อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2093 คุณทำอะไรน่ะ?
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2093 คุณทำอะไรน่ะ?
เรื่องนี้ยากจะทำความเข้าใจ
จางเซวียนตาโตขณะอุทานออกมา “ไม่ใช่น่ะ ดูเหมือนพวกเขาจะตกหลุมพรางของค่ายกลภาพลวงตาเสียมากกว่า…”
เขาเคยปะทะกับนักรบจากหอเทพเจ้ามาแล้ว คนเหล่านั้นยึดถือเหตุผลเป็นใหญ่ ไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำหน้าที่ แต่สองคนนี้กระเหี้ยนกระหือรือจะฉีกเนื้อของอีกฝ่าย ทั้งยังโจมตีกันอย่างรุนแรงและดุเดือด เห็นได้ชัดว่าหัวสมองของพวกเขาถูกบางอย่างครอบงำ
มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีค่ายกลภาพลวงตาอยู่ในบริเวณนี้
จางเซวียนรีบเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้และสำรวจพื้นที่โดยรอบ แต่ไม่ช้าก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลผู้ช่ำชอง ความเข้าใจเรื่องค่ายกลของเขาอยู่ในระดับต้นๆของทวีปที่ถูกลืม ถ้ามีค่ายกลภาพลวงตาอยู่บริเวณนี้จริงๆ ก็น่าจะมีคลื่นรบกวนจากพลังจิตวิญญาณที่อยู่โดยรอบ ไม่มีทางที่ดวงตาหยั่งรู้ของเขาจะมองข้ามสิ่งนั้น
แต่จากการเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้ ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีคลื่นรบกวนของพลังงานอยู่เลย ทั้งยังไม่พบธงค่ายกลหรือแกนกลางของค่ายกลด้วย
“ถ้าไม่มีธงค่ายกลกับแกนกลางค่ายกล ก็ไม่มีทางจะมีค่ายกลภาพลวงตาได้ ซึ่งถ้าไม่ใช่ แล้วมันเป็นอะไร?”
จางเซวียนรีบสำรวจบริเวณโดยรอบอีกครั้ง ไม่ช้าเขาก็จับจ้องที่ดอกไม้ประหลาดกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก
ดอกไม้เหล่านี้มีสีแดงเร่าร้อนชวนให้หลงใหล พวกมันขึ้นกระจัดกระจายออกไปโดยแผ่เป็นวงกลม ด้วยดวงตาหยั่งรู้ เขาเห็นพวกมันซึมซับบรรยากาศของการเสื่อมถอยจากบริเวณโดยรอบเข้าไป
“นี่มัน…ดอกไม้ปีศาจใต้สำนึก!”
ดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกคือพืชในตำนานที่แผ่รังสีชนิดพิเศษซึ่งให้กำเนิดปีศาจใต้สำนึก การทำงานของมันคล้ายกับหินโชกเลือด ภายใต้สถานการณ์ปกติ ดอกไม้เหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อให้มีใครเข้าใกล้พวกมัน มันจะตอบโต้ก็ต่อเมื่อถูกโจมตีเท่านั้น
หรือว่าทั้งคู่เปิดการโจมตีดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกพวกนี้ก่อน ทำให้พวกมันตอบโต้?
แต่ในฐานะนักรบของหอเทพเจ้า พวกเขาไม่น่าจะโง่เง่าจนแยกแยะสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆไม่ออก โดยเฉพาะในสถานที่อันตรายอย่างเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย!
“ไม่น่ะ ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น” จางเซวียนตรวจสอบสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนก่อนจะได้ข้อสรุป “มันจะต้องเป็นกับดักที่ใครคนหนึ่งติดตั้งไว้ล่วงหน้า แล้วสองคนนี้ก็บังเอิญติดกับ”
เขารู้ว่ามีกระแสพลังงานมากมายถูกฝังไว้ในบริเวณใกล้กับดอกไม้ปีศาจใต้สำนึก ซึ่งหากใครเข้าใกล้จุดนั้น กระแสพลังงานก็จะระเบิดออก ทำให้ดอกไม้เกิดความโกรธเกรี้ยว
อาจเป็นได้ว่านักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ทั้งคู่หลงกล ทำให้ตกอยู่ในสภาพนี้
“ฝีมือตู้ชิงหย่วนหรือเปล่า?”
ตู้ชิงหย่วนรู้ดีว่ามีภัยอันตรายมากมายอยู่ในเมืองแห่งมิติที่ถูกลืม แต่ก็ยังยืนกรานจะมาที่นี่ นั่นบ่งบอกว่าเธอคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่เป็นอย่างดี และตั้งใจใช้มันให้เป็นประโยชน์กับตัวเองในการกำจัดคู่ต่อสู้
“ไม่ว่าเรื่องจริงคืออะไร แต่ก็เป็นผลดีกับเรา”
หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารุดหน้าต่อไป แต่พยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ดอกไม้ปีศาจใต้สำนึก
แต่หลังจากเดินไปได้ไม่กี่เมตร เขาก็หยุดกึก
“แบบนี้ไม่ได้การ ออกมาเฉยๆอย่างนี้ก็เสียดายแย่ ถึงอย่างไรสองคนนั้นก็จะตายอยู่แล้ว จัดการให้เสร็จๆไปเสียดีกว่า!”
เมื่อคิดได้ จางเซวียนปล่อยกระแสดาบฉีมากมายออกสู่พื้นที่โดยรอบ
วิ้งงงง!
เขากระทืบเท้า แล้วปราการรูปทรงกลมก็ปรากฏขึ้น ล้อมนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์สองคนนั้นไว้ ปกป้องพวกเขาจากรังสีของดอกไม้ปีศาจใต้สำนึก
ไม่ช้าทั้งคู่ก็ค่อยๆรู้สึกตัว นัยน์ตาที่แดงก่ำเริ่มจางลง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
“เราทำอะไรลงไปนี่…”
เมื่อฟื้นคืนสติ ทั้งคู่รีบเก็บดาบ
ขณะที่ยังคงงุนงงกับการหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น จางเซวียนที่ปลอมตัวเป็นนักรบคนหนึ่งของหอเทพเจ้าก็เดินเข้ามาและพูดว่า “พวกคุณสู้กันเองเพราะอิทธิพลของดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกที่อยู่ในบริเวณนี้!”
“ดอกไม้ปีศาจใต้สำนึก…”
เมื่อรู้ตัวว่าเกือบจะฆ่ากันเอง นักรบทั้งสองที่ได้รับบาดเจ็บเหงื่อไหลท่วมตัว
พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงอันน่าสะพรึงของดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกมานานแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะตกเป็นเหยื่อ
“ผมเกรงว่าผลกระทบจากดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกจะยังคงตกค้างอยู่ในร่างกายของคุณ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณทั้งคู่ต่อสู้กันเองอีก ผมคงต้องขอให้พวกคุณมอบดาบให้ผมก่อน” จางเซวียนสั่งการอย่างหนักแน่น
คำสั่งนั้นทำให้นักรบทั้งสองย่นหน้าผาก
“เร็วเข้าเถอะ ถ้าพวกคุณพ่ายแพ้ให้ดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกอีกรอบ พวกคุณตายกันหมดแน่!” จางเซวียนตวาดก้องขณะยื่นมือออกไปดึงอาวุธของทั้งคู่มา
นักรบทั้งสองบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วเพราะการต่อสู้เมื่อครู่ จึงทำอะไรไม่ได้แม้จะถูกจางเซวียนฉกฉวยอาวุธไป ยังไม่ทันจะรู้ตัว อาวุธของพวกเขาก็อยู่ในมือของอีกฝ่ายแล้ว
“คุณ…”
เห็นอีกฝ่ายใช้กำลังดึงอาวุธของพวกเขาไปดื้อๆ ทั้งคู่ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“ผมก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอก ที่ทำไปก็เพื่อให้พวกเรามีชีวิตรอดออกจากสถานที่เลวร้ายแบบนี้” จางเซวียนเก็บดาบ 2 เล่มนั้นไว้ในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะตบไหล่ของอีกฝ่ายเพื่อปลอบใจ
จากนั้น เขาก็โผขึ้นสู่กลางอากาศและบินหนีไป ปล่อยให้ทั้งคู่ยืนเซ่อกับคำพูดสุดท้าย “เอาล่ะ คุณสองคนสนุกกันที่นี่ละกันนะ…”
ฟึ่บ!
ปราการที่จางเซวียนติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ระเบิดออก ทำให้รังสีของดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกซึมซาบเข้ามาอีกครั้ง
“คุณทำอะไรน่ะ?”
เมื่อรู้สึกได้ว่าสภาวะจิตของพวกเขาเปลี่ยนไป นักรบจากหอเทพเจ้าทั้งสองคนงุนงงอย่างหนัก
หมอนั่นไม่ได้มาเพื่อช่วยชีวิตพวกเขาหรือ?
ทำไมจู่ๆก็ปล่อยให้รังสีของดอกไม้ปีศาจใต้สำนึกเล็ดลอดเข้ามาได้อีก?
แล้วที่เขาพูดว่า ‘สนุกกัน’ หมายความว่าอย่างไร? สถานการณ์แบบนี้มีอะไรให้สนุก?
แต่ความคิดเหล่านั้นก็ตกค้างอยู่ในหัวสมองของพวกเขาได้เพียงครู่เดียวก่อนจะถูกภาพลวงตาเข้าครอบงำอีกครั้ง ไม่ช้า นัยน์ตาของทั้งคู่ก็แดงก่ำ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่กัน
ตุ้บ! พลั่ก!
แม้ปราศจากอาวุธ พวกเขาก็ไม่ยั้งมือ ทุกการโจมตีตรงเข้าจุดเป็นจุดตาย ถึงขนาดที่พร้อมคร่าชีวิตของอีกฝ่ายได้
ไม่ช้าทั้งคู่ก็กระอักเลือดกองใหญ่ออกมาและทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมกัน เท่าที่เห็น พวกเขาหมดสภาพแล้ว
แม้ในวินาทีของความตาย ทั้งคู่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่วมทีมถึงปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเองหลังจากฉกฉวยอาวุธของพวกเขาไป
“ไม่มีอะไรต้องดูแล้วล่ะ ไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นผลลัพธ์ จางเซวียนคร้านจะเสียเวลา เขารุดหน้าต่อไป
ในเมื่อพวกนั้นกำลังจะตายอยู่แล้ว ก็คงสูญเปล่าหากจะทิ้งอาวุธไว้ที่นั่น ส่วนศพของคนเหล่านั้น…ตอนนี้เขามีศพของนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์อยู่ในแหวนเก็บสมบัติกองใหญ่ ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่ม
ขณะรุดหน้าไป ตัวโคลนของจางเซวียนสงบเสงี่ยมลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่แสดงความถือดีและหลงตัวเองอย่างที่เคยเป็น
ดูเหมือนความน่าพรั่นพรึงของเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายจะอยู่เหนือความคาดหมายของมัน
มันไม่สงสัยแล้วว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีใครเดินทางมาที่นี่ เพราะเพียงแค่บรรยากาศของการเสื่อมถอยที่อบอวลอยู่ทั่วบริเวณก็เป็นพิษภัยต่อนักรบส่วนใหญ่แล้ว
ด้วยดวงตาหยั่งรู้และหอสมุดเทียบฟ้า จางเซวียนมองเห็นภัยอันตรายล่วงหน้าและหลบเลี่ยงหรือปัดป้องพวกมันได้ ทำให้ขจัดความยุ่งยากไปได้มาก แต่ถึงอย่างนั้น ภายในระยะทางไม่ถึง 10 ลี้ เขาก็ถูกโจมตีถึง 3 ครั้งและเกือบติดกับอีก 2 ครั้ง
แต่ทั้งคู่ก็ก้าวข้ามความท้าทายต่างๆไปได้และเดินหน้าต่อไป ไม่ช้าก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังงานเข้มข้นที่อยู่ตรงหน้า
จางเซวียนกับตัวโคลนสบตากันก่อนจะย่องเข้าไป
จัตุรัสขนาดใหญ่ปรากฏแก่สายตา
ฝั่งซ้ายคือสุภาพสตรีคนหนึ่งที่สวมชุดเต็มยศพร้อมกับหน้ากากทองแดงปิดบังใบหน้า มีแท่นบูชาอันหนึ่งลอยตัวอยู่เงียบๆกลางอากาศไม่ห่างจากเธอมากนัก เปลวไฟสีฟ้าพวยพุ่งอยู่บนนั้น ดูเหมือนพิธีกรรมเริ่มต้นแล้ว
เส้นผมของเธอปลิวไสวขณะที่ถ่ายทอดพลังปราณทั้งหมดเข้าสู่แท่นบูชา ทำให้มิติโดยรอบบิดเบี้ยว
ฝั่งขวาคือชายวัยกลางคนจากหอเทพเจ้าที่มีใบหน้าคุ้นตา เขากำลังจับจ้องแท่นบูชาด้วยนัยน์ตาเย็นเยียบ
ฟู่เฉิงสื่อ?
ไม่ห่างจากตรงนั้น ร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น เลือดสดๆทะลักออกจากหน้าอกของเขา บ่งบอกอาการบาดเจ็บสาหัส ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟู่เฉิงสื่อจากหอนิรันดร์
จางเซวียนคาดการณ์ไว้แล้วว่าฟู่เฉิงสื่อน่าจะต้องปะทะกับชายวัยกลางคน แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้?
หรือสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงคนนั้นคือหัวหน้าตู้ชิงหย่วน? จางเซวียนคิดขณะเขม้นมอง
เขาไม่รู้ว่าพิธีกรรมมีขึ้นเพื่ออะไร แต่รับรู้ได้ถึงกระแสพลังปราณมหาศาลที่แผ่ออกจากร่างของสุภาพสตรีคนนั้น เท่าที่ดูจากพละกำลังของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอสำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์แล้ว
ผู้หญิงเพียงคนเดียวใน 6 สํานักใหญ่ที่สำเร็จวรยุทธขั้นนี้ก็มีแต่ตู้ชิงหย่วน ดังนั้น นักรบที่อยู่ตรงหน้าเขาจึงน่าจะเป็นเธอ
ชายวัยกลางคนมองฟู่เฉิงสื่อด้วยสายตาเย็นชา “นายท่านของคุณจงใจจะเป็นศัตรูกับหอเทพเจ้าเหมือนกันหรือ?”
จางเซวียนออกจะงุนงง
เขาไม่ได้เห็นการต่อสู้ตั้งแต่ต้น แต่ฟู่เฉิงสื่อก็น่าจะแข็งแกร่งกว่าชายวัยกลางคน จริงอยู่ว่าอาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้ในการต่อสู้ แต่ในเมื่อฟู่เฉิงสื่อผนึกกำลังกับตู้ชิงหย่วน ก็ยากที่จะเชื่อว่าเขาจะลงเอยด้วยการได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้
หรือว่าตอนนั้น…ชายวัยกลางคนจงใจยอมแพ้เพื่อล่อฟู่เฉิงสื่อให้มาที่นี่?
ข้อสันนิษฐานนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
จากเหตุการณ์ต่างๆที่จางเซวียนพบเจอ เขารู้สึกว่าหอเทพเจ้ามักเล่นไม่ซื่อเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย ซึ่งแม้การเสียสละชีวิตก็ไม่ได้เกินเลยไปจากความคิดของพวกเขา การใช้ลูกไม้แบบนี้จึงไม่ได้แปลกอะไร
“ถ้าคุณทำอะไรหัวหน้าของพวกเราได้ล่ะก็-แค่ก แค่ก-คุณคงทำไปนานแล้ว!” ฟู่เฉิงสื่อคำรามขณะไอเป็นเลือด จากนั้นก็หันไปมองสุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงและเตือนด้วยความยากลำบาก “หัวหน้าตู้ คุณต้องระวังตัวนะ เขามีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!”
สุภาพสตรีที่สวมหน้ากากทองแดงไม่แยแสคำเตือนของฟู่เฉิงสื่อ เธอจับจ้องชายวัยกลางคนด้วยเจตนาสังหารเย็นเยียบ
พลั่ก!
ฝ่ามือขนาดมหึมาที่ผงาดเงื้อมเหนือดินแดนนั้นปรากฏขึ้นกลางอากาศและพุ่งลงมาด้วยพละกำลังอันน่าทึ่ง
“ฝ่ามืออำนาจเบื้องบน, ไม่เลว!” ชายวัยกลางคนหัวเราะลั่นขณะพุ่งเข้าใส่พร้อมกับดาบในมือ