะออกไปจัดการ สาวน้อยคนหนึ่งที่ประจำอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ต้อนรับด้านหน้าก็ร้องเรียก “ผู้อาวุโส ชายหนุ่มที่ต้องการเดินทางไปทะเลพลัดดาวมาขอพบคุณด่วน…”
“เขาตามหาผม?” ผู้อาวุโสโบกมืออย่างหงุดหงิด “บอกเขาไปว่าผมไม่ว่าง ผมจะไม่เสียเวลาเจรจากับเขาหรอกถ้าเขาไม่มีเงิน!”
สิ่งที่สำคัญกว่าในเวลานี้คือตามหาตัวผู้เชี่ยวชาญคนนั้น เขาไม่มีเวลาจะเสียให้ชายหนุ่มที่เป็นแค่นักรบอมตะตัวจริง
“เขาบอกว่า…” สาวน้อยอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เขารวบรวมเหรียญนิรันดร์ได้ตามจำนวนที่ต้องการแล้ว เขามาเพื่อจ่ายค่าโดยสาร”
“เขารวบรวมเหรียญนิรันดร์ได้ตามที่ต้องการแล้ว?” ผู้อาวุโสถึงกับผงะ ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเขาทันที เขารู้สึกเหมือนหัวสมองจะระเบิด นัยน์ตาของผู้อาวุโสเบิกโพลงขณะพึมพำ “หรือว่าจะเป็นเขา?”
ผู้อาวุโสรีบสั่งการ “รีบเชิญเขาเข้ามา!”
นักรบอมตะตัวจริง-ผ่าน!
เมื่อลองนึกดู อีกฝ่ายบอกเขาให้รอสักครู่ แล้วจู่ๆหลิวหยางก็ปรากฏตัวขึ้นที่สังเวียนประลองของหอนิรันดร์และเอาชนะการดวลได้ถึง 16 รอบติดต่อกัน จากนั้น ทันทีที่การดวลสิ้นสุด อีกฝ่ายก็รีบมาบอกเขาว่ารวบรวมเงินได้ตามจำนวนที่ต้องการแล้ว ช่วงเวลา-ผ่าน!
ที่สำคัญกว่านั้น หลิวหยางพูดว่าเขาหาเงินได้มากพอแล้ว และจะไม่ต่อสู้อีกหลังจากเอาชนะการดวลรอบที่ 15 ได้สำเร็จ…
จากการคิดคำนวณคร่าวๆ เงินสะสมที่ได้เมื่อจบการดวลรอบที่ 15 ก็น่าจะมากกว่า 20,000 เหรียญนิรันดร์อยู่นิดหน่อย
จำนวนเงิน-ผ่าน!
ขณะที่เขายังคงครุ่นคิด จางเซวียนก็เดินเข้ามาในห้องและยื่นบัตรนิรันดร์ให้
“นี่คือเงิน 20,000 เหรียญนิรันดร์”
ผู้อาวุโสรีบออกจากภวังค์และใช้สองมือรับบัตรนิรันดร์มา เมื่อตรวจสอบภายใน ก็พบว่ามีเงิน 20,000 เหรียญนิรันดร์จริงๆ เขาตัวแข็งทื่อขณะตั้งคำถามอย่างร้อนใจ “ไม่ทราบว่าผมควรเรียกคุณอย่างไร? อย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้พยายามสืบเสาะตัวตนของคุณหรืออะไรทำนองนั้น เพียงแต่อยากแนะนำคุณให้กับสำนักดาวเจ็ดดวง จึงอยากรู้ชื่อและภูมิหลังของคุณสักเล็กน้อย”
“อ๋อ ได้เลย!” จางเซวียนพยักหน้า “ผมคือหลิวหยาง”
พลั่ก!
ผู้อาวุโสที่ทรุดฮวบลงไปพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน ขณะที่มองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกได้ว่าน้ำตารื้น
ถ้าเขารู้ว่าหมอนี่จะเก่งกาจขนาดนี้ คงไม่คิดจะหากำไรจากเขา!
ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มที่ดูแสนจะธรรมดาสามัญคนนี้จะเอาชนะทั้งสำนักดาวเจ็ดดวงได้?
“คุณคือผู้ที่อยู่ในสังเวียนประลองเมื่อครู่นี้ใช่ไหม?” ในที่สุดผู้อาวุโสก็ตั้งคำถาม
“ก็คุณบอกว่าต้องใช้เงิน 20,000 เหรียญนิรันดร์ และผมก็หาวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้ในการจะหาเงินให้ครบภายในระยะเวลาอันสั้น จึงต้องเสี่ยงโชคที่สังเวียนประลอง โชคดีที่บรรดาคู่ต่อสู้ของผมไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นผมคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยกว่าจะได้เงินนี้มา” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มแฉ่ง
ในเมื่อเขาไม่ได้เปิดเผยเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าหรือตัวตนที่แท้จริงในฐานะหัวหน้าหอนานาอสูร การยอมรับเรื่องเหล่านี้ก็ไม่น่ามีปัญหา
“คู่ต่อสู้ของคุณไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่?”
ผู้อาวุโสยืนโงนเงนขณะพยายามกลั้นเลือดที่เอ่อขึ้นมาอยู่ในลำคอ
คุณรู้ไหมว่าเพิ่งสู้กับใคร? นี่พูดจริงๆใช่ไหมว่าผู้อาวุโสที่ 1 กับเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่?
ในสายตาของคุณ แบบไหนถึงเรียกว่าแข็งแกร่ง?
“ถ้าผมรู้ว่าคุณทรงพลังขนาดนี้ คงไม่กล้าเรียกร้องเงินจากคุณหรอก” ผู้อาวุโสพึมพำและถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอีกครั้งและพูดว่า “เอาเถอะ ผมจะติดต่อสำนักดาวเจ็ดดวงให้เดี๋ยวนี้!”
ขณะที่พูด ก็ยื่นบัตรนิรันดร์กลับคืนให้จางเซวียนอย่างเงียบๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากได้เงิน แต่ไม่กล้ารับไว้!
ถ้าเขาทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ขัดใจ ก็รู้เลยว่าชีวิตในภายภาคหน้าคงเหมือนตกนรกทั้งเป็น
ผู้อาวุโสนำตราหยกสื่อสารออกมาและเขียนข้อความลงไป ครู่ต่อมาก็หันมาพูดกับจางเซวียน “ผู้อาวุโสหลิว เจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงอยากพบคุณเป็นการส่วนตัว เราไปที่นั่นกันดีไหม?”
ทันทีที่เขารายงานเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น อีกฝ่ายก็สั่งการให้พาจางเซวียนไปทันที
เป็นธรรมดาที่ผู้อาวุโสจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะมีสถานภาพที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง จึงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนคำเรียกขานเป็น ‘ผู้อาวุโสหลิว’
“ได้สิ” จางเซวียนพยักหน้า
สำนักดาวเจ็ดดวงตั้งอยู่ใกล้กับหอนิรันดร์ ภายใน 10 นาที พวกเขาก็อยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่ตำหนักกระบวยสวรรค์ อาคารกลางของสำนักดาวเจ็ดดวง
ที่นั่งอยู่กลางห้องคือเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว ผู้อาวุโสที่ 1 และผู้อาวุโสหงอู่ เมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้ามา ทุกสายตาก็จับจ้องที่จางเซวียน