อัจฉริยะสมองเพชร - ตอนที่ 2114 ผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์
อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 2114 ผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์
ปราสาทหลังมหึมาลอยตัวอย่างเงียบเชียบอยู่กลางอากาศ ตัดกับความว่างเปล่าอันมืดมิด จางเซวียนใช้เวลาราว 15 นาทีกว่าจะถึงทางเข้า
แอ๊ดดดดด!
เมื่อรับรู้ได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตปรากฏตัว ประตูปราสาทค่อยๆเปิดออก
รู้ดีว่าเวลาไม่คอยท่า จางเซวียนรีบผลุบเข้าไป
หลังจากเข้าไปได้เพียงไม่นาน ประตูก็ปิดตามหลัง ผลักดันเขาเข้าสู่ความมืดมิด จากนั้นคบเพลิงมากมายนับไม่ถ้วนก็ลุกโพลง ส่องแสงสว่างไปโดยรอบ
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
นักรบ 10 คนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน รังสีของพวกเขาเข้มข้นหนักแน่นจนยากจะหยั่งถึง ไม่อาจคาดเดาความลึกล้ำของวรยุทธของพวกเขาได้เลย
ทุกคนล้วนเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์!
หอเทพเจ้าช่างไร้เทียมทานจริงๆ เพราะกว่าจะได้พบนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์สักคนในทวีปที่ถูกลืมก็แสนยากเย็น แต่สำหรับที่นี่ นักรบระดับนั้นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันทีเดียวถึง 10 คน
“จางเซวียน คุณกล้ามากนะ รู้อยู่ว่าหอเทพเจ้าตั้งใจจะจับคุณให้ได้ แต่ก็ยังกล้าเดินทางมาถึงนี่”
ร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์บริเวณใจกลางห้อง ตำแหน่งที่เขานั่งอยู่สูงเกินกว่าที่คบเพลิงจะส่องถึง ทำให้ใบหน้าของเขาถูกบดบังอยู่ในเงามืด น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบ ปราศจากความรู้สึกรู้สาใดๆ
จางเซวียนคิดไว้แล้วว่าจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ จึงไม่ได้ตกใจ
เขาจ้องมองร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังก์และพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว “ทวีปที่ถูกลืมมีคนเก่งๆอยู่มากมาย ผมน่ะอยากรู้เหลือเกินว่าทำไมคุณถึงทำตัวกัดไม่ปล่อย ไล่ล่าผมอยู่ได้ เป็นเพราะเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าจริงๆหรือเปล่า?”
เขาแน่ใจว่าตัวเองเก็บเนื้อเก็บตัวแล้วนับตั้งแต่มาถึงทวีปที่ถูกลืม แต่ก็ยังถูกลอบสังหารถึง 3 ครั้ง ไม่เข้าใจจริงๆว่าหอเทพเจ้าคิดอะไรอยู่
“เจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า?” ร่างบนบัลลังก์คำรามเยาะ “เพียงเท่านั้นน่ะไม่คู่ควรกับการที่หอเทพเจ้าจะออกโรงหรอก!”
“แล้วคุณหมายถึงอะไร?” จางเซวียนย้อนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ทั้งๆที่เปลวไฟจากคบเพลิงยังลุกโพลง แต่บริเวณโดยรอบก็เย็นเยือกและไร้ชีวิตชีวา
“คุณมาจากทวีปแห่งปรมาจารย์ไม่ใช่หรือ?” ร่างนั้นตั้งคำถาม
“คุณรู้จักทวีปแห่งปรมาจารย์ด้วย?” จางเซวียนตะลึง
อีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม แต่โบกมือแล้วพูดว่า “ผมต้องการจับเป็น”
พรึ่บ!
นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 10 คนตรงเข้าตีวงล้อมจางเซวียนทันที
“จับผมน่ะไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”จางเซวียนคำราม
ในเมื่อเขาอาจหาญเหยียบย่างหอเทพเจ้าแล้ว ก็พร้อมรับมือกับทุกอันตรายที่นี่
ฟึ่บ!
จางเซวียนนำศพของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 2 คนจากสะพานเบื้องบนออกมา
บึ้มมมม!
ในชั่วพริบตา สองร่างนั้นก็ระเบิดพร้อมกัน
ระหว่างทางที่มา จางเซวียนได้หลอมร่างทั้งสองให้เป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณ
แต่ยังไม่ทันที่คลื่นความสั่นสะเทือนจากการระเบิดจะกระจายตัวออกไป เสียงคำรามเย็นเยียบก็ดังขึ้น จากนั้นลำแสงหนึ่งก็เจิดจ้าทั่วทั้งหอเทพเจ้า สกัดกั้นแรงปะทะของการระเบิดไว้
แสงนั้นทำให้แรงระเบิดสลายตัวไปทันที
จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด
เขาคิดว่าอย่างน้อยที่สุด การระเบิดของหุ่นโลหะไร้วิญญาณ 2 ตัวคงถ่วงเวลาได้ระยะหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะมีค่ายกลป้องกันตัวที่มีอานุภาพไร้เทียมทานถูกติดตั้งไว้รอบหอเทพเจ้า สามารถกำจัดแรงระเบิดได้อย่างสิ้นเชิง!
“ไม่ได้การแล้ว เราต้องหนี!”
จางเซวียนชักดาบถงซังออกมาและขับเคลื่อนเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าโดยบังคับให้พุ่งเข้าใส่ประตูหอเทพเจ้าที่ปิดตาย ตั้งใจจะพังประตูนั้น
ดาบถงซังเป็นของล้ำค่าที่อีกเพียงก้าวเดียวก็จะมีวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ ระหว่างทางที่มาที่นี่ เขาได้ใช้รังสีพิเศษจากแท่นรูปวงกลมเข้าช่วยมันฝ่าด่านวรยุทธ ทำให้มันแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
เมื่อผนวกเข้ากับเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า พละกำลังที่จางเซวียนมีทำให้เขาสังหารได้แม้แต่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั่วไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เคร้งงงงง!
แต่ขณะที่กระแสดาบฉีกระทบกับประตู เสียงเคร้งของโลหะก็ดังกึกก้อง น่าอัศจรรย์ใจที่ประตูนั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!
“ประตูนี้เป็นของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เหมือนกันหรือ?” จางเซวียนแทบไม่เชื่อสายตา
พละกำลังที่เขาสำแดงออกมาเมื่อครู่นี้สามารถเล่นงานหานเจี้ยนชิวได้ในชั่วพริบตา แต่ทั้งๆที่เจอการโจมตีระดับนั้น ประตูก็ยังไร้รอยขีดข่วน ระดับขั้นของมันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
“เสียเวลาเปล่า!”
เพราะคาดเดาไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 10 คนหัวเราะหึๆขณะพุ่งเข้าใส่จางเซวียนพร้อมกัน
ตาข่ายพลังปราณขนาดมหึมาร่วงจากกลางอากาศ สกัดกั้นหนทางหลบหนีของจางเซวียนไว้หมด
“สลายตัว!” จางเซวียนชักดาบของเขาออกมา ปลดปล่อยปราการกระแสดาบฉีเข้าใส่ตาข่ายขนาดมหึมานั้น
แต่กระแสดาบฉีก็ไม่อาจยับยั้งตาข่ายได้ ดูราวกับทั้งคู่อยู่คนละชั้น ตาข่ายนั้นทะลุผ่านกระแสดาบฉีและพันร่างของจางเซวียนไว้อย่างแน่นหนา ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนรู้สึกได้ว่าพลังปราณของเขาถูกสกัดกั้น ทำให้ไม่อาจสำแดงพละกำลังได้เลย
“สกัดกั้นวรยุทธของเขา!”
เมื่อใช้ตาข่ายขนาดใหญ่ดักจางเซวียนได้สำเร็จ เหล่านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์พากันลอบถอนหายใจ พวกเขาไม่คิดว่าอะไรๆจะราบรื่นขนาดนี้
นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่งก้าวเข้าไปแล้วใช้นิ้วแตะจางเซวียน หมายจะสกัดกั้นวรยุทธของเขา
“ผมรอคุณอยู่!” จางเซวียนพึมพำพร้อมกับยิ้มอ่อน
ดาบ 3 เล่มปรากฏขึ้นอย่างปุบปับ และด้วยการเคลื่อนไหวอันซับซ้อนต่อเนื่องกันเป็นชุด พวกมันพุ่งเข้าปักแผ่นหลังของนักรบผู้นั้นทันที ร่างของอีกฝ่ายแบะออกจากกันเป็นสองซีก
ทันทีที่นักรบจากหอเทพเจ้าถูกสังหาร จางเซวียนรู้สึกได้ว่าตาข่ายขนาดใหญ่นั้นคลายตัวออกเล็กน้อย ดูเหมือนค่ายกลจะสูญเสียหนึ่งในแหล่งพลังงานหลักไป ทำให้ความแน่นหนาลดลง
นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่เหลือรีบถ่ายทอดพลังงานเข้าสู่ตาข่ายขนาดใหญ่นั้น หวังจะทำให้มันมั่นคงดังเดิม
แต่ถึงพวกเขาจะไหวตัวเร็วแค่ไหน ก็ไม่มีใครเร็วไปกว่าจางเซวียนที่เฝ้ารอโอกาสนี้อยู่ เขาทะลึ่งตัวออกจากตาข่ายขนาดใหญ่และกระโจนขึ้นสู่กลางอากาศ จากนั้นก็ชักดาบออกมากวัดแกว่งอย่างดุเดือด กระแสดาบฉีอันทรงพลังพุ่งลงมาราวกับห่าฝน ตรงเข้าเล่นงานนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่ง
แม้ทั้ง 10 คนจะเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์เหมือนกัน แต่พละกำลังก็ไม่ได้ทัดเทียมกันทั้งหมด จางเซวียนดูออกว่านักรบผู้นี้อ่อนแอที่สุดในบรรดา 9 คนที่เหลือ
เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ทำให้กำจัดศัตรูคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นก็ใช้จังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังตกตะลึงปล่อยการโจมตีเข้าใส่ผู้ที่อ่อนแอที่สุด
ถึงจางเซวียนจะเคลื่อนไหวปราดเปรียว แต่เขาก็คิดคำนวณอย่างดีแล้วว่ากระบวนท่าไหนที่เหมาะสมที่สุดและทำให้เขามีโอกาสกำจัดคู่ต่อสู้ได้แม่นยำสูงสุด
ถ้าเขาไม่มั่นใจในความเก่งกาจของตัวเอง จะยอมเสี่ยงตายมาที่นี่ทำไม?
ฟิ้ววววว!
พละกำลังของดาบทั้ง 4 เล่มที่ผนวกเข้ากับเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าก่อเกิดเป็นพลังที่เหนือชั้นกว่าที่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ผู้อ่อนแอคนหนึ่งจะรับมือไหว เขาถูกเฉือนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วพริบตา
ไม่มีใครคาดคิดว่าเพื่อนร่วมทีม 2 คนจะถูกสังหารอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตาจนพวกเขาเกิดความหวาดหวั่นลึกๆในใจ
ความหวาดหวั่นนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับจางเซวียน แต่เป็นความหวาดหวั่นต่อเจ้านายของพวกเขาด้วย
นี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ทำเรื่องไม่น่าดูให้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเจ้านาย
บึ้มมมมม!
ฝ่ามือแปดคู่แตะพื้นพร้อมกัน พลังงานมหาศาลระเบิดออกมา ทำให้มิติในหอเทพเจ้าแข็งทื่อ เกิดแรงต้านทานการเคลื่อนไหวทุกชนิด
จางเซวียนคำราม เขาพยายามนำเต่าหลังดำกับฉลามสามพี่น้องออกมาช่วย แต่ก็เหมือนตอนอยู่ที่สะพานเบื้องบน เขาไม่อาจเปิดกระสอบอสูรได้เมื่ออยู่ที่นี่
เส้นเลือดที่ขมับของจางเซวียนปูดโปน เขาชักดาบถงซังออกมาอย่างแรง พร้อมกับนำโซ่โลหะและง้าวออกมาทำลายค่ายกลที่ได้รับการเสริมกำลังจากนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่เหลืออีก 8 คน
เมื่อของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 3 ชิ้นทำงานพร้อมกัน ก็เหมือนหินก้อนใหญ่ที่ถูกขว้างลงไปในสระน้ำ รอยแยกสีดำสนิทกระจายตัวไปโดยรอบ ระเบิดมิติที่แข็งทื่อ
“จบเสียที!”
จางเซวียนทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเพื่อระเบิดมิติที่ถูกเปิดออก แต่รู้สึกได้ว่าคู่ต่อสู้คนหนึ่งลอบโจมตีเขา อีกฝ่ายเงื้อมือขึ้นและปล่อยพลังจากฝ่ามือเข้าใส่
จางเซวียนไม่มีเวลาหลบ จึงทำได้แค่ปล่อยพลังงานออกมาขวางเพื่อเบี่ยงเบนการโจมตี แต่พละกำลังจากฝ่ามือนั้นรุนแรงมาก การโจมตีเพียงครั้งเดียวทำให้ซี่โครงของจางเซวียนหักสามซี่ เขาร่วงลงมาจากกลางอากาศ
ถ้าเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ 3, 4 หรือ 5 คน เขายังพอรับมือไหว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักรบระดับนั้นพร้อมกันทีเดียวถึง 10 คน แถมทุกคนยังเป็นผู้เชี่ยวชาญจากหอเทพเจ้า ก็เป็นธรรมดาที่จะยืนหยัดได้ยาก แม้จะใช้ทักษะเหนือชั้นของเขาก็ตาม
จางเซวียนร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรง เลือดซึมออกจากมุมปาก เขาพยายามลุกขึ้นยืน แต่โซ่โลหะเส้นหนึ่งพันร่างของเขาไว้อย่างแน่นหนา
“ของล้ำค่าขั้นกึ่งสรวงสวรรค์?”
จางเซวียนรู้สึกได้ว่าโซ่โลหะกดลงไปในผิวหนังของเขา แม้ด้วยพละกำลังที่มีอยู่ ก็ไม่อาจดิ้นรนให้เป็นอิสระได้
“ตกอยู่ในวงล้อมของนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ถึง 10 คน แต่คุณก็ยังสังหารพวกเขาได้ถึง 2 คน นั่นอธิบายได้ว่าทำไมคุณถึงยังมีชีวิตรอดแม้ผมจะเคยส่งคนไปลอบสังหารคุณหลายครั้ง ผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์น่ะคงเก่งกาจน้อยกว่านี้ไม่ได้หรอก” ร่างที่นั่งอยู่เหนือคบเพลิงจ้องมองลงมาที่จางเซวียนด้วยสายตาเย็นเยียบ
ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้หงุดหงิดหรือโกรธเคืองที่จางเซวียนสังหารลูกน้องของเขาไปถึง 2 คน
“ผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์?”
รู้ดีว่าไม่มีทางหลบหนี จางเซวียนจึงหยุดกระเสือกกระสนดิ้นรน เขาเพ่งสมาธิไปที่การขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บขณะตั้งคำถามด้วยหน้าผากยับยู่ยี่
“ใช่ ก็คุณคือผู้ที่มีสรวงสวรรค์อยู่กับตัวไม่ใช่หรือ?” ร่างนั้นเปรยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่คำพูดของเขาทำให้จางเซวียนตัวแข็งทื่อ
เขาไม่คาดคิดว่าจะมีใครตั้งคำถามแบบนี้ การที่เขามีหอสมุดเทียบฟ้าอยู่กับตัวควรเป็นเรื่องที่มีแต่หลัวลั่วชิงเท่านั้นที่รู้ ไม่ควรจะมีใครอื่น
แต่คำพูดของร่างนั้นดูจะบอกเป็นนัยๆถึงหอสมุดเทียบฟ้า หัวหน้าหอเทพเจ้ารู้เรื่องหอสมุดเทียบฟ้าด้วยหรือ?
หรือว่าเหล่าเทพเจ้าล้วนมีความสามารถในการมองเห็นหอสมุดเทียบฟ้า?
เพราะหอเทพเจ้าเล่นงานเขาหลังจากที่เขาทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ เขาจึงคิดว่าคงน่ากลัวไม่น้อยหากพยายามจะฉกฉวยตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ จากที่นี่ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าตัวเองเข้าใจผิดถนัด!
ต่อให้เขาทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ ก็แล้วอย่างไร?