อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2080 ทะเลว่างเปล่า?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2080 ทะเลว่างเปล่า?
ครู่ต่อมา จางเซวียนก็กลับถึงที่พักของเขาที่สาขาของสำนักดาวเจ็ดดวง เขานำเต่าหลังดำออกจากกระสอบอสูรและถ่ายเลือดจำนวนหนึ่งของมันออกมา จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นและซึมซับหยดเลือดของเต่าหลังดำเข้าสู่ร่างกาย
ซรืดดดดดด!
ทันทีที่หยดเลือดซึมซับเข้าร่าง จางเซวียนรู้สึกได้ทันทีว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาพลันมีชีวิต กระแสพลังงานอันน่าสะพรึงไหลพล่านทั่วทั้งทางเดินพลังปราณ และไปรวมตัวกันที่จุดตันเถียน
จางเซวียนหน้าแดงก่ำ เขารีบขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อซึมซับพลังงานนั้น
“แบบนี้ไม่ได้การ ถ้าไม่มีเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูง ต่อให้เราซึมซับพลังงานได้มากแค่ไหนก็คงไร้ประโยชน์”
เขาเคยคิดว่าต่อให้ไม่มีเทคนิควรยุทธ ก็น่าจะยังฝ่าด่านวรยุทธได้หากได้รับพลังงานในปริมาณมากพอจากเลือดของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่แล้วก็รู้ว่าเรื่องนั้นพูดง่ายกว่าทำมาก
ดูเหมือนเขาคงระเบิดเป็นชิ้นๆเสียก่อนที่จะยกระดับวรยุทธได้สำเร็จ!
“ในเมื่อยังยกระดับวรยุทธไม่ได้ บ่มเพาะร่างกายก่อนก็แล้วกัน”
รู้ดีว่าหากมัวยกระดับวรยุทธของพลังปราณเพียงอย่างเดียวก็คงเสียเวลาเปล่า จางเซวียนจึงหันไปสนใจเรื่องอื่น
เต่าหลังดำขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจในการป้องกันตัว เลือดของมันมีประโยชน์มากในการบ่มเพาะร่างกายของนักรบ กายเนื้อของจางเซวียนแข็งแกร่งขึ้นมากเพราะการควบคุมพลังงานจากหยดเลือดที่ไหลพล่านไปทั่วทางเดินพลังปราณของเขา
2 ชั่วโมงต่อมา พละกำลังของกายเนื้อของจางเซวียนก็เข้าถึงระดับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็นำโซ่โลหะที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ออกจากแหวนเก็บสมบัติเป็นลำดับถัดไป
ด้วยการขู่เข็ญของลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยและการชี้ข้อบกพร่องโดยใช้หอสมุดเทียบฟ้า ไม่ช้าจางเซวียนก็ทำให้โซ่โลหะนั้นยอมจำนนได้
“คุณน่ะชื่อเต่าน้อย ส่วนคุณชื่อโซ่โลหะ” จางเซวียนตั้งชื่อให้อสูรและของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์
เต่าน้อย โซ่โลหะ
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ จางเซวียนก็ปล่อยมังกรอสรพิษกับพรรคพวกออกมา
“นี่คือหยดเลือดของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ พวกคุณรับไปคนละสิบหยด ส่วนจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณแล้วล่ะ” จางเซวียนพูดขณะมอบหยดเลือดของเต่าหลังดำให้อสูรเหล่านั้น
อสูรกลุ่มนี้สำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์แล้ว และสายเลือดของพวกมันก็ทรงพลังมาก หากได้กลืนหยดเลือดของอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เข้าไป ก็น่าจะพัฒนาได้อีก คงจะดีที่สุดหากพวกมันฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ
แต่ถึงจะไม่ได้ ก็ไม่ได้สิ้นเปลืองมากมายอะไร
มังกรอสรพิษ นกฟีนิกซ์ไฟเก้าหัว และอสูรตัวอื่นๆรีบโค้งคำนับด้วยความสำนึกในบุญคุณขณะกลืนหยดเลือดเข้าไป
