อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2084 ผมจะฉีกคุณเป็นชิ้นๆ!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2084 ผมจะฉีกคุณเป็นชิ้นๆ!
“แล้วเราจะทำอย่างไร?” เต่าหลังดำตั้งคำถามอย่างกังวล
มันเตือนนายท่านครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่ามาที่นี่ แต่เขาก็ไม่ฟัง สุดท้ายหายนะก็เกิดขึ้นจริงๆ
นี่มันจะต้องตายด้วยน้ำมือของฉลามสามพี่น้องที่มันเคยลงทุนลงแรงหลบหนีด้วยความเหนื่อยยากจริงๆหรือ?
“ในเมื่อหนีไปไหนไม่ได้ ก็ต้องยืนหยัดสู้” จางเซวียนพูดขณะลุกขึ้นยืนจังก้าบนกระดองของเต่าหลังดำ
คู่ต่อสู้อาจเป็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 3 ตัว แต่ตัวเขามีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ตัวโคลน และหุ่นโลหะไร้วิญญาณอีกมากมาย ฉลามนั่นคงเล่นงานเขาไม่ได้ง่ายๆ
“คุณคิดจะสู้กับพวกมันหรือ?” เต่าหลังดำตัวสั่นด้วยความกลัว “สู้แบบไหน? ผมถ่วงเวลาได้แค่ระยะสั้นๆเท่านั้นนะ…”
“ไม่เป็นไรน่ะ แค่ถ่วงเวลาไว้ขณะที่ผมพยายามฆ่าพวกมัน ขอแค่เราฆ่าพวกมันได้สักตัว มันก็จะลังเล…” จางเซวียนกัดริมฝีปาก
ฉลามทั้งสามตัวร่วมเป็นพันธมิตรกันและประกาศว่าพวกมันคือ ‘สามพี่น้อง’ แต่เขาพนันได้เลยว่าความสัมพันธ์ของพวกมันอยู่บนผลประโยชน์มากกว่าความสนิทสนมที่แท้จริง
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ขอแค่เขาฆ่าฉลามได้สักตัว ฉลามอีก 2 ตัวที่เหลือและเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำระดับอมตะขั้นสูงอีกหลายร้อยตัวที่อยู่โดยรอบจะต้องคิดให้ดีก่อนที่จะเล่นงานเขา
ซึ่งนั่นจะทำให้เขามีโอกาสหลบหนี!
เพราะถึงอย่างไร เป้าหมายของจางเซวียนก็คือเอาชีวิตรอดออกจากที่นี่มากกว่าจะกำจัดคู่ต่อสู้
“ก็ได้!”
เต่าหลังดำกัดฟัน จากนั้นก็หดคอและขาเข้าไปในกระดองก่อนจะพุ่งเข้าชนฉลามตัวหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนแปรสภาพโล่ของเขาให้กลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่ทำจากโซ่โลหะ และพุ่งปราดออกไปพร้อมกับเต่าหลังดำ
“คู่ต่อสู้ของคุณคือผม!”
แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล ฉลามตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่และสะบัดหาง
จางเซวียนกางตาข่ายโซ่โลหะเพื่อปัดป้องการโจมตี แต่แรงปะทะอันทรงพลังนั้นอัดเขาติดกำแพง เกิดเป็นรอยยุบขนาดใหญ่
“ฮึ่มมมม!”
จางเซวียนเช็ดเลือดออกจากริมฝีปาก เขานำหุ่นโลหะไร้วิญญาณตัวหนึ่งออกมาแล้วสั่งให้มันเล่นงานฉลาม
“คุณมีผู้ช่วยหรือ? ฮ่า!” ฉลามอ้าปากกว้างแล้วกัดกร้วมลงไปที่หุ่นโลหะไร้วิญญาณโดยไม่ลังเล “สิ่งที่คุณมีน่ะทำอะไรผมไม่ได้หรอก เป็นได้แค่อาหาร!”
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากจะย่อยมันหรือเปล่า?” จางเซวียนเยาะ
บึ้มมมม!
หุ่นโลหะไร้วิญญาณระเบิดทันที
พลั่ก!
แรงระเบิดมหาศาลนั้นทำให้ฉลามกระอักเลือดออกมากองใหญ่ แถมฟันหลุดออกมา 1 ซี่ ทำให้มันอยู่ในสภาพดูไม่ได้
“กล้าดีอย่างไรทำให้ผมบาดเจ็บ? ผมจะฉีกคุณเป็นชิ้นๆ!”
อาการเจ็บแปลบทำให้ฉลามโมโหเดือด มันไม่เคยเจอกับความเจ็บปวดแบบนี้นับตั้งแต่สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!
ฟึ่บ!
ฉลามพุ่งเข้าใส่จางเซวียนอีกครั้งด้วยปากที่อ้ากว้าง ตั้งใจจะเขมือบเขาทั้งตัว
ส่วนจางเซวียนก็ตาค้างด้วยความไม่อยากเชื่อ “ฉลามหน้าด้านนั่นยังไม่เป็นอะไรเลยหรือหลังจากเจอแรงระเบิดแบบนั้น?”
นั่นคือหุ่นโลหะไร้วิญญาณที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ การที่มันระเบิดในร่างของฉลามย่อมทำลายทุกอย่างภายในรัศมี 100 เมตรจนราบคาบ แต่สิ่งที่ฉลามทำคือกระอักเลือดออกมากองหนึ่งและฟันร่วงซี่หนึ่งเท่านั้น
อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แข็งแกร่งทนทานขนาดนี้เลยหรือ?
จางเซวียนรีบแปรสภาพโซ่โลหะให้กลายเป็นโล่ขนาดใหญ่อีกครั้งเพื่อปัดป้องการขย้ำของฉลาม เขากำลังจะโยนหุ่นโลหะไร้วิญญาณอีกตัวเข้าปากของมัน ก็พอดีกับที่เห็นฉลามตัวสุดท้ายวนเวียนอยู่ด้านหลัง
“บ้าจริง คงต้องใช้ตัวโคลนแล้วล่ะ!”
รู้ดีว่าเขาไม่มีทางรับมือกับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 2 ตัวพร้อมกันได้ คงต้องตายแน่ๆ!
เพราะหมดหนทาง จางเซวียนคิดถึงการนำตัวโคลนและไอ้โหดออกมาช่วย ก็พอดีกับที่ฉลามตัวที่อยู่ด้านหลังหยุดกึก
จากนั้น เสียงกึกก้องก็ดังสนั่นข้ามคู
“หยุดนะ!”
ผู้ออกคำสั่งคือฉลามตัวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กลางเมื่อตอนที่อยู่ในถ้ำ มันคือตัวที่แข็งแกร่งที่สุด
เสียงตะโกนนั้นทำให้ฉลามที่ตั้งใจจะกลืนจางเซวียนลงไปล่าถอย ส่วนอีกตัวหนึ่งที่กำลังสู้กับเต่าหลังดำก็หยุด
“พี่ใหญ่ หมอนี่กล้าบุกรุกอาณาเขตของพวกเรา แถมยังขโมยโลหิตเทพเจ้าด้วย ถือเป็นอาชญากรรมที่ให้อภัยไม่ได้ พวกเราต้องสั่งสอนบทเรียนให้เขา!” ฉลามตัวที่สูญเสียฟันไปซี่หนึ่งร้องออกมาอย่างหงุดหงิด
“พี่ใหญ่ ผมเห็นด้วยกับพี่รอง ทำไมเราจะต้องปรานีมัน? พวกนั้นอาจมียุทธวิธีต่างๆซ่อนไว้มากมาย แต่หากพวกเราผนึกกำลังกัน ก็เล่นงานเขาได้ไม่ยาก!” ฉลามอีกตัวหนึ่งที่กำลังเผชิญหน้ากับเต่าหลังดำส่งเสียงแสดงความเห็นด้วย
“หุบปากซะ!” ฉลามตัวที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ตวาดก้อง
หลังจากทำให้ทั้ง 2 ตัวเงียบปากแล้ว มันก็หันกลับไปหาจางเซวียนและใช้ดวงตาคู่ใหญ่ประเมินเขาอย่างถี่ถ้วน
จางเซวียนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาหรี่ตาและขับเคลื่อนพลังปราณอย่างหวาดระแวง เกรงว่าอีกฝ่ายกำลังถ่วงเวลาเพื่อจะเล่นงานเขา
แต่พริบตาต่อมา ฉลามตัวมหึมาที่อยู่ตรงหน้าก็ทรุดตัวลงคุกเข่าและประกาศ “บริวารผู้ถ่อมตัวของนายขอคารวะนายท่าน!”
“นายท่าน?”
“บริวารผู้ถ่อมตัว?”
เต่าหลังดำกับจางเซวียนมองหน้ากัน ไปต่อไม่ถูกกับสถานการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหัน
เมื่อครู่ก่อน ฉลามพวกนี้ยังกระเหี้ยนกระหือรือจะฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ แล้วทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นบริวารได้?
ผู้ที่ตกตะลึงไม่ได้มีแค่จางเซวียนกับเต่าหลังดำ เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำตัวอื่นๆก็งุนงง
ราชาของพวกมันเกลียดชังมนุษย์จับใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันจะต้องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ทันทีหากทำได้ เมื่อครู่นี้ก็ยังหารือเรื่องแผนการสั่งสอนบทเรียนให้ 6 สำนักใหญ่อยู่เลย ทำไมจู่ๆหนึ่งในราชาของพวกมันถึงเปลี่ยนใจ?
แถมยังโค้งคำนับอย่างงามเสียจนตัวแทบจะเป็นสี่เหลี่ยม ทั้งยังเรียกขานมนุษย์ที่ขโมยโลหิตเทพเจ้าของพวกมันไปว่านายท่านอีกด้วย
“พี่ใหญ่ ทำไมคุณถึงยอมรับเจ้าคนชั่วร้ายนั่นเป็นเจ้านาย?”
ฉลามอีก 2 ตัวแทบไม่เชื่อหู
“หุบปากนะ!” ‘พี่ใหญ่’คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “รีบมาคารวะนายท่านของพวกคุณเสีย!”
ฉลามทั้งสองไม่รู้ว่าพี่ใหญ่คิดอะไร แต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง พวกมันสะบัดหางแล้วว่ายมาอยู่ตรงหน้าจางเซวียน จากนั้นก็ชำเลืองมองพี่ใหญ่อย่างลังเลแวบหนึ่ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก็ตัวสั่นงันงกและรีบโค้งคำนับ “บริวารผู้ถ่อมตัวของคุณขอคารวะนายท่าน!”
“เอ่อ…” จางเซวียนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดออกไป “ยอมรับผมเป็นเจ้านายของคุณเสีย”
ไม่ว่าพวกมันจะแสดงละครอยู่หรือไม่ แต่ทันทีที่พวกมันทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณกับเขา ก็จะไม่เกิดความผิดพลาดใดๆอีก
“ได้!”
จางเซวียนต้องประหลาดใจที่ฉลาม ‘พี่ใหญ่’ มอบหยดเลือดของมันให้เขาโดยปราศจากความลังเล ส่วนฉลามอีก 2 ตัวที่เหลือ พวกมันหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากเจอสายตาเชือดเฉือนจาก ‘พี่ใหญ่’ เข้าไป ก็รีบมอบหยดเลือดให้
จางเซวียนรับหยดเลือดของฉลามสามพี่น้องไว้และทำสัญญาผูกมัดจิตวิญญาณ เมื่อการส่งโทรจิตเชื่อมโยงทำได้สำเร็จ เขาก็รู้ว่าทั้งสามไม่ได้เล่นละคร พวกมันยอมรับเขาเป็นเจ้านายด้วยความจริงใจ
“คือ…”
เมื่อครู่นี้เองที่พวกมันยังพยายามจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ แต่แล้วก็กลับกลายมาเป็นอสูรของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สถานการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้จางเซวียนงงมาก
หรือว่า…เขาหล่อและมีบุคลิกโดดเด่นจนพวกมันอดไม่ได้ที่จะต้องยอมรับเขาเป็นเจ้านายเมื่อได้เห็นแล้วว่าตัวเขาเจิดจรัสแค่ไหน?
แต่เขาก็ไม่ได้จงใจปลดปล่อยรังสีของความสง่างามหรืออะไรทำนองนั้นออกมานี่!
ฉลาม ‘พี่ใหญ่’ ดูจะรับรู้ความสงสัยของจางเซวียน มันอธิบาย “โลหิตเทพเจ้าทำให้พวกเราฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้ นายท่าน…คุณมีตราสัญลักษณ์เทพเจ้าอยู่กับตัว จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องรับใช้คุณ!”
“ตราสัญลักษณ์เทพเจ้า?” จางเซวียนก้มลงมองจี้สีแดงก่ำที่ห้อยอยู่รอบคอโดยอัตโนมัติ ปกติเขาจะใช้เสื้อผ้าปกปิดไว้ แต่ด้วยความร้อนแผดเผาที่จี้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้โลหิตเทพเจ้า เขาจึงต้องนำมันออกมาแขวนไว้นอกเสื้อ
“ใช่” ฉลามตอบอย่างนอบน้อม
จางเซวียนตาโตเมื่อพลันเข้าใจ
เขาคิดไว้แล้วว่าโลหิตเทพเจ้าต้องเกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิง ซึ่งเรื่องนี้ก็ช่วยย้ำความคิดของเขา
เพราะการดื่มเลือดสดๆของหลัวลั่วชิงที่หยดลงไปในมหาสมุทร เต่าและฉลามพวกนี้จึงสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ดังนั้น พวกมันจึงมีความยำเกรงในตัวเธอโดยสัญชาตญาณ
แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ถือว่าน่าโล่งใจมากที่ในที่สุดเขาก็พ้นอันตราย จางเซวียนรีบดื่มซุปไก่ขวดหนึ่งเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บก่อนจะหันไปบอกฉลาม ‘พี่ใหญ่’ “บอกอสูรตัวอื่นๆให้แยกย้าย ผมมีอีก 2-3 คำถามที่อยากถามคุณ”
ฉลามสามพี่น้องรีบทำตามคำสั่ง
เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงตัวอื่นๆรู้ว่าข้อตกลงก่อนหน้านี้ของพวกมันจะเป็นโมฆะแน่หากแยกย้ายกันตอนนี้ ทุกตัวรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของฉลามที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ จึงได้แต่ออกจากพื้นที่นั้นไปด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
หลังจากบรรดาเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำออกไปแล้ว จางเซวียนหันกลับไปมองฉลามสามพี่น้องและพยักหน้า “ในเมื่อพวกคุณยอมจำนนให้ผมแล้ว ผมก็จะตั้งชื่อให้เพื่อจะได้เรียกขานได้สะดวกกว่าเดิม คุณคือฉลามหมายเลข 1, คุณคือฉลามหมายเลข 2, ส่วนคุณคือฉลามหมายเลข 3”
ฉลามทั้ง 3 ถึงกับงง
จางเซวียนไม่ใส่ใจสีหน้าเหมือนปลาท้องผูกของฉลามที่อยู่ตรงหน้า เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผมอยากให้พวกคุณทบทวนรายละเอียดให้ผมฟังว่าหัวหน้าตำหนักคว้าดาวประกอบพิธีกรรมเพื่อเรียกเทพเจ้าจากสวรรค์ลงมาได้อย่างไร และจากนั้นเทพเจ้าเดินทางไปที่ไหน”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน…” ฉลามหมายเลข 1 เริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น “จู่ๆหัวหน้าตำหนักคว้าดาวก็ปรากฏตัวที่ทะเลว่างเปล่า ในตอนนั้นพวกเราไม่รู้ว่าเป็นเธอ เราแค่ไม่พอใจที่เห็นมนุษย์คนหนึ่งรุกล้ำเข้ามา จึงเล่นงานเธอทันที แต่ด้วยความเหลื่อมล้ำของพละกำลัง พวกเราจึงพ่ายแพ้ยับเยิน”
ในครั้งนั้น พวกมันเป็นแค่อสูรที่มีวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ จึงเป็นธรรมดาที่จะสู้กับหัวหน้าตำหนักตู้ชิงหย่วนไม่ได้
“จากนั้น เธอก็ใช้เลือดสดๆของพวกเราเป็นเครื่องบรรณาการสำหรับการประกอบพิธีกรรม เธอฉีกกระชากสวรรค์และเรียกเทพเจ้าลงมา ความพยายามครั้งแรกของเธอล้มเหลว เธอจึงขับเคลื่อนพละกำลังจนเต็มพิกัดและพยายามเป็นครั้งที่ 2 ในครั้งที่ 2 นี้เธอน่าจะใช้พลังงานไปเกือบหมด หน้าตาของเธอจึงเหี่ยวย่นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นยายแก่ ดูเหมือนเธอใกล้ตายเต็มทีเพราะความอ่อนแรง พวกเราคิดว่าทุกอย่างคงจบเห่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่า…เทพเจ้าปรากฏตัวขึ้นในเวลานั้นจริงๆ”