อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2086 บอกมาได้เลย
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2086 บอกมาได้เลย
ครึ่งวันให้หลัง จางเซวียนก็มาถึงเกาะคว้าดาว
“คารวะเจ้าสำนักหลิว” คุ่ยเฉี่ยวประสานมือ
เขาคิดว่าชายหนุ่มคงแค่ออกสำรวจบริเวณโดยรอบ ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเพิ่งเดินทางเข้าสู่ทะเลว่างเปล่าที่แสนอันตราย
“เจ้าสำนัก?” จางเซวียนขมวดคิ้ว
“ผมเพิ่งสั่งการเหล่าผู้อาวุโสให้ให้ส่งข่าวอย่างเป็นทางการไปถึง 5 สำนักใหญ่ นับจากวันนี้ไปคุณคือเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงของพวกเรา” คุ่ยเฉี่ยวพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ไม่ต้องกังวลไป ผมจะคอยช่วยเหลือคุณในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่ง”
จางเซวียนนึกไม่ถึงว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้ เขาทำได้แค่ส่ายหน้า
ในเมื่อตกปากรับคำกับคุ่ยเฉี่ยวไปแล้ว ก็ไม่อาจคืนคำได้ อีกอย่าง อิทธิพลของเขาในฐานะเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวงจะทำให้เขาเดินทางตระเวนไปทั่วทวีปที่ถูกลืมได้สะดวกขึ้นมาก
สิ่งที่เขาต้องทำก็คือทิ้งเต่าหลังดำไว้ให้เป็นการตอบแทนก่อนที่เขาจะออกจากดินแดนนี้
“ความสัมพันธ์ของสำนักดาวเจ็ดดวงกับตำหนักคว้าดาวเป็นอย่างไร?” จางเซวียนตั้งคำถาม
“โดยรวม ตำหนักคว้าดาวไม่เป็นมิตรเท่าไหร่กับอีก 5 สำนักใหญ่ที่เหลือ ซึ่งสำนักดาวเจ็ดดวงก็ติดต่อกับตำหนักคว้าดาวเฉพาะเรื่องธุรกิจเท่านั้น ส่วนที่นอกเหนือจากนั้น ผมเกรงว่าเราจะไม่มีสายสัมพันธ์ใดๆกับพวกเขา” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวตอบ
“พูดอีกอย่างก็คือ เราไม่ได้สนิทสนมกับพวกนั้นใช่ไหม?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิด” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวพยักหน้า “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเจรจาต่อรองกับพวกเขาจะเป็นไปไม่ได้ ในฐานะเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง ขอแค่สิ่งที่คุณร้องขอไม่ได้เกินขอบเขตไป พวกเขาก็น่าจะพยายามทำตามคำขอของคุณเพื่อรักษามารยาทพื้นฐานไว้”
แม้ทั้งสองสำนักจะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ในฐานะเจ้าสำนักของ 6 สำนักใหญ่ ก็ยังพอเอื้อประโยชน์ให้กันและกันบ้าง เพราะถึงอย่างไร ต่างคนก็ยังต้องพึ่งพากัน โดยเฉพาะเมื่อมีภัยคุกคามใหญ่หลวงรอคอยอยู่
คงไม่ฉลาดนักหากจะผิดใจกันด้วยเรื่องเล็กน้อย
“ผมอยากเข้าพบหัวหน้าตำหนักคว้าดาวเพื่อถามอะไรสักหน่อย” จางเซวียนพูด
“ถ้าคุณต้องการแค่ถามคำถามล่ะก็ คงไม่มีปัญหาหรอก” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวพยักหน้า “ขอแค่เรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมและเหล่าเทพเจ้าของพวกเขา ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอุปสรรคใด อย่างที่คุณรู้ ความยิ่งใหญ่สูงสุดของตำหนักคว้าดาวคือความสามารถในการเข้าถึงเทพเจ้า จึงเป็นธรรมดาที่เรื่องนั้นจะเป็นความลับของพวกเขา คงไม่เข้าทีหากจะขอให้พวกเขาแบ่งปันเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้”
ในครั้งนั้น ตอนที่เจ้าสำนักทั้ง 6 รวมตัวกันเพื่อหารือเรื่องแผนการเข้าสู่สะพานเบื้องบน หัวหน้าฉิงหย่วนเปรยเรื่องนี้ขึ้นมาเพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เกือบทำให้พวกเขามีเรื่องกัน
ขอแค่คำถามของชายหนุ่มไม่แตะต้องประเด็นอ่อนไหวนี้ ทุกอย่างก็น่าจะราบรื่น
“เอ่อ…”
คำพูดนั้นทำให้จางเซวียนตาค้าง
นั่นคือสองเรื่องที่เขาตั้งใจจะถามหัวหน้าตำหนักคว้าดาว!
เห็นอาการของชายหนุ่ม ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวตาโตขณะถามอย่างระแวง “เจ้าสำนักหลิว คุณตั้งใจจะสอบถามเรื่องพวกนั้นกับพวกเขาหรือ?”
“มีบางเรื่องที่สำคัญมากกับผม ซึ่งผมอยากขอความชัดเจนจากหัวหน้าตู้” จางเซวียนตอบอย่างลังเล “ว่าแต่…คุณรู้หรือเปล่าว่าผมจะเข้าถึงตัวเธอได้อย่างไร?”
แม้เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวจะทำให้เขาหมดกำลังใจไปแล้ว แต่ก็ยังอยากลองดู
ถ้าเขาเข้าพบหัวหน้าตู้ชิงหย่วนและสอบถามเธอในฐานะเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง ก็น่าจะได้รับปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีกว่าการเข้าไปในฐานะศิษย์สายตรงคนหนึ่ง
เห็นชายหนุ่มตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวกุมขมับด้วยความลำบากใจ เขาเพิ่งบอกอีกฝ่ายไปหยกๆว่าส่งมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้ แต่หมอนี่ก็ตั้งต้นสร้างปัญหาทันที
แต่เพราะเห็นแก่ความที่ชายหนุ่มเป็นเจ้าสำนักของพวกเขาแล้ว ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวพูดต่อ “การเข้าถึงตัวเธอไม่ได้ยากเกินไป ผมพอจะช่วยคุณจัดการพบปะได้ แต่ผู้อาวุโสหลิว…คุณจะต้องหนักแน่นและวางตัวให้ดีนะ หัวหน้าตำหนักตู้เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวมาก ถ้าคุณเกิดความขัดแย้งใดๆกับเธอล่ะก็ คงต้องขอให้คุณระงับอารมณ์และคำนึงถึงผลประโยชน์ของสำนักของเราก่อน…”
พูดตามตรง เขาไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของชายหนุ่มมากนัก เพราะถึงตู้ชิงหย่วนจะเป็นนักรบผู้เก่งกาจไร้เทียมทาน แต่เจ้าสำนักคนใหม่ของพวกเขาก็มีของล้ำค่าขั้นสรวงสวรรค์และเต่าหลังดำอยู่กับตัว หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ ฝ่ายที่เสียเปรียบก็ไม่น่าจะเป็นเขา
แต่ก็นั่นแหละ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้งเลยย่อมดีกว่า ในฐานะเจ้าสำนัก ความสัมพันธ์ที่ดีหรือแย่ย่อมมีผลต่อการชี้ชะตาของกลุ่มอำนาจแต่ละกลุ่มในอนาคต
“วางใจเถอะ ผมแค่ถามคำถามพื้นๆไม่กี่ข้อ ไม่คิดจะทำลายสัมพันธไมตรีหรอก” จางเซวียนตอบยิ้มๆ
จางเซวียนผ่านสถานการณ์ที่ต้องใช้วิธีต่อตาฟันต่อฟันมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเขาจะไม่สร้างความวุ่นวายใดๆถ้าอีกฝ่ายไม่ยั่วยุเขาก่อน โดยเฉพาะเมื่อมีความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเป็นเดิมพัน
“แบบนั้นก็ค่อยยังชั่ว!” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวยกมือทาบอกอย่างโล่งใจเมื่อได้รับคำมั่นสัญญา “เอาเถอะ ผมจะช่วยคุณติดต่อเธอเดี๋ยวนี้”
จากนั้นเขาก็นำตราหยกสื่อสารออกมาอันหนึ่งและแตะมันเบาๆ
ครู่ต่อมา ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวเงยหน้า “เจ้าสำนักหลิว หัวหน้าตู้ตอบตกลงที่จะพบคุณ แต่เธออยากให้การพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นที่ตำหนักคว้าดาว”
จางเซวียนพยักหน้า
เรื่องสถานที่ไม่ใช่ปัญหา
ภายใต้การนำของผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยว ทั้งคู่ออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็มายืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ของตำหนักคว้าดาว
ตำหนักคว้าดาวไม่เหมือนสำนักอื่นๆ ที่นี่ดูไม่ต่างกับวังธรรมดาๆแห่งหนึ่ง มันตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองใหญ่เหมือนสำนักดาวเจ็ดดวง แต่หน้าตาของวังเทียบความสง่างามกับอาคารสูงตระหง่านทั้ง 7 ของสำนักดาวเจ็ดดวงไม่ได้
แต่ถ้าพิจารณาให้ถี่ถ้วน ก็จะรู้สึกได้ว่าพลังจิตวิญญาณในรัศมีหลายล้านลี้พุ่งตรงเข้าสู่วังนั้นอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นค่ายกลขนาดมหึมา
ก็เพราะรากฐานอันมั่นคงแข็งแกร่งนี้ ตำหนักคว้าดาวจึงยืนหยัดอยู่ได้แม้จะถูกห้อมล้อมด้วยเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่ทรงพลังจำนวนมากมาย
ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวยื่นสมุดแนะนำตัว แล้วทั้งคู่ก็เข้าสู่ตำหนักทันที ภายใต้การนำของบริวารสตรีคนหนึ่ง พวกเขาเดินเลี้ยวซ้ายขวาหลายครั้งก่อนจะหยุดที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่
ทั้งคู่รออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสุภาพสตรีคนหนึ่งก็เข้ามาในห้องรับแขกและพูดว่า “เจ้าสำนักหลิว หัวหน้าตำหนักของเราอยากพบคุณเป็นการส่วนตัว ฉันคงต้องขอให้ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวรอที่นี่”
“ผมเข้าใจ” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวพยักหน้า
เขารู้ดีว่าชายหนุ่มมีความลับบางอย่างที่อยากหารือกับตู้ชิงหย่วน จึงไม่เหมาะสมนักถ้าเขาจะอยู่ด้วย
ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวเตือนชายหนุ่มให้ระวังตัวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
จางเซวียนเดินตามสุภาพสตรีผู้นั้นออกจากห้องรับแขกไป จากนั้นก็ผ่านทางเดินที่นำไปสู่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
ภายในห้องเงียบกริบจนน่ากลัว ร่างหนึ่งที่สวมผ้าคลุมศีรษะผืนใหญ่ยืนอยู่ที่ใจกลางห้อง ผืนผ้านั้นบดบังสายตาไว้
เสียงสุขุมนุ่มลึกดังมาจากใต้ผ้าคลุมศีรษะนั้น “ยินดีต้อนรับเจ้าสำนักหลิว ฉันเพิ่งได้ข่าวการสถาปนาตำแหน่งของคุณ และไม่คิดว่าคุณจะมาถึงที่นี่รวดเร็วขนาดนี้”
“สำนักดาวเจ็ดดวงเป็นพันธมิตรคู่ค้ากับตำหนักคว้าดาวมาตลอด ฉันเชื่อว่าเรื่องที่ทำให้เจ้าสำนักหลิวอยากพบฉันในครั้งนี้จะต้องสำคัญมาก ฉันจะพยายามเต็มที่ที่จะทำตามคำขอของคุณหากอยู่ในวิสัยที่ฉันทำได้”
จางเซวียนออกจะไม่พอใจที่เห็นหัวหน้าตำหนักคว้าดาววางท่าใส่เขาด้วยการพูดจาผ่านผ้าคลุมศีรษะ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าตู้ชิงหย่วนมีนิสัยแบบนี้ อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังพยายามทดสอบหรือไม่ก็ดูถูกเขา
แต่จางเซวียนก็ประสานมือและตอบว่า “ผมมีเรื่องด่วนที่อยากขอความช่วยเหลือคุณ, หัวหน้าตู้”
สุภาพสตรีที่สวมผ้าคลุมศีรษะพยักหน้า “บอกมาได้เลย”
“หัวหน้าตู้ ผมได้ยินว่าเมื่อ 2 เดือนก่อน คุณประกอบพิธีกรรมเพื่อเรียกเทพเจ้าให้ลงมายังทวีปที่ถูกลืม ผมอยากถามอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเทพเจ้าสักหน่อย” จางเซวียนพูด
ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องขจัดข้อสงสัยที่ค้างคาใจให้ได้
“เจ้าสำนักหลิว, ฉันไม่รู้ว่าคุณได้ข่าวนั้นมาจากไหน แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าคุณพูดเรื่องอะไร เพราะฉะนั้น…เกรงว่าคงบอกอะไรคุณไม่ได้” ร่างที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมศีรษะตอบอย่างเฉยชา
จางเซวียนย่นหน้าผาก เขาพูดต่อ “ผมไปที่ทะเลว่างเปล่าเพื่อสืบเสาะเรื่องนี้ด้วยตัวเอง มีพยานบอกผมว่าเมื่อ 2 เดือนก่อนคุณไปเยือนสถานที่แห่งนั้น คุณประกอบพิธีกรรมเพื่อเรียกเทพเจ้าลงมา แต่พิธีกรรมนั้นล้มเหลว ส่งผลให้เทพเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างที่กำลังหาทางลงมาสู่ทวีปที่ถูกลืม”
“เจ้าสำนักหลิวคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ ฉันเก็บตัวอยู่ในตำหนักคว้าดาวมาหลายปีแล้ว ไม่มีทางที่ฉันจะไปทะเลว่างเปล่า เกรงว่าจะไม่รู้จริงๆว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร” ร่างนั้นตอบ “ถ้าคุณพยายามจะเค้นเอาเรื่องราวให้ได้ล่ะก็ เจ้าสำนักหลิว…ฉันคงไม่มีเวลาหารือกับคุณ เสี่ยวชิง, ส่งแขก!”
สุภาพสตรีที่พาจางเซวียนเข้ามาเดินมาหาและเชิญเขาออกไป “เจ้าสำนักหลิว เชิญทางนี้”
“ถ้าคุณไม่เต็มใจเปิดเผยข้อมูลเรื่องนั้นล่ะก็ หัวหน้าตู้ ยกโทษให้ความไร้มารยาทของผมด้วยก็แล้วกัน!”
จางเซวียนไม่ใส่ใจสุภาพสตรีคนนั้น เขาคำรามก่อนจะยกเท้าขึ้น
เขารู้ดีว่าตู้ชิงหย่วนจะต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลัวลั่วชิง ต่อให้เขาต้องพลิกทั้งตำหนักคว้าดาว ก็จะต้องค้นหาความจริงให้ได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาอาจต้องคิดหนัก แต่เมื่อมีของล้ำค่ากับอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คอยคุ้มกัน เขาก็มีวิธีที่จะบีบบังคับให้อีกฝ่ายเปิดปาก
หากเป็นเรื่องอื่น จางเซวียนไม่เดือดร้อนที่จะรอ แต่สำหรับเรื่องนี้ เขารอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
“ไร้มารยาท?” เสียงจากผ้าคลุมศีรษะเย็นเยียบขึ้นมาทันที “เจ้าสำนักหลิว คุณคิดจะเป็นศัตรูกับตำหนักคว้าดาวหรือ?”
“ผมไม่อยากทำแบบนั้นหรอก ที่ผมต้องการก็คือขอให้คุณช่วยไขข้อสงสัยเล็กน้อยของผมเท่านั้น, หัวหน้าตู้” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ
ฟึ่บ!
อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 4 ตัวปรากฏขึ้นในห้องนั้นพร้อมกัน
“เชิญหัวหน้าตู้มาตรงนี้!”
“ขอรับ นายท่าน!”
แม้ฉลามสามพี่น้องกับเต่าหลังดำจะเป็นเผ่าพันธุ์อสูรที่อยู่ใต้น้ำ แต่เพราะพวกมันสำเร็จวรยุทธขั้นสูงแล้ว จึงใช้ชีวิตบนบกได้ เพียงแต่พละกำลังของพวกมันจะลดลงเล็กน้อย
เมื่อเผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำ 4 ตัวสำแดงพละกำลังออกมาพร้อมกัน พลังงานมหาศาลก็ระเบิดขึ้นสู่กลางอากาศ
“บังอาจ!”