อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2109 พวกเราเข้าใจ
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2109 พวกเราเข้าใจ
ขณะที่ความสูงเพิ่มขึ้น จางเซวียนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ มันหนักขึ้นเรื่อยๆราวกับมีมือขนาดใหญ่จากเบื้องบนพยายามผลักเขาลงสู่พื้น ไม่ยอมให้เขาได้ล่วงรู้ความลับของสรวงสวรรค์
เห็นสีหน้าของเหล่านักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ที่เริ่มจะซีดเผือด หานเจี้ยนชิวตะโกน “ทุกคน เกาะไว้ให้ดี การไต่โขดหินสมอสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของบททดสอบเช่นกัน!”
แรงกดดันระดับนี้แทบไม่มีความหมายอะไรกับนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่สำหรับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ มันยังคงเป็นอุปสรรคยากเข็ญที่พวกเขาต้องข้ามผ่านให้ได้
วัตถุประสงค์ของมันก็เพื่อเฟ้นหาผู้เข้าท้าทายที่เหมาะสมที่สุด
ว่ากันว่าเหล่าตัวแทนที่ได้รับเลือกจาก 6 สำนักใหญ่มักผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ด้วยความยากลำบากเพียงเล็กน้อย
ไม่ต่างอะไรกับวิหารแห่งขงจื๊อ จางเซวียนคิด
แรงกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ยังห่างไกลกับการจะทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหว
จางเซวียนเคยพบอะไรทำนองนี้มาแล้วเมื่อครั้งอยู่ที่วิหารแห่งขงจื๊อ มันคือแรงกดดันจากท้องฟ้าที่สกัดกั้นเหล่านักรบไว้ไม่ให้บินสูงกว่านั้น
นักรบอมตะขั้นสูงสามารถบินได้สูงเป็นหมื่นเมตร แต่โขดหินสมอสวรรค์มีอักษรจารึกพิเศษที่ก่อตัวเป็นค่ายกลเพื่อสกัดกั้นเหล่านักรบที่พยายามจะวัดความสูงของมัน
พลั่ก!
ขณะที่จางเซวียนกำลังครุ่นคิดหนัก เสียงใครคนหนึ่งกระอักเลือดก็ดังขึ้นกลางอากาศ เขาหันขวับไปมอง เห็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักดาวเจ็ดดวงพ่ายแพ้ให้กับแรงกดดันและร่วงลงไป
“พวกเรายังมาไม่ถึงครึ่งทางเลย…ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยว ดูเหมือนผู้อาวุโสในสำนักของคุณจะอ่อนแรงลงทุกทีนะ” ผู้อาวุโสฉิงหย่วนหัวเราะหึๆ
ส่วนผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวก็ไม่ได้ตอบโต้ข้อสังเกตของผู้อาวุโสฉิงหย่วน เขามองลงไปด้านล่างพร้อมกับย่นหน้าผาก
หลังจากร่วงลงมาได้ระยะหนึ่ง ผู้อาวุโสก็ตั้งตัวได้ เขารีบอ้าปากหอบหายใจขณะมองขึ้นไปด้านบนด้วยสีหน้าพรั่นพรึง ไม่กล้าปีนกลับขึ้นไปอีก
ด้วยศักยภาพในการบินของนักรบอมตะขั้นสูง ผู้อาวุโสไม่น่าจะร่วงลงมาจนถึงแก่ชีวิต เพียงแต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะไปต่อไม่ไหวทั้งๆที่ยังไปไม่ถึงครึ่งทาง
ผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้เป็นผู้อาวุโสมักเป็นผู้เชี่ยวชาญของสำนัก จากประสบการณ์ที่ผ่านมา แม้ผู้อาวุโสที่อ่อนแอที่สุดก็ยังบินขึ้นไปได้สูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของความสูงทั้งหมดก่อนจะร่วง
พลั่ก!
ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย ผู้อาวุโสอีกคนก็กระอักเลือดออกมากองใหญ่และร่วงลงจากกลางอากาศ
คราวนี้เป็นผู้อาวุโสจากหอนานาอสูร
“คุณ…” ผู้อาวุโสฉิงหย่วนหน้าดำคร่ำเครียด
เขาเพิ่งเยาะเย้ยผู้อาวุโสของสำนักดาวเจ็ดดวงเรื่องความอ่อนแอ แต่แล้วผู้อาวุโสจากหอนานาอสูรของเขาก็ร่วงลงไปด้วย ดูเหมือนกรรมจะติดจรวด
“แรงกดดันจากโขดหินสมอสวรรค์หนักหน่วงกว่าที่เคย” หานเจี้ยนชิวตั้งข้อสังเกตด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสฉิงหย่วนรีบมองโดยรอบ จากนั้นก็เลิกคิ้ว “คุณพูดถูก!”
ในฐานะนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันของโขดหินสมอสวรรค์มากนัก จึงไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าในเวลานี้มีแรงกดดันหนักหน่วงเป็น 2 เท่าของที่เคย
ภายใต้สถานการณ์ปกติ แรงกดดันจะมีมากระดับนี้ก็ต่อเมื่อปีนป่ายโขดหินสมอสวรรค์ขึ้นไปได้ที่ความสูงราว 70%
“บททดสอบของโขดหินสมอสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา ทำไมจู่ๆถึงมาผิดปกติเอาตอนนี้?” ผู้อาวุโสฉิงหย่วนพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ
“จะต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการที่สะพานเบื้องบนลงมาก่อนเวลาแน่” หานเจี้ยนชิวพูดอย่างเคร่งขรึม
“ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เรื่องจริงก็คือโขดหินสมอสวรรค์มีอันตรายมากกว่าที่เคย พวกคุณจะต้องเพ่งสมาธิให้ดีและไม่ปล่อยให้การ์ดตก มีแต่การปีนป่ายโขดหินสมอสวรรค์เท่านั้นที่จะทำให้คุณมีคุณสมบัติเพียงพอจะเข้าท้าทายสะพานเบื้องบนและเข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ โอกาสแบบนี้คงไม่เกิดกับคุณเป็นครั้งที่ 2” ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยวหันไปมองเหล่าผู้เข้าท้าทายและสั่งการอย่างเคร่งเครียด
ด้วยกฎเกณฑ์ของสะพานเบื้องบน นักรบทุกคนจะผ่านบททดสอบได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต หากพวกเขาพลาดพลั้งที่นี่ ก็จะไม่มีวันได้เข้าถึงวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์อีกเลย
“พวกเราเข้าใจ!”
รู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทั้งกลุ่มจึงไม่กล้าทำอะไรแบบเล่นๆ ทุกคนมีสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็ตั้งใจปีนป่ายโขดหินสมอสวรรค์ต่อไป
แต่จำนวนนักรบที่ร่วงลงไปก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พวกเขาปีนป่ายสูงขึ้น สมาชิกของกลุ่มก็ร่วงลงไปทีละคนสองคน
เมื่อมาถึงบริเวณของความสูง 70% ก็เหลืออยู่ไม่ถึง 20 คน
ตัวแทนทั้งสามที่จะเข้าท้าทายสะพานเบื้องบนพร้อมกับจางเซวียนได้ผ่านการอบรมขัดเกลาแบบพิเศษตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนั้น ป่านนี้พวกเขาคงถอดใจไปแล้ว
จางเซวียนหันไปมองตัวแทนทั้งสามที่อยู่ด้านหลัง เห็นทุกคนเหงื่อโชก เขาตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเอาจริง “พวกคุณยังไหวหรือเปล่า?”
“ไหว พวกเราจะผ่านไปให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ผู้อาวุโสหงอู่กัดฟันตอบ
ทั้งกลุ่มจึงรุดหน้าต่อไป
เมื่อมาถึงจุดที่ความสูง 80 เปอร์เซ็นต์ ก็เหลือแต่ผู้อาวุโสคุ่ยเฉี่ยว ผู้อาวุโสฉิงหย่วน หานเจี้ยนชิว จางเซวียน และตัวแทนทั้งสามเท่านั้น
แม้ผู้อาวุโสฉิงหย่วนกับคนอื่นๆจะยังเคลื่อนไหวได้สบายเพราะพละกำลังที่มีอยู่ แต่ผู้อาวุโสหงอู่กับตัวแทนอีก 2 คนใช้พละกำลังจนถึงขีดสุดแล้ว ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านไม่หยุด แขนขาอ่อนแรงเพราะแรงกดดันมหาศาล รู้สึกเหมือนพร้อมจะร่วงจากกลางอากาศได้ทุกขณะ
“พวกนั้นไม่อาจปีนป่ายโขดหินสมอสวรรค์ได้จริงๆหรือ?” จางเซวียนครุ่นคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว
ยังเหลือระยะทางอีกหลายพันเมตร แต่คนเหล่านี้แทบจะไม่ไหวแล้ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไป คงไม่มีทางอดทนจนได้ไปถึงสะพานเบื้องบนแน่
ดูเหมือนเขาประเมินศักยภาพของหอเทพเจ้าต่ำไปอีกครั้ง
“พวกคุณสามคนรอที่นี่ก่อน ผมจะปีนขึ้นไปล่วงหน้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแรงกดดันถึงได้หนักหน่วงแบบนี้” จางเซวียนหันไปสั่งการกับผู้เข้าท้าทายทั้งสาม
แม้เขาจะฝึกคนเหล่านั้นมากับมือ แต่ก็ดูเหมือนพวกเขายังไม่แข็งแกร่งพอจะปีนป่ายถึงยอด ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น สิ่งเดียวที่เขาพอจะช่วยเหลือได้ก็คือบรรเทาต้นตอของแรงกดดันเสียก่อน
จางเซวียนจึงเร่งความเร็วขึ้นสู่โขดหินสมอสวรรค์ แรงกดดันรอบตัวเขาหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดที่บรรยากาศรอบตัวดูเข้มข้นจนน่าสะพรึง
จางเซวียนขับเคลื่อนเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าให้แผ่ซ่านออกมารอบตัว ร่างของเขาแปรสภาพเป็นดาบคมๆเล่มหนึ่ง
ฟึ่บ!
เขาฉีกกระชากบรรยากาศหนักอึ้งที่อยู่รอบตัว และด้วยการพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็มาถึงยอดโขดหินสมอสวรรค์
บริเวณยอดโขดหินมีพื้นที่ราบซึ่งน่าจะมีรัศมีราว 100 เมตร บนนั้นไม่มีอะไรเลย ท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีดำสนิท ไม่มีหอเทพเจ้าให้เห็น
จางเซวียนยืนอยู่บนที่ราบนั้นและพยายามจะไขว่คว้าหาพื้นที่ที่สูงขึ้น แต่ก็พบว่ากำลังแตะเพดาน ซึ่งแทนที่จะเรียกว่าเพดาน เรียกมันว่าสุดขอบโลกน่าจะถูกต้องกว่า เพราะไม่ว่าเขาจะขับเคลื่อนพลังปราณอย่างดุเดือดแค่ไหน ก็ผ่านมันไปไม่ได้
พูดอีกอย่างก็คือเขาไม่อาจเข้าถึงหอเทพเจ้าได้ด้วยระดับวรยุทธที่มีอยู่
จางเซวียนจึงกลับมาที่ยอดโขดหินสมอสวรรค์และสำรวจพื้นที่โดยรอบ เขาพบว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยอักษรจารึกแบบเดียวกันกับที่อยู่ระหว่างทาง
ขอแค่เราถอดรหัสอักษรจารึกได้ แรงกดดันก็จะหายไปใช่ไหม?
แม้แต่จางเซวียนก็ไม่อาจทำความเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังอักษรจารึกได้ทั้งหมด น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้โขดหินสมอสวรรค์ยังคงยืนหยัดอยู่ได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานหลายพันปี
มีความเป็นไปได้สูงที่แรงกดดันที่กำลังถาโถมเข้าใส่ทุกคนจะมีต้นกำเนิดมาจากอักษรจารึกที่เห็น
“ไป!”
จางเซวียนสะบัดข้อมือ เขาชักดาบถงซังออกมาและจ้วงแทงเข้าใส่อักษรจารึกนั้น
กระแสดาบฉีเกรี้ยวกราดพุ่งออกมาราวกับมังกรผงาด ล้อมรอบยอดโขดหินไว้ ก่อนในที่สุดจะดำดิ่งเข้าสู่อักษรจารึก
วิ้งงงง!
แสงเจิดจ้าวาบออกมาจากบริเวณที่ราบ ราวกับมีบางอย่างถูกปลุกให้ตื่น
เป็นอย่างที่คิดไว้เลย!
แรงกดดันในพื้นที่โดยรอบเปลี่ยนแปลงไปตามลำแสง เป็นเครื่องพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของจางเซวียน เขาจึงนำดาบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ออกมาอีก 9 เล่ม และสร้างค่ายกลดาบไว้รอบตัว
“จัดการ!”
จางเซวียนถ่ายทอดเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าเข้าสู่ดาบทั้ง 10 เล่มก่อนจะสั่งให้พวกมันตรงเข้าเล่นงานที่ราบนั้น
แม้เขาจะไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของอักษรจารึก แต่ด้วยดวงตาหยั่งรู้ ก็ทำให้ค้นพบข้อบกพร่องในค่ายกล และข้อบกพร่องเหล่านั้นก็คือจุดที่ดาบของเขาตรงเข้าเล่นงาน
บึ้มมมม!
ลำแสงระเบิดออก แรงกดดันมหาศาลในอากาศหายวับไป
ฟิ้วววววว!
ลมหอบใหญ่พัดมาจากด้านล่าง หานเจี้ยนชิวกับคนที่เหลือฉวยโอกาสนี้รีบปีนขึ้นมาจนถึงยอดโขดหิน
ทันทีที่ทุกคนมาถึง อักษรจารึกที่ถูกทำลายก็กลับคืนสู่สภาพเดิม แรงกดดันมหาศาลเริ่มถาโถมเข้าใส่บริเวณโดยรอบอีกครั้ง
เป็นเวลาเพียงสองอึดใจเท่านั้นนับจากวินาทีที่แรงกดดันหายไปจนถึงวินาทีที่มันปรากฏขึ้นอีกรอบ ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คงเอาตัวรอดไม่ทันเวลา
“อักษรจารึกพวกนั้นสามารถซ่อมแซมตัวเองได้?” จางเซวียนประหลาดใจ
เขาคิดว่าค่ายกลน่าจะเสียหายอย่างสิ้นเชิงหลังจากการโจมตีของเขา แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขนาดนี้?
สมกับเป็นประตูสู่หอเทพเจ้า มันไม่ธรรมดาเลย!
แรงกดดันที่อยู่โดยรอบหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆขณะที่พวกเขาปีนป่ายโขดหินสมอสวรรค์ แต่เมื่อถึงยอดเขา แรงกดดันนั้นก็หายไปเกือบหมด
ผู้อาวุโสหงอู่กับผู้เข้าท้าทายอีก 2 คนทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง พวกเขาต้องผลักดันพละกำลังถึงขีดสุดกว่าจะมาถึงยอดเขา
ทั้ง 3 รีบกลืนยาเม็ดลงไปเพื่อฟื้นฟูพละกำลัง
ส่วนหานเจี้ยนชิวกับคนอื่นๆมองไปรอบๆด้วยสายตาและสีหน้าซับซ้อน
เมื่อหลายปีก่อนพวกเขาก็เคยยืนอยู่ที่นี่ ทุกคนเคยเสี่ยงตายและผ่านการดวลแบบชี้เป็นชี้ตายกว่าจะไต่เต้าขึ้นมามีวรยุทธอย่างที่เป็นอยู่
“สะพานเบื้องบนกับหอเทพเจ้าอยู่ไหน?” จางเซวียนตั้งคำถาม
พื้นที่นี้ดูแห้งแล้งกันดาร ไม่มีสัญญาณของสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสะพานเบื้องบนหรือหอเทพเจ้าเลย
“สะพานเบื้องบนอยู่เหนือพวกเรานี่แหละ เมื่อเวลานั้นมาถึง มันจะลงมาและกลายเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างหอเทพเจ้ากับโขดหินสมอสวรรค์ ผู้ที่อายุต่ำกว่า 100 ปีจะสามารถเข้าสู่สะพานเบื้องบน และท้าทายเหล่านักรบของหอเทพเจ้าที่ทำหน้าที่อารักขาเส้นทางได้” หานเจี้ยนชิวชี้นิ้วขึ้นไปขณะอธิบาย