4 ชั่วโมงต่อมา พวกมันยกระดับวรยุทธขึ้นได้อีกมาก แต่ก็ไม่อาจฝ่าด่านคอขวดด่านสุดท้ายที่กีดขวางอยู่ได้
ดูเหมือนการสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จะไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่อย่างนั้น จำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คงมีมากกว่านี้ เมื่อเห็นว่าอสูรทุกตัวพยายามเต็มที่แล้ว จางเซวียนก็เก็บพวกมันกลับเข้าไปในกระสอบอสูรก่อนจะนำเต่าหลังดำออกมาอีกครั้ง
“ผมอยากให้คุณทบทวนให้ผมฟังว่าคุณฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างไร แล้วทำได้ที่ไหน” จางเซวียนสั่งการ
นี่คือเหตุผลแรกที่ทำให้เขาตัดสินใจกำราบเต่าหลังดำให้ยอมจำนนแทนที่จะฆ่ามัน นับตั้งแต่เขารู้รายละเอียดของหินโลหิตเทพเจ้า ก็นึกสงสัยมาตลอดว่าจะต้องมีบางอย่างเชื่อมโยงกับหลัวลั่วชิง
“ผมฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จที่ทะเลว่างเปล่า” เต่าหลังดำทบทวน
“ทะเลว่างเปล่า?”
“ใช่ มันอยู่ห่างจากที่นี่ไปราว 2 ล้านลี้ เป็นมหาสมุทรที่รกร้างว่างเปล่า ไม่มีเกาะแก่งหรือมนุษย์อาศัยอยู่เลย นั่นคือที่มาของชื่อนี้” เต่าหลังดำอธิบาย
“ไกลเหลือเกิน…” จางเซวียนขมวดคิ้ว “แล้วคุณฝ่าด่านวรยุทธได้อย่างไร? เท่าที่ผมรู้ มีแต่ผู้ที่เข้าท้าทายสะพานเบื้องบนเท่านั้นถึงจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้”
“ก็จริงอยู่ว่าผู้ที่ไม่ได้เข้าท้าทายสะพานเบื้องบนจะไม่อาจเข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่เมื่อ 2 เดือนก่อน ผมบังเอิญกลืนเลือดหยดหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ยังไม่ทันจะรู้ตัว ผมก็สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว”
“เลือดหยดหนึ่ง?” จางเซวียนกำหมัดแน่น
“ผู้เชี่ยวชาญขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งประกอบพิธีกรรมบางอย่างเหนือผืนน้ำของทะเลว่างเปล่า หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดรอยแยกบนท้องฟ้า แล้วร่างหนึ่งก็ตกลงมา ร่างนั้นดูจะได้รับบาดเจ็บ เลือดสดๆไหลรินจากร่างของเธอลงสู่ผิวทะเล ตัวผมกับอสูรอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีก 2-3 ตัวดื่มเลือดของเธอเข้าไป และหลังจากนั้นไม่นานก็สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์…”
เต่าหลังดำรีบทบทวนเรื่องราวของมัน
“ร่างหนึ่ง? ร่างนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร? แล้วคุณรู้ไหมว่าหลังจากนั้นเธอไปไหน?” จางเซวียนถามต่อด้วยความอยากรู้
“เธอคือสาวน้อยคนหนึ่ง ผมเห็นหน้าตาของเธอไม่ชัด และไม่แน่ใจด้วยว่าหลังจากนั้นเธอไปไหน”
“…เมื่อดื่มเลือดของเธอแล้ว ผมสลบไปทันทีเพราะพลังงานมหาศาลที่อยู่ในเลือดหยดนั้น พอรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว บอกตามตรงนะ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร” เต่าหลังดำตอบอย่างกระอักกระอ่วน
หลังจากสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ระยะหนึ่ง มันจึงเริ่มขบคิดที่มาที่ไป และพบว่าต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับสาวน้อยที่ร่วงลงจากท้องฟ้าในวันนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าเธออาจเป็นเทพเจ้าตัวจริง นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไมเลือดของเธอจึงทรงพลังขนาดนั้น ทำให้ตัวมันกับอสูรอีกจำนวนหนึ่งฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ
“เธอหน้าตาแบบนี้หรือเปล่า?” จางเซวียนรีบกระดิกนิ้วและวาดภาพเหมือนของหลัวลั่วชิงกลางอากาศ
“ผมจำไม่ได้หรอก…” เต่าหลังดำส่ายหน้า “เพราะอะไรก็ไม่รู้นะ แต่ความทรงจำของผมที่มีต่อเธอออกจะเลือนลาง”
มันจำได้ว่าเห็นสาวน้อยร่วงลงมาจากท้องฟ้า แต่นอกจากเพศของเธอแล้ว ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง มันจดจำรูปร่างหน้าตาหรือรายละเอียดอื่นๆของเธอไม่ได้เลย หัวสมองของมันว่างเปล่าทุกครั้งที่พยายามขบคิดเรื่องนี้
เป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นการกระทำของสาวน้อยคนนั้นเช่นกัน
จางเซวียนลบภาพเหมือนแล้วสั่งการ “ถ้าอย่างนั้นก็พาผมไปทะเลว่างเปล่าที่คุณพูดถึง”
เต่าหลังดำมีทีท่าพรั่นพรึง มันรีบอธิบาย “ในวันนั้น มีอสูรอีก 2-3 ตัวที่ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จเหมือนกัน การเดินทางไปที่นั่นในเวลานี้ถือว่าอันตรายมาก!”
มันฝ่าด่านวรยุทธเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้สำเร็จก็จริง แต่รู้ดีว่าตัวมันไม่ได้เป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลว่างเปล่า ในวันนั้น อสูรบางตัวที่กลืนเลือดเข้าไปมากกว่ามันก็แข็งแกร่งกว่ามันหลายเท่า ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันรีบออกจากทะเลว่างเปล่าทันทีที่ฟื้นคืนสติ
การเดินทางไปที่นั่นถือว่าอันตรายเกินไป!
“ผมเข้าใจว่าคุณกังวล แต่นี่คือการเดินทางที่ผมต้องไปให้ได้!” จางเซวียนพูดอย่างหนักแน่น
ไม่สงสัยแล้วว่าสิ่งที่ทำให้เต่าหลังดำฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จคือโลหิตของเทพเจ้า ซึ่งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน ตกราวๆ 600 วันในทวีปแห่งปรมาจารย์ ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่เขาพบหลัวลั่วชิงเป็นครั้งแรกพอดี
มีความเป็นไปได้สูงที่เทพเจ้าที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้าจะเป็นหลัวลั่วชิง!
แต่เขาจะระบุแน่ชัดได้ก็ต่อเมื่อเดินทางไปที่นั่น
เห็นนายท่านตัดสินใจเป็นมั่นเหมาะแล้ว เต่าหลังดำนึกถึงลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวจ้อยและของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่อีกฝ่ายครอบครอง จากนั้นก็รู้สึกอุ่นใจกว่าเดิม “อย่างนั้นก็ได้…”
“ไปกันเถอะ!” จางเซวียนไม่อาจรอคอยได้อีก เขากระโจนขึ้นขี่เต่าหลังดำ จากนั้นก็รีบส่งโทรจิต หาเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเพื่อแจ้งให้อีกฝ่ายรับรู้ ก่อนจะรีบออกเดินทางไปยังทะเลว่างเปล่า
ในฐานะอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ เต่าหลังดำพุ่งฉิวฝ่าผืนน้ำไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด หากเป็นนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั่วไป จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันในการเดินทางระยะ 2 ล้านลี้ แต่เมื่อเต่าหลังดำเร่งความเร็วเต็มพิกัด เพียงครึ่งวันก็ถึงที่หมาย
จางเซวียนลอยตัวอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็จ้องมองลงไปที่ทะเลว่างเปล่า
เป็นอย่างที่เต่าหลังดำบรรยายไว้ ไม่มีผู้คนหรือเกาะแก่งให้เห็นเลย สิ่งที่เห็นคือน้ำกับน้ำ ซึ่งดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับขอบฟ้า
แต่ที่นี่ก็ไม่เหมือนผืนน้ำสีฟ้าอันล้ำลึกในบริเวณอื่นๆของทะเลพลัดดาว ผืนน้ำที่นี่มีสีออกแดง ให้ความรู้สึกน่าขยะแขยงเหมือนเคยมีเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้น
“มหาสมุทรในดินแดนนี้เคยมีสีฟ้าเข้ม แต่นับตั้งแต่เลือดของสาวน้อยคนนั้นหยดลงไปในน้ำ ทุกอย่างก็กลายเป็นแบบนี้ มันไม่ยอมกลับสู่สภาพเดิมแม้จะผ่านไปถึง 2 เดือนแล้ว” เต่าหลังดำพูด
จางเซวียนพยักหน้า เขาเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้และลงสู่ผืนน้ำอย่างระมัดระวังเพื่อตรวจดูใกล้ๆ
น้ำในมหาสมุทรที่มีสีออกแดงมีพลังจิตวิญญาณเข้มข้นอย่างน่าประหลาด คล้ายดินแดนที่ได้รับพรจากสวรรค์ มันช่วยบ่มเพาะทั้งอสูรและพืชพรรณที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ พวกมันจึงแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในส่วนอื่นๆของมหาสมุทร
เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับโลหิตเทพเจ้า
จางเซวียนว่ายดิ่งลงไปถึงก้นมหาสมุทร และพบก้อนหินสีแดงก่ำ 2 ก้อนที่นั่น พวกมันคือหินโลหิตเทพเจ้าที่เขาเคยเห็นที่ตลาดเมืองอู๋ไห่
มีก้อนหินแบบนี้อยู่ไม่มากนัก และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีพละกำลังมากมายอย่างก้อนที่เขาเคยเห็น
จางเซวียนใช้มือแตะหินก้อนหนึ่ง จากนั้นก็วิเคราะห์ด้วยหอสมุดเทียบฟ้า หนังสือเล่มหนึ่งถูกประมวลขึ้น เผยชื่อของมัน…หินโลหิตเทพเจ้า
จางเซวียนว่ายไปรอบๆและรู้สึกได้ว่าผืนน้ำที่เจือสีแดงนั้นไม่ได้กว้างใหญ่เท่าไหร่ เขาหันมาถามเต่าหลังดำ “ตอนนั้นน่ะ สาวน้อยคนนั้นปรากฏตัวที่ไหน?”
“ดูเหมือนจะเป็นทางทิศใต้ของบริเวณที่เราอยู่ในเวลานี้ แต่นายท่าน…ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าไปที่นั่นเลย พื้นที่นั้นเป็นเขตแดนของฉลามสามพี่น้อง ในครั้งนั้น พวกมันคืออสูรที่ไล่ผมออกมา” เต่าหลังดำตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ฉลามสามพี่น้อง?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
“พวกมันคือผู้บงการทะเลว่างเปล่า มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์และทรงพลังมากถึงขนาดที่ผมไม่เคยสู้กับพวกมันได้ ในครั้งนั้น เพราะความสามารถในการป้องกันตัวของผมและข้อเท็จจริงที่ว่าผมไม่เคยมีเรื่องกับพวกมัน เราจึงไม่ได้ปะทะกัน….”
“แต่หลังจากได้ดื่มเลือดและสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว พวกมันก็แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก แข็งแกร่งกว่าผมเสียอีก เพื่อฉกฉวยเอาหยดเลือดทั้งหมดที่มีอยู่ในพื้นที่นี้ไปเป็นของตัวเอง พวกมันขับไล่ผมออกจากดินแดนที่ผมเคยพำนักอยู่ ผมสู้พวกมันไม่ได้ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องออกไป” เต่าหลังดำพูด
“คุณกำลังจะบอกว่าฉลามสามพี่น้องมีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์?” จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด