อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2090 เราควรตามเขาไป…
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2090 เราควรตามเขาไป…
จากนั้นสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดกว่าเดิม เขามองผู้อาวุโสจ้าวเยว่แล้วเปรยด้วยความสงสัย “หอเทพเจ้าไม่เคยก้าวก่ายกิจธุระของทวีปที่ถูกลืม ขออภัยด้วยเถอะ แต่ผมขอทราบเหตุผลที่พวกนั้นเลือกโจมตีตำหนักคว้าดาวในช่วงเวลาแบบนี้ได้ไหม?”
“คือ…” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ลังเลเล็กน้อย
เห็นความลำบากใจของอีกฝ่าย ฟู่เฉิงสื่อเสริม “คิดเสียว่าผมไม่เคยถามคำถามนั้นก็แล้วกันถ้าคุณไม่สะดวกใจจะตอบ ผมแค่นึกเป็นห่วงหัวหน้าตู้ขึ้นมา ผมคงทำอะไรต่อไปได้ยากหากไม่รู้รายละเอียดที่แท้จริงของสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ผู้อาวุโสที่ 1, ผู้อาวุโสฟู่คือผู้ช่วยชีวิตพวกเรานะ…” ฉู่อิงมองผู้อาวุโสจ้าวเยว่
เรื่องสำคัญในเวลานี้คือช่วยชีวิตหัวหน้าตู้ ด้วยพละกำลังของทั้งคู่ ไม่มีทางที่จะทำเรื่องนั้นสำเร็จ ต้องพึ่งพาชายชราที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
ฉู่อิงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้อาวุโสที่ 1 ถึงยังลังเล ทั้งๆที่ตำหนักคว้าดาวกำลังลำบากแบบนี้
“…ฉันคิดว่าเราคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “ในเมื่อผู้อาวุโสฟู่คือผู้เชี่ยวชาญจากหอนิรันดร์ เล่าให้เขาฟังก็คงไม่เสียหายอะไร”
แม้หอนิรันดร์จะเป็นองค์กรลึกลับสำหรับทวีปที่ถูกลืม แต่พวกเขาก็มักทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของทวีปเป็นสำคัญ ไม่เคยมีข่าวคราวว่าคนเหล่านี้ร่วมมือกับหอเทพเจ้าหรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสม
ดังนั้น หากจะคิดว่าอีกฝ่ายไว้วางใจได้ ก็คงไม่ผิด
“อันที่จริง หอเทพเจ้าเข้ามาที่ตำหนักคว้าดาวของพวกเราก็เพื่อหวังจะครอบครองทรัพย์สมบัติล้ำค่าสูงสุดที่เรามี”
“ทรัพย์สมบัติล้ำค่าสูงสุดของพวกคุณ?” ฟู่เฉิงสื่อทวนคำพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใช่ มันคือแท่นบูชาที่ตำหนักคว้าดาวใช้ในการประกอบพิธีกรรม” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่อธิบาย
“แท่นบูชา?” ฟู่เฉิงสื่อเลิกคิ้ว
เหตุผลที่ตำหนักคว้าดาวเป็นที่ยำเกรงอย่างมากของสำนักอื่นๆก็เพราะความสามารถในการสื่อสารกับเหล่าเทพเจ้าผ่านพิธีกรรมของพวกเขา
พิธีกรรมเหล่านี้ไม่ได้ต้องการแค่เครื่องบรรณาการที่เหมาะสม ยังต้องมีแท่นบูชาที่ใช้รองรับเครื่องบรรณาการด้วย
ไม่น่าเชื่อว่าหอเทพเจ้าจะพยายามฉกฉวยแท่นบูชาไปจากตำหนักคว้าดาว!
“แท่นบูชาคือรากฐานของตำหนักคว้าดาว แล้วพวกเราจะมอบให้คนอื่นโดยง่ายได้อย่างไร? ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าตู้จึงมอบหมายภารกิจให้พวกเรายื้อเวลาออกไปจนกว่าเธอจะหาสถานที่ที่เหมาะสมในการประกอบพิธีกรรมเพื่อรายงานเรื่องนี้ต่อเทพเจ้า พวกเขาจะได้ชดเชยความเสียหายของเรา” ฉู่อิงอธิบาย
“ผมเข้าใจแล้ว” ฟู่เฉิงสื่อพยักหน้า
จางเซวียนที่ซ่อนตัวอยู่บนเพดานก็ตาโตเมื่อถึงบางอ้อ
เขานึกสงสัยมาตลอดว่าทำไมตำหนักคว้าดาวถึงให้ศิษย์สายตรงคนหนึ่งปลอมตัวเป็นตู้ชิงหย่วน เหตุผลที่แท้จริงคือแบบนี้
เมื่อหอเทพเจ้าจับตาดูสำนักคว้าดาวอยู่ ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมปล่อยให้ตู้ชิงหย่วนประกอบพิธีกรรมเพื่อรายงานเหตุการณ์ต่างๆให้เทพเจ้ารับรู้ เธอจึงต้องหาพื้นที่ลับหูลับตาเพื่อประกอบพิธีกรรมให้สำเร็จ และเพื่อยื้อเวลา ตําหนักคว้าดาวจึงเลือกฉู่อิงให้ปลอมตัวเป็นตู้ชิงหย่วนเพื่อหวังว่าหอเทพเจ้าจะไม่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แต่ก็น่าเสียดายที่ดูเหมือนหอเทพเจ้าจะมองเห็นการจัดฉากของพวกเขาได้ทะลุปรุโปร่งตั้งแต่ต้น
“ผู้อาวุโสฟู่ ดูเหมือนท่านอาจารย์ของฉันยังถูกนักรบจากหอเทพเจ้าตามล่าอยู่ ฉันขอวิงวอนให้คุณช่วยชีวิตเธอด้วย” ฉู่อิงทรุดตัวลงคุกเข่าและร่ำร้อง
“ถ้าผมทำได้ ผมจะช่วยเธอทันทีโดยไม่ลังเล” ฟู่เฉิงสื่อตอบอย่างเคร่งขรึม “แต่คุณต้องบอกผมว่าเธอมุ่งหน้าไปทางไหน และตั้งใจจะประกอบพิธีกรรมที่ไหน ไม่อย่างนั้น ผมก็เกรงว่าจะช่วยอะไรไม่ได้”
“คือ…”
รู้ดีถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ฉู่อิงมองหน้าผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ จากนั้นทั้งคู่ก็ครุ่นคิดหนัก
ที่หมายของหัวหน้าตู้เป็นความลับสุดยอด ซึ่งก่อนจะออกเดินทาง อีกฝ่ายก็กำชับพวกเขาไว้ว่าไม่ให้บอกใคร
“หอเทพเจ้ารู้เป้าหมายของพวกคุณแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาน่าจะส่งคนตามล่าหัวหน้าตู้ เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง ผมช่วยเธอไม่ได้หรอกจนกว่าจะรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”ฟู่เฉิงสื่อพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ผมเชื่อว่าพวกคุณคงรู้ดีกว่าใครว่าหัวหน้าตู้กับแท่นบูชามีความสําคัญต่อตำหนักคว้าดาวแค่ไหน ถ้าคุณสูญเสียทั้งคู่ไป ตำหนักคว้าดาวคงล่มสลาย และนี่ไม่ใช่สิ่งที่หอนิรันดร์อยากเห็น”
ฉู่อิงกับผู้อาวุโสจ้าวเยว่กำหมัดแน่น
ทั้งคู่รู้ดีว่าสิ่งที่ฟู่เฉิงสื่อพูดเป็นความจริง
การสูญเสียแท่นบูชาไปก็ไม่ต่างอะไรกับการสูญเสียไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุด เทียบได้กับการที่สำนักดาบเมฆเหินสูญเสียเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าเลยทีเดียว
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหัวหน้าตู้ในเวลานี้ ตำหนักคว้าดาวจะต้องอลหม่านแน่ เผ่าพันธุ์อสูรใต้น้ำที่เฝ้ารอเข้าคุกคามมาเนิ่นนานหลายปีจะใช้โอกาสนี้สังหารหมู่ทุกคนบนเกาะคว้าดาว!
ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะต้องปกป้องหัวหน้าตู้กับแท่นบูชาให้ได้!
ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยอาการไตร่ตรอง “ผู้อาวุโสฟู่ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ไว้ใจคุณ แต่การเปิดเผยที่อยู่ของหัวหน้าตู้อาจส่งผลร้ายแรงตามมา เราต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน”
ฟู่เฉิงสื่อมองทั้งคู่โดยไม่พูดไม่จา จากนั้นก็พยักหน้า “ถ้านี่คือเจตจำนงของตำหนักคว้าดาว ผมก็จะวางมือและกลับหอนิรันดร์”
จากนั้น เขาก็หันหลังกลับแล้วออกจากห้อง
การผลุนผลันกลับไปของฟู่เฉิงสื่อทำให้ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ตื่นตระหนก เธอรีบอุทานออกมา “กรุณารอสักเดี๋ยวเถอะ!”
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าตู้ของพวกเขาจริงๆ ชายชราคนนี้ก็คือความหวังสูงสุดและหนึ่งเดียวที่จะช่วยได้ ถ้าเขาผลุนผลันกลับไปแบบนี้ หัวหน้าตู้อาจต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือของหอเทพเจ้า!
ฟู่เฉิงสื่อชะงักฝีเท้าและมองทั้งคู่
“ผู้อาวุโสฟู่ ฉันขอดูตราสัญลักษณ์ของคุณได้ไหม?” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่ถาม
“ผมเข้าใจเจตนาของคุณ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก” ฟู่เฉิงสื่อตอบขณะนำตราสัญลักษณ์ออกมา
ที่จารึกไว้บนตราสัญลักษณ์คือตัวอักษรคำว่า ‘หอนิรันดร์’ ตัวอักษรนี้มีแนวคิดอันล้ำลึกอยู่เบื้องหลัง ถึงขนาดที่ต่อให้จิตรกรที่มีความสามารถระดับจางเซวียนก็ไม่อาจเลียนแบบการจารึกตัวอักษรนั้นได้
“มันคือตราสัญลักษณ์ผู้อาวุโสของหอนิรันดร์จริงๆ” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ขอบคุณมาก ผู้อาวุโสฟู่”
ฉู่อิงกับผู้อาวุโสจ้าวเยว่ประสานมือขณะกล่าวแสดงความสำนึกในบุญคุณ
เราควรตามเขาไป…
เมื่อคิดขึ้นได้ จางเซวียนลอบออกจากห้องนั้นไปอย่างแผ่วเบาราวกับลมโชย ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ฟู่เฉิงสื่อหายตัวไป
เป้าหมายของเขาในการมาตำหนักคว้าดาวคือหาตัวตู้ชิงหย่วนและสืบเสาะข้อเท็จจริงเรื่องหลัวลั่วชิง ในเมื่ออีกฝ่ายน่าจะอยู่ในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย เขาก็จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่นั่น
ไม่อย่างนั้น ถ้าตู้ชิงหย่วนถูกสังหารก่อนที่เขาจะได้พบเธอ เขาก็จะสูญเสียเงื่อนงำสุดท้ายที่เชื่อมโยงกับหลัวลั่วชิงไป
ความเร็วในการเดินทางของฟู่เฉิงสื่อนั้นว่องไวมาก กว่าจางเซวียนจะออกจากตำหนักคว้าดาว อีกฝ่ายก็หายวับไปแล้ว
“ดวงตาหยั่งรู้!”
พริบตาต่อมา คลื่นรบกวนเบาบางในอากาศที่ฟู่เฉิงสื่อทิ้งไว้ ซึ่งเป็นผลจากการเคลื่อนไหวของเขาก็ปรากฏชัดต่อสายตาของจางเซวียน
จางเซวียนรุดหน้าตามรอยนั้นไป
ไม่ช้าเขาก็ออกมาพ้นอาณาเขตของเกาะคว้าดาว ขณะมุ่งหน้าไป ร่องรอยอีกมากมายก็ปรากฏแก่สายตา ดูเหมือนจะมีคนกลุ่มหนึ่งสะกดรอยตามฟู่เฉิงสื่อไปด้วย
ร่องรอยเหล่านี้เป็นของนักรบทั้ง 5 จากหอเทพเจ้า แต่เมื่อครู่นี้พวกนั้นถูกฟู่เฉิงสื่อเล่นงานจนบาดเจ็บไปแล้วไม่ใช่หรือ? จางเซวียนขมวดคิ้ว
หรือพวกเขาใช้ศาสตร์ลับบางอย่างที่ทำให้ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว? แต่ถึงอย่างไร การที่พวกนั้นตามฟู่เฉิงสื่อไปก็ไม่ใช่สัญญาณที่ดี
เราต้องเร่งความเร็วแล้ว จางเซวียนคิดอย่างกระวนกระวาย
ไม่ว่า 5 คนนั้นจะรีรออยู่เพื่อตามฟู่เฉิงสื่อไปยังที่อยู่ของตู้ชิงหย่วนหรือด้วยเหตุผลอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้ก็คือ-ข้อมูลเรื่องที่อยู่ของตู้ชิงหย่วนได้รั่วไหลเข้าหูของหอเทพเจ้าแล้ว
รู้ดีว่าความเร็วของเขายังอ่อนด้อยเมื่อเทียบกับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ จางเซวียนรีบนำฉลามหมายเลข 1 ออกมาและเร่งให้มันเดินทาง
ครึ่งวันให้หลัง…
หลังจากเดินทางมาได้กว่า 1 ล้านลี้ ร่องรอยทั้งหมดก็หายวับไป จางเซวียนสั่งการฉลามหมายเลข 1 ให้หยุดและกลับเข้าไปในกระสอบอสูร ก่อนที่เขาจะเริ่มสำรวจบริเวณโดยรอบ
ตอนนี้เขาอยู่ท่ามกลางทะเลทรายแห้งแล้งทุรกันดาร ทรายสีเหลืองมีมากมายสุดลูกหูลูกตา ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดของมันอยู่ที่ไหน
ร่องรอยสิ้นสุดที่นี่…เป็นไปได้ไหมว่าเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายตั้งอยู่ภายใต้ผืนทรายสีเหลืองแห่งนี้? จางเซวียนครุ่นคิด
การที่ร่องรอยสิ้นสุดที่นี่ก็หมายความว่าตอนนี้เขาอยู่ไม่ไกลจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายแล้ว จางเซวียนจึงพยายามทบทวนรายละเอียดของเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายที่เขาได้อ่านจากหนังสือ
เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายคืออาณาจักรโบร่ำโบราณแห่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ชนพื้นเมืองยังมีบทบาททั่วทั้งทวีปที่ถูกลืม มันถูกซ่อนไว้ในทะเลทรายกว้างใหญ่…
จางเซวียนรีบซึมซับข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่หัวสมอง
บรรดาหนังสือที่อยู่ในหอสมุดของสำนักดาบเมฆเหิน หอนานาอสูร และสำนักดาวเจ็ดดวงล้วนมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนั้น
มันควรจะอยู่ในบริเวณนี้แหละ…
จางเซวียนสำรวจพื้นที่โดยรอบ ทันใดนั้นก็เลิกคิ้ว เขาเดินตรงไปยังทิศทางหนึ่ง ไม่ช้าก็มาถึงสันทราย
เมื่อมองด้วยตาเปล่า บริเวณนี้ดูจะไม่มีอะไรผิดแปลก แต่หากสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็จะรู้สึกได้ถึงรังสีดึกดำบรรพ์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผืนทรายสีเหลืองนั้น โลกที่ปลาสนาการไปจากสายตาของชาวโลกแล้วซ่อนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขานี่เอง
จางเซวียนเดินวนรอบสันทรายอย่างช้าๆขณะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปก้าวหนึ่งและกระทืบเท้าอย่างแรง
ฟึ่บ!
เกิดแรงดูดมหาศาลที่ฉุดเขาให้ร่วงลงไปทันที
จางเซวียนรีบตั้งตัวก่อนจะโผขึ้นสู่กลางอากาศ เมื่อมองบริเวณที่อยู่โดยรอบอีกครั้ง ก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่ในทะเลทรายแล้ว
ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเมืองขนาดใหญ่ที่ชำรุดทรุดโทรม มีแต่ซากปรักหักพังที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ ดูราวกับเขาได้ก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่
พื้นที่นี้แห้งแล้งมาก ไม่มีพืชพันธุ์ใดๆให้เห็น แถมยังมีบึงขุ่นคลั่ก หากเมื่อครู่นี้เขาตกลงไปในบึง คงถูกกลืนลงไปทั้งตัวแน่
นี่คือเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายหรือ? จางเซวียนหน้าตาเคร่งเครียด