อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2089 ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2089 ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา
เขายั้งมือไว้ ไม่ได้โจมตีตั้งแต่แรกเพราะอยากเห็นว่ากลุ่มคนจากหอเทพเจ้าจะมีไม้ตายอะไร อีกอย่าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์จากหอเทพเจ้า จึงจะโจมตีก็ต่อเมื่อมั่นใจว่าตัวเองจะได้ชัยชนะ เพราะไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยคนอื่นไม่ได้ ตัวเขาเองก็จะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง
แต่โชคไม่ดีที่กลุ่มคนจากตำหนักคว้าดาวไม่อาจผลักดันให้นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ปล่อยการโจมตี
แม้จะยังไม่แน่ใจ แต่จางเซวียนก็รู้ว่าไม่อาจปล่อยให้หอเทพเจ้านำตัวคนพวกนี้ไปได้ เหตุผลข้อแรกก็คือจะทำให้ตู้ชิงหย่วนตกอยู่ในอันตราย ซึ่งนั่นจะทำให้เขาเสาะหาข้อมูลที่ต้องการได้ยากขึ้นอีก
และที่ลืมไม่ได้ก็คือเขามีความขัดแย้งกับหอเทพเจ้าด้วย จางเซวียนไม่แน่ใจว่าหอเทพเจ้าคิดอะไร แต่การจะเข้าไปก้าวก่ายสิ่งที่พวกนั้นกำลังทำก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
จางเซวียนแอบนำดาบถงซังกับดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีก 4 เล่มออกมา เขาตั้งใจจะรีบสังหารนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้ง 4 คนโดยเร็ว ก่อนจะเล่นงานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนนั้น
แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ลมหอบใหญ่ก็พัดมาแต่ไกล จากนั้นแรงกดดันมหาศาลก็แผ่ซ่านเข้ามาในห้อง
นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีกคนหนึ่งหรือ? จางเซวียนเลิกคิ้ว
เขารีบยับยั้งการขับเคลื่อนพลังปราณและปกปิดรังสีของตัวเองต่อไป
ใครน่ะ?
ชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้ารับรู้ได้ถึงผู้บุกรุก เขาจับจ้องบริเวณโดยรอบอย่างถี่ถ้วน
เสียงอบอุ่นนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้น “สหาย ไม่รู้สึกบ้างหรือว่าทำเกินไปแล้ว? ผมคงต้องขอให้คุณปล่อยคนของตำหนักคว้าดาวซะ”
จากนั้น ชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวก็ร่อนลงมาที่บริเวณทางเข้าก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน
เขาดูมีอายุราว 60 ปี มีเคราพลิ้วไหวที่บ่งบอกความเป็นนักปราชญ์
เป็นอย่างที่จางเซวียนคิดไว้ วรยุทธของอีกฝ่ายคือขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ และรังสีก็ล้ำลึกอย่างเหลือเชื่อ ดูเหมือนจะมองทะลุความลึกลับต่างๆได้ เขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าหานเจี้ยนชิวเสียอีก
เขามาจากสำนักอมตะเลือนหายหรือเปล่า? จางเซวียนขมวดคิ้ว
เขาได้พบ 4 ใน 6 เจ้าสำนักแล้ว ขาดแต่หัวหน้าตู้กับเจ้าสำนักอมตะเลือนหาย
เหตุผลเดียวที่ฉลามสามพี่น้องกับเต่าหลังดำฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จก็เพราะโลหิตเทพเจ้า และด้วยธรรมชาติของหอเทพเจ้า จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อยู่มากมาย
นอกจากคนเหล่านั้น ในโลกนี้ก็น่าจะมีแต่ผู้นำ 6 สํานักใหญ่ที่มีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์
เห็นได้ชัดว่าชายชราที่เพิ่งปรากฏตัวไม่ใช่พันธมิตรของหอเทพเจ้า นัยน์ตาของฉู่อิงกับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ฉายความงุนงงอย่างชัดเจน
เพราะฉะนั้น คนเดียวที่เป็นไปได้ก็คือเจ้าสำนักอมตะเลือนหาย
ชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้าคำราม “คุณอยากให้ผมปล่อยพวกเขา? พิสูจน์ตัวเองก่อนสิว่าคู่ควรกับการพูดแบบนั้นออกมา!”
ฟึ่บ!
นักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 2 คนจากหอเทพเจ้าเงื้อดาบขึ้นและพุ่งเข้าใส่ชายชรา
แม้ทั้งสองจะไม่ได้จงใจผนึกกำลังกัน แต่เจตจำนงเพลงดาบของพวกเขาก็ดูจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นพลังที่ฉีกกระชากความว่างเปล่าในมิติตรงหน้า
ในแง่ของความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบ ทั้งสองไม่ได้อ่อนด้อยกว่าผู้อาวุโสเหอเทียนและคนอื่นๆในสำนักดาบเมฆเหินเลย
เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ทั้งสองแผ่ออกมา จางเซวียนได้แต่กำหมัดแน่น
เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งยกระดับวรยุทธขึ้นได้อีกมาก ทำให้เกือบจะเป็นผู้ไร้เทียมทานในบรรดานักรบอมตะขั้นสูงทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องยอมรับว่าพละกำลังของนักรบทั้งสองจัดว่าไร้เทียมทานมาก หากสำแดงพละกำลังให้ดี ก็คงบีบให้เขาจนมุมได้
ต่อให้อสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อย่างเต่าหลังดำก็คงรับมือกับสองคนนี้ได้ยาก
จางเซวียนพุ่งความสนใจไปที่ชายชรา อยากเห็นว่าอีกฝ่ายจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร
จางเซวียนเห็นรอยยิ้มปรากฏบนฝีปากของชายชราขณะที่ปล่อยการโจมตี ชายชราชูมือขึ้นแล้วโบกเบาๆ
พลั่ก! พลั่ก!
นักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์สองคนจากหอเทพเจ้าถูกสอยกระเด็นไปกระแทกพื้น ทั้งคู่หน้าซีดขณะกระอักเลือดออกมา
มันเป็นแค่การโจมตีครั้งเดียว แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว!
จางเซวียนตาโต
เขาเคยคิดว่าชายชราคงแข็งแกร่งกว่าหานเจี้ยนชิวเพียงเล็กน้อย แต่กลับกลายเป็นว่าเขาประเมินพละกำลังของอีกฝ่ายต่ำไปมาก
ยากที่จะเชื่อว่าสิ่งที่ดูเหมือนการโบกมือธรรมดาๆจะมีพละกำลังเหลือเชื่อขนาดนั้น!
หลังจากสอยนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้งคู่กระเด็นไป ชายชราก็พุ่งเข้าใส่นักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อีกสองคนที่จับตัวฉู่อิงกับผู้อาวุโสที่ 1จ้าวเยว่ไว้ ก่อนจะโบกมือเบาๆอีกครั้ง
มันเป็นกระบวนท่าเรียบง่ายที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ภายใน นักรบทั้งสองพยายามตอบโต้ แต่ทุกอย่างที่พวกเขาสำแดงออกไปก็ถูกตีกลับอย่างง่ายดาย
ตุ้บ! ตุ้บ!
เกิดเสียงตุ้บเบาๆอีก 2 ครั้ง แล้วทั้งคู่ก็ถูกสอยกระเด็นไปกระแทกพื้น บาดเจ็บสาหัส เท่าที่ดูจากบาดแผล ในเร็วๆนี้คงไม่อาจสู้รบกับใครได้อีก
“ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วนะ” ผู้อาวุโสพูดยิ้มๆขณะกระดิกนิ้วเพื่อปลดปล่อยฉู่อิงกับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่จากพลังที่พันธนาการพวกเขาไว้
“พวกเราสำนึกในบุญคุณอย่างสูงสุดที่คุณช่วยชีวิตเรา” ฉู่อิงกับผู้อาวุโสจ้าวเยว่รีบโค้งคำนับ
“นั่นคือสิ่งที่ผมควรทำ” ชายชราตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ “คุณจะทำอะไรก็ทำสิ”
“คุณนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ” ชายวัยกลางคนตั้งข้อสังเกตพร้อมกับหรี่ตา
เขานึกไม่ถึงว่าผู้บุกรุกจะเก่งกาจถึงขนาดเล่นงานลูกน้องทั้ง 4 คนของเขาที่เป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย เพราะแม้แต่ตัวเขาก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งหากจะเล่นงานคนเหล่านี้
แต่ยังไม่ทันจะได้ใคร่ครวญให้ดี ชายชราที่อยู่ตรงหน้าก็พุ่งเข้าใส่เขาแล้ว
ชายวัยกลางคนพุ่งออกไปเพื่อตอบโต้การโจมตีนั้น
การต่อสู้ระหว่างนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์สองคนทำให้เกิดรอยแยกมากมายนับไม่ถ้วนในมิติโดยรอบ โชคดีที่ห้องนี้มีค่ายกลปกป้องไว้ ไม่อย่างนั้น กว่าการต่อสู้จะสิ้นสุด เกาะคว้าดาวทั้งเกาะคงแตกเป็นเสี่ยงๆ
จางเซวียนรู้ดีว่าโอกาสจะได้เห็นการต่อสู้ของนักรบทรงพลังระดับนี้ถึง 2 คนไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้และเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
การโจมตีของชายวัยกลางคนนั้นทรงพลัง เฉียบคม และหนักหน่วง แต่ชายชราก็สามารถนำหลากหลายวิธีการมาตอบโต้
เพียงครู่เดียว ทั้งสองก็โรมรันพันตูกันอย่างดุเดือด น่าประหลาดที่พวกเขาดูจะสู้กันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
ว่าแต่…ทำไมกระบวนท่าของชายชราผู้นี้ถึงดูคุ้นตานัก? จางเซวียนครุ่นคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว
ดูเผินๆ กระบวนท่าของชายชราเหมือนจะเรียบง่าย แต่ทุกกระบวนท่าล้วนมีเป้าหมายที่จุดสำคัญของคู่ต่อสู้ ทำให้ปัดป้องได้ยาก เห็นได้ชัดว่าชายชราเป็นรองชายวัยกลางคนในด้านพละกำลังและความบริสุทธิ์ของพลังปราณ แต่ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป ก็ดูเหมือนชายวัยกลางคนจะถูกบีบให้ล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า
เห็นได้ชัดว่าใครเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เทคนิคการต่อสู้ของชายชราค่อนข้างจะใกล้เคียงกับเทคนิคการต่อสู้เทียบฟ้าฉบับเรียบง่าย มันประกอบด้วยแนวคิดอันล้ำลึกและกระบวนท่าเรียบง่ายที่สามารถดึงประสิทธิภาพการต่อสู้สูงสุดออกมา จางเซวียนคิด
เขาค่อยๆรู้สึกได้ถึงอาการเดจาวูที่ดูจะมาจากความเหมือนในเทคนิคการต่อสู้ของพวกเขา สไตล์การต่อสู้ของชายชราคือหลบเลี่ยงไปมาและหาโอกาสโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้
เขาน่าจะชนะ…จางเซวียนพยักหน้า
พลั่ก!
ทันทีที่จางเซวียนเกิดความคิดนั้น ชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้าก็ถูกเล่นงานอย่างจังที่หน้าอก ทำให้ต้องถอยกรูดไปหลายก้าว
“แก ไอ้สารเลว! ดูซิว่าแกจะรับมือกับสิ่งนี้อย่างไร!”
ชายวัยกลางคนคำรามก้อง จากนั้นก็ชักดาบออกมาแล้วถ่ายทอดกระแสดาบฉีเข้าไป ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
เท่าที่เห็น ดูเหมือนสิ่งนี้น่าจะเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของชายวัยกลางคน เขาตั้งใจจะเล่นงานชายชราให้อยู่หมัดให้ได้
ชายชรามีสีหน้าเคร่งเครียด เขากำลังจะตอบโต้ ก็พอดีกับที่ร่างที่อยู่ตรงหน้าพร่าเลือนไป ทั้งชายวัยกลางคนและนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้ง 4 หายวับไปพร้อมกัน
“คราวนี้ผมยกให้ ฝากไว้ก่อน อย่าให้ผมเจอคุณอีกก็แล้วกัน…”
ด้วยคำพูดทิ้งท้ายนั้น นักรบทั้งกลุ่มจากหอเทพเจ้าหายวับไปจากตำหนักคว้าดาว
“เอ่อ…”
ชายชราถึงกับผงะกับการตอบโต้ที่ไม่เอาไหนจากหอเทพเจ้าผู้สูงส่ง เขาหัวเราะหึๆก่อนจะส่ายหน้า จากนั้นก็โผขึ้นสู่กลางอากาศเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ เมื่อแน่ใจว่ากลุ่มคนจากหอเทพเจ้าจากไปแล้ว จึงกลับมาหาฉู่อิงกับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่
“ผู้อาวุโส ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา”
ทั้งคู่ประสานมือและโค้งคำนับอย่างงาม
“ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรอก ผมมาช่วยตำหนักคว้าดาวเพราะคำสั่งของนายท่าน” ชายชราตอบพร้อมกับยิ้มให้
“นายท่าน?”
ฉู่อิงกับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่มองหน้ากันอย่างงุนงง
ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ประสานมืออีกครั้งและตั้งคำถาม “ไม่ทราบว่าฉันพอจะมีโอกาสได้รู้ชื่อของคุณและสำนักที่คุณสังกัดไหม?”
ในฐานะผู้อาวุโสที่ 1 ของตำหนักคว้าดาว จ้าวเยว่รู้จักนักรบชั้นนำของทั้ง 6 สำนักใหญ่ทุกคน แต่ไม่เคยเห็นชายชราที่อยู่ตรงหน้ามาก่อน ซึ่งทั้งๆที่เป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ใช่เจ้าสำนัก
แล้วสำนักนั้นจะต้องไร้เทียมทานขนาดไหน?
“ได้สิ ผมชื่อฟู่เฉิงสื่อ” ชายชราตอบด้วยน้ำเสียงที่เจือความภาคภูมิใจขณะลูบเครา “ผมเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งจากหอนิรันดร์!”
“หอนิรันดร์?”
ฉู่อิงกับผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ชะงัก
แม้ตำหนักคว้าดาวจะมีผู้มาเยือนมากมาย แต่ทั้งคู่ก็ไม่คิดเลยว่าชายชราผู้นี้จะมาจากหอนิรันดร์
จางเซวียนก็อึ้ง
เขารู้ว่าหอนิรันดร์ที่ปรมาจารย์ขงเป็นผู้ก่อตั้งมีนักรบผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย แต่ใครจะไปคิดว่านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ของพวกเขาจะทรงพลังขนาดนี้?
สมกับเป็นกลุ่มอำนาจที่ได้รับตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ ไปทั้งหมด
“ใช่” ผู้อาวุโสฟู่เฉิงสื่อพยักหน้า “หัวหน้าขงจับตาดูการเคลื่อนไหวของหอเทพเจ้ามาตลอด และรู้ว่าพวกนั้นตั้งใจจะเล่นงานตำหนักคว้าดาว จึงส่งผมมาช่วย โชคดีที่ผมมาทันเวลา ไม่อย่างนั้น สิ่งที่ตามมาคงแย่กว่านี้มาก”
“พวกเราโล่งอกเหลือเกิน ผู้อาวุโสฟู่, ฉันต้องขอรบกวนคุณให้แสดงความสำนึกในบุญคุณของพวกเราต่อหัวหน้าขงด้วย” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ประสานมือ
“คุณเกรงอกเกรงใจเกินไปแล้ว” ฟู่เฉิงสื่อตอบพร้อมกับพยักหน้า