อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2103 เหลือเชื่อจริงๆ!
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2103 เหลือเชื่อจริงๆ!
หลายปีก่อนพวกเขาเคยท้าทายสะพานเบื้องบนด้วยตัวเอง รู้ดีว่ามันยากเย็นแค่ไหน
เห็นสีหน้าของทุกคน กู้จุ้ยอวิ๋นเหยียดริมฝีปาก “พูดก็พูดเถอะ แต่สำนักอมตะเลือนหายของเรากับสำนักป้อมปราการกระจกดำมั่นใจนะ”
“มั่นใจ?”
หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆมองกู้จุ้ยอวิ๋นอย่างไม่อยากเชื่อ
อะไรทำให้เขามั่นอกมั่นใจถึงกับกล้าประกาศแบบนี้?
“ดูนี่สิ” กู้จุ้ยอวิ๋นพูดขณะสะบัดข้อมือและนำตราหยกออกมาอันหนึ่ง
หานเจี้ยนชิวรับตราหยกมาอ่านรายละเอียดในนั้น ครู่ต่อมาก็เงยหน้าขึ้นมองกู้จุ้ยอวิ๋นอีกครั้ง คราวนี้ยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม “นี่มันอะไรกัน?”
สิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในตราหยกคือเทคนิคการต่อสู้ เทคนิคการเคลื่อนไหว และข้อบกพร่องของนักรบคนหนึ่ง
“นี่คือข้อมูลของนักรบคนหนึ่งจากหอเทพเจ้าที่ต่อสู้กับเหล่าอัจฉริยะจากสำนักอมตะเลือนหายของเรา” กู้จุ้ยอวิ๋นอธิบาย
“ข้อมูลของนักรบคนหนึ่งจากหอเทพเจ้า?”
อีก 3 คนลุกพรวดขณะจ้องหน้ากู้จุ้ยอวิ๋นอย่างไม่อยากเชื่อ
หากพวกเขาได้รายละเอียดเกี่ยวกับนักรบของหอเทพเจ้ามาล่วงหน้า ก็ย่อมเตรียมการและออกแบบยุทธวิธีการต่อสู้ที่จะทำให้มีโอกาสได้ชัยชนะมากขึ้นได้!
หัวหน้าฉิงหย่วนรีบรับตราหยกมาเพื่ออ่านรายละเอียด เขาตั้งคำถามอย่างตื่นเต้น “คุณได้ของแบบนี้มาได้อย่างไร?”
ข้อมูลที่ปรากฏดูจะเป็นของจริง แต่เขาก็ทำใจให้เชื่อได้ยากว่าสำนักอมตะเลือนหายจะได้ของล้ำค่าแบบนี้มาจริงๆ
หอเทพเจ้าวางตัวสูงส่งตลอดมา น้อยครั้งที่พวกเขาจะเปิดการโจมตี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำแบบนั้น จะไม่เคยมีผู้รู้เห็นเลย ด้วยเหตุนี้จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บข้อมูลเหล่านั้นมา
“แน่นอนว่าพวกเราไม่มีทางได้ของแบบนี้มาด้วยตัวเองหรอก ผู้ที่ประมวลข้อมูลและมอบตราหยกอันนี้ให้เราคือหอนิรันดร์” กู้จุ้ยอวิ๋นตอบ
“หัวหน้าขงเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาจริงๆ เขาสนิทชิดเชื้อกับเทพเจ้ามากที่สุดในบรรดาพวกเรา เขามอบข้อมูลเหล่านี้ให้และบอกว่าขอแค่เหล่าผู้เข้าท้าทายสะพานเบื้องบนฝึกฝนวรยุทธตามคำแนะนำของเขา ก็จะสามารถเอาชนะสะพานเบื้องบนและเข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย!”
“หัวหน้าขง?” หานเจี้ยนชิวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “โลกนี้ไม่มีของฟรีหรอกนะ ทำไมหัวหน้าขงต้องเสี่ยงต่อการเป็นอริกับหอเทพเจ้าด้วยการมอบข้อมูลเหล่านี้ให้พวกเรา?”
หัวหน้าขงจะได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากไหนก็ตาม แต่หากมันเป็นเรื่องจริง ไม่ช้าไม่นานหอเทพเจ้าก็จะต้องสาวถึงพวกเขาแน่
และเมื่อเกิดเหตุแบบนั้นขึ้น ต่อให้มีพละกำลังเหนือชั้นของหัวหน้าขงคอยปกป้อง พวกเขาก็ไม่น่าจะรับมือกับหอเทพเจ้าไหว
“แน่อยู่แล้วล่ะ พวกเราไม่หลงลืมเรื่องพื้นๆแบบนั้นหรอก เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อมูลนี้ หัวหน้าขงเอ่ยปากขอยืมซุ้มอมตะเลือนหายกับกระจกดำล้ำเลิศเป็นเวลา 1 เดือน” กู้จุ้ยอวิ๋นตอบพร้อมกับหัวเราะหึๆ
หานเจี้ยนชิวหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที “แม้ของล้ำค่าที่ทำหน้าที่อารักขา 6 สำนักใหญ่ของพวกเราจะไม่ใช่ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่พวกมันก็มีหยดเลือดและพลังงานของเหล่าบรรพบุรุษอยู่ ถ้าเกิดการต่อสู้ มันสามารถปลดปล่อยพละกำลังที่เหนือชั้นกว่าแม้แต่ของล้ำค่าระดับกึ่งสรวงสวรรค์เสียอีก คุณคิดดีแล้วหรือที่ให้ใครยืมง่ายๆแบบนั้น?”
ก็เหมือนกับตำหนักคว้าดาวซึ่งมีแท่นบูชาที่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้า อีก 5 สำนักใหญ่ก็มีของล้ำค่าที่ทำหน้าที่ปกป้องและอารักขาพวกเขาเช่นกัน
ของล้ำค่าที่ทำหน้าที่อารักขาสำนักอมตะเลือนหายคือซุ้มอมตะเลือนหาย ว่ากันว่าผู้ก่อตั้งสำนักหลอมมันขึ้นจากอุกกาบาตสวรรค์ เมื่อนำมาใช้ จะสามารถเดินทางข้ามผ่านมิติเป็นระยะทางหลายล้านลี้ได้ภายใน 1 อึดใจ!
ส่วนของล้ำค่าที่ทำหน้าที่ปกป้องสำนักป้อมปราการกระจกดำคือกระจกดำล้ำเลิศ มันสามารถสะท้อนแสงที่มีอานุภาพสกัดกั้นจิตวิญญาณของนักรบได้ ทำให้ผู้นั้นหมดประสิทธิภาพการต่อสู้
ของล้ำค่าเหล่านี้ยังมีวรยุทธไม่ถึงขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่สามารถปลดปล่อยพลังที่แม้แต่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ยังต้องตัวสั่นเมื่อเผชิญหน้า พูดง่ายๆ ต่อให้ผู้อาวุโสฉิงหย่วนก็ต้องเผ่นหนีหากต้องรับมือกับของล้ำค่าพวกนี้
ส่วนสำนักดาบเมฆเหิน ของล้ำค่าที่ทำหน้าที่อารักขาพวกเขาคือดาบเล่มหนึ่งที่ผู้ก่อตั้งทิ้งไว้ เพราะได้รับการบ่มเพาะจากเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า มันจึงมีพละกำลังมหาศาลที่สามารถเล่นงานแม้แต่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
หอนานาอสูรมีบรรพบุรุษที่เป็นมังกรปฐพี เพียงแต่อีกฝ่ายหลับลึกมานานแสนนานจนไม่อาจรู้ได้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
สำนักดาวเจ็ดดวงมีของล้ำค่าพิเศษที่เรียกว่าหมากรุก 7 ดาว ว่ากันว่ามันเป็นชุดหมากรุกที่เหล่าเทพเจ้าเคยใช้ ไม่มีใครรู้ว่ามันมีวรยุทธขั้นไหน แต่แน่นอนว่าล้ำลึกมาก
ด้วยพละกำลังของเครื่องอารักขาเหล่านี้ พวกมันจะถูกเปิดใช้งานได้โดยนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เท่านั้น ทั้ง 6 สำนักจึงไม่อาจรับประกันความยืนยงของพวกเขาได้ด้วยการมีของล้ำค่าเพียงอย่างเดียว
พวกมันเป็นไม้ตายสูงสุดของ 6 สำนักใหญ่ แต่สำนักป้อมปราการกระจกดำกับสำนักอมตะเลือนหายปล่อยให้หัวหน้าขงยืมมันไปอย่างง่ายดายจนแทบไม่น่าเชื่อ
แม้พฤติกรรมของหอนิรันดร์จะขาวสะอาดตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ฉลาดนักที่จะมอบเครื่องมือที่สามารถชี้เป็นชี้ตายชะตากรรมของสำนักให้ตกไปอยู่ในมือของคนนอก
“อาจดูไม่เหมาะนักที่ผมจะเป็นคนพูดเรื่องนี้ แต่หากไม่มีของล้ำค่าที่ทำหน้าที่อารักขาล่ะก็ พวกคุณจะไม่มีทางปกป้องตัวเองได้เลยถ้าหอเทพเจ้าตัดสินใจเปิดการโจมตี” หัวหน้าฉิงหย่วนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
การเดินเกมแบบนี้ถือว่าไม่ฉลาดเลย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่หอเทพเจ้าดูจะกระตือรือร้นผิดปกติ การมอบไม้ตายที่มีอานุภาพสูงสุดของตัวเองให้คนอื่นในเวลาแบบนี้ย่อมไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่
“ไม่มีทางปกป้องตัวเองได้เลย? คุณคิดจริงๆหรือว่าพวกเราจะไม่พิจารณาเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว?” กู้จุ้ยอวิ๋นหัวเราะลั่น
เขาสะบัดข้อมือ แล้วชุดเกราะเต็มยศก็ปรากฏบนร่างของเขา เกราะนี้แผ่รังสีของความกดดันตามแบบของจอมทัพออกมา
“นี่มัน…ของล้ำค่าสำหรับการป้องกันตัวขั้นกึ่งสรวงสวรรค์?”
หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆถึงกับผงะ
ในบรรดา 6 สำนักใหญ่ ไม่มีใครมีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แล้วกู้จุ้ยอวิ๋นได้มันมาได้อย่างไร?
“ใช่ นี่คือบรรณาการจากหัวหน้าขง ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์และข้อมูลของนักรบจากหอเทพเจ้าคือสิ่งที่หัวหน้าขงมอบให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการขอยืมของล้ำค่าสำหรับการอารักขาของพวกเรา” กู้จุ้ยอวิ๋นตอบ
หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆงุนงงหนัก
เหลือเชื่อจริงๆ!
มอบของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ อีกทั้งข้อมูลของนักรบจากหอเทพเจ้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับการขอยืมของล้ำค่าที่ทำหน้าที่อารักขาสำนักเป็นเวลา 1 เดือน…
ต่อให้หอนิรันดร์จะมีทรัพย์สมบัติมากมาย ก็คงไม่อาจทุ่มเงินมหาศาลแบบนี้ใช่ไหม?
“ถ้าอย่างนั้น แปลว่าเจ้าสำนักไป่ก็มีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เหมือนกันน่ะสิ?”
“ผมเชื่อว่าผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวคงรู้อยู่แก่ใจว่าผมมีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์หรือไม่?” ไป่ซวนเฉิงคำรามขณะจ้องหน้าผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“ผม? ผมจะรู้เรื่องนั้นได้ไง?” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวตอบหน้าตาเฉย ราวกับไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่าเขารู้ความจริงดีกว่าใคร
เขาเคยสงสัยว่าไป่ซวนเฉิงได้ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์มาจากไหน แต่ลงท้ายก็กลับกลายเป็นว่ามันคือของแลกเปลี่ยนจากหอนิรันดร์
เพียงแต่เจ้าสำนักของพวกเขาขโมยของล้ำค่าของไป่ซวนเฉิงไปเมื่อตอนอยู่ในทะเลคันฉ่องน้อย พร้อมกับอาวุธและแหวนเก็บสมบัติของอีกฝ่ายด้วย
ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็ไม่อาจยอมรับความจริงได้ ไม่อย่างนั้นจะต้องเจอกับการตำหนิติเตียนอย่างหนักแน่
“อย่ามาตีหน้าซื่อกับผม เราทั้งคู่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลคันฉ่องน้อย!” ไป่ซวนเฉิงตวาด
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าข้าวของทั้งหมดของตัวเองหายไป ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานในการขบคิดว่าใครคือตัวการที่หลบซ่อนอยู่ไม่ห่างออกไปนักตอนที่เขากำลังต่อสู้กับเต่าหลังดำ และผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ก็คือผู้ที่จัดเตรียมคริสตัลเพชรเอาไว้เพื่อล่อลวงเต่าหลังดำให้ปรากฏตัวตั้งแต่แรก
“ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงกล่าวหาผมแบบนั้น แต่เรื่องนี้เราค่อยเคลียร์กันทีหลังก็ได้…สิ่งที่ผมกังวลมากกว่าในเวลานี้ก็คือทำไมหัวหน้าขงถึงยอมทุ่มทุนมหาศาลเพื่อการแลกเปลี่ยนแบบนี้”
ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวรู้ดีว่าหากปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไปก็มีแต่จะกระอักกระอ่วนใจขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจให้ความสำคัญกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้าก่อน “คุณไม่กังวลบ้างหรือว่าหัวหน้าขงคิดจะนำของล้ำค่าของคุณไปทำอะไร?”
หอนิรันดร์เจริญรุ่งเรืองตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลังจากฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ จากหอเทพเจ้ามาได้สำเร็จ ถึงขนาดที่กล่าวได้ว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติล้ำค่าปริมาณมากที่สุดในโลก แล้วทำไมถึงยอมจ่ายเงินมหาศาลเพียงเพื่อสิ่งนี้?
นี่เป็นปริศนาข้อใหญ่ที่ยังไม่มีใครตอบได้ว่าหัวหน้าขงคิดอะไรอยู่
“หัวหน้าขงเป็นคนลึกลับมาตลอด เขามีชื่อเสียงขึ้นมาตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน ถึงขั้นที่โด่งดังทัดเทียมกับบรรดาผู้ก่อตั้งของพวกเราเลยทีเดียว ตอนนี้ผู้ก่อตั้งของพวกเรากลายเป็นผงธุลีไปหมดแล้ว แต่เขายังคงมีบทบาทในโลกใบนี้ ยากที่จะจินตนาการได้ว่าเขายกระดับวรยุทธของตัวเองไปถึงขั้นไหน” กู้จุ้ยอวิ๋นตั้งข้อสังเกต
“ด้วยสถานภาพของเขา ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าเขาจะคืนคำและฉกฉวยของล้ำค่าสำหรับการอารักขาของพวกเราไป ผมคิดว่าให้เขายืมไปแค่เดือนเดียวก็ไม่น่าเสียหายอะไร”
หานเจี้ยนชิวผู้เฉียบแหลมเข้าใจทันทีว่ากู้จุ้ยอวิ๋นคิดอะไรอยู่ รอยย่นลึกปรากฏที่หว่างคิ้วของเขา “สรุปว่าคุณมาที่นี่เพื่อแนะนำพวกเราให้ส่งของล้ำค่าสำหรับการอารักขาให้หัวหน้าขงยืมด้วยใช่ไหม?”
กู้จุ้ยอวิ๋นพยักหน้า “ใช่ พวกเราทำสิ่งนี้ก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ 6 สํานักใหญ่…สำนักอมตะเลือนหายและสำนักป้อมปราการกระจกดำตกลงใจเป็นพันธมิตรกันแล้ว ถ้าพวกเราผ่านสะพานเบื้องบนไปด้วยกันได้ ปริมาณของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่พวกเรามีก็จะเหนือกว่าพวกคุณที่เหลือ และหากสิ่งนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ พวกคุณจะไม่มีวันตามพวกเราทันอีกเลย…”
“คุณข่มขู่พวกเราหรือ?” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวตั้งคำถามด้วยนัยน์ตาวาววับ
“ผมก็แค่นำเสนอข้อเท็จจริง” กู้จุ้ยอวิ๋นตอบอย่างสุขุม
หานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆเงียบกริบ
สิ่งที่กู้จุ้ยอวิ๋นพูดก็มีส่วนจริง สมดุลของอำนาจระหว่าง 6 สำนักใหญ่อยู่บนรากฐานของข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาต่างมีนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์สำนักละคน และไม่มีใครมีของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์
เมื่อไรก็ตามที่สมดุลนี้แปรเปลี่ยนไป ก็ไม่อาจคาดเดาอนาคตได